บทที่ 50 หักส่วนแบ่งอาหารของพวกเขา
“ประเด็นสำคัญก็คือ” หลี่ซื่อเข่นเขี้ยวพูดว่า “ย่าของนางอยากบังคับให้มารดานางขายพี่สาวคนที่สามและพี่สาวคนที่สี่ออกไป จะได้เอาเงินมาให้ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้ชายแต่งสะใภ้ จึงลดส่วนแบ่งอาหารของพวกเขา”
เย่อวี๋หรานพลันเข้าใจแล้วว่าทำไมหลี่ซื่อจึงสงสัยว่าหลินซื่อเป็นคนขโมยอาหารไป
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เห็นได้ว่าในเรือนนี้เพิ่งเก็บเสบียงมาได้ปริมาณมากในคราวเดียว แล้วใครเล่าจะไม่หวั่นไหว?
แม้จะไม่อยู่ท้องเท่าข้าว แต่ก็ไม่ใช่โจ๊ก แต่ละมื้อถ้าไม่ใช่แป้งกรอบก็เป็นอาหารประเภทย่างนึ่งผลัดเวียนกันหลากหลาย นี่ก็คือชีวิตในบ้านแม่สามี แต่ว่าบ้านมารดาเล่า?
ก่อนช่วงเก็บเกี่ยวฤดูสารทเดิมก็ยากลำบาก เวลาแบบนี้ยังถูกคนแก่ที่นั่นลดปริมาณอาหาร คนบ้านมารดายังจะมีชีวิตกันอยู่ได้อย่างไร? หัวใจคนเราสร้างขึ้นมาจากเลือดเนื้อ สำหรับหลินซื่อแล้ว บ้านมารดายังมีบิดามารดาพี่สาวน้องสาว จะไม่ร้อนใจได้เชียวหรือ?
สถานการณ์เช่นนี้ จะบังเกิดความคิดที่ไม่ถูกต้องบ้างย่อมเป็นเรื่องปกติ
“แล้วเจ้าล่ะ?” เย่อวี๋หรานไม่เชื่อหรอกว่าหลี่ซื่อจะคิดเช่นนี้ ไม่ใช่ว่า ‘เอาความคิดของตัวเองไปตัดสินคนอื่น’
หลี่ซื่อใจเต้นระทึก
“คราวที่แล้วเจ้าหัวเด็ดตีนขาดก็จะกลับบ้านเดิมให้ได้ หลังจากนั้นก็ไม่ได้กลับ เจ้าไม่มีความคิดอะไรเลยหรือ?”
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้ขโมยอาหารในเรือนเลยนะเจ้าคะ” หลี่ซื่อร้อนรน รีบอธิบายทันที “ข้าเอาของไปแลกต่างหาก”
จากนั้นก็เล่าเรื่องที่นางใช้ประโยชน์จากน้ำเชื่อมผลไม้ โดยให้ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าเป็นตัวกลางป่าวประกาศในหมู่เด็ก ๆ เพื่อก่อกวนจนพวกผู้ใหญ่ที่บ้านต้องเอาของกินเล็กน้อยออกมาแลกกับน้ำเชื่อมผลไม้
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก เดิมทีน้ำเชื่อมผลไม้ก็ไม่ได้ใช้เงินซื้อมาอยู่แล้ว คนอื่นก็ไม่มีเงิน จึงเอาสิ่งของมากมายออกมาแลกเพื่อจะได้ชิมสักคำ
“ตอนนี้ทุกคนล้วนลำบาก ดังนั้นจึงกำหนดขั้นต่ำเอาไว้ ข้าลองคำนวณแล้ว น้ำเชื่อมผลไม้ก็มีแต่แป้งที่ใช้เงินซื้อ ขอแค่ไม่ขาดทุนค่าแป้ง ข้าก็แลกทั้งนั้น เจ้าสิ่งนี้อย่างไรก็ถูกกว่าถังหูลู่[1] ที่ราคาไม้ละสองเหรียญอยู่แล้วกระมัง?
“น้ำเชื่อมผลไม้หนึ่งช้อนใช้ใบไม้สะอาดห่อเอาไว้ เด็กหลายคนในครอบครัวแบ่งปันกันกิน จะมากน้อยก็ถือว่าเป็นของหวาน หรือถ้าตัดใจไม่ได้จริง ๆ ก็เอามาช่วยเสริมรสอาหาร เปลี่ยนรสชาติบ้างก็ทำได้เหมือนกัน”
ว่ากันตามตรง เย่อวี๋หรานคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลี่ซื่อจะมีหัวการค้าขนาดนี้ น้ำเชื่อมผลไม้แค่นั้นก็เอามาพลิกแพลงใช้งานได้หลากหลาย
นางว่าแล้วเชียว ทำไมหลี่ซื่อชอบกินน้ำเชื่อมผลไม้ขนาดนี้ เห็นทีไรเป็นต้องทำแทบทุกวัน ที่แท้ก็ไม่ได้ทำมากินเอง แต่นำมาใช้ ‘แลกเปลี่ยน’ เสบียงอาหาร
ภายหลังหลี่ซื่อยังเอาอย่างวิธีทำน้ำพริกปูของนาง ด้วยการละลายแป้งในน้ำ เคี่ยวออกมาจนข้นเหนียว เพียงแต่เย่อวี๋หรานรู้สึกว่ามันแปลก ๆ ไม่ชอบกิน เห็นว่าล้วนเป็นสิ่งของที่หาได้ในเรือนจึงไม่ได้สนใจนาง
เดิมทีคนท้องก็มักจะอยากกินของแปลก ๆ อยู่แล้ว หลี่ซื่อแค่ชอบกินน้ำเชื่อมผลไม้ เย่อวี๋หรานก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะมีอะไรเป็นพิเศษ
“ท่านแม่ ท่านโกรธหรือเจ้าคะ?” หลี่ซื่อถามอย่างระมัดระวังยิ่งนัก “ไม่ได้เยอะจริง ๆ นะเจ้าคะ ข้าแค่เอาใส่ตะกร้า ไหว้วานคนส่งไปให้บ้านมารดาเท่านั้น”
นางกัดฟันทีหนึ่ง และเอ่ยว่า “ถ้าท่านแม่ไม่เชื่อจะเข้ามาดูในห้องของข้าก็ได้ ข้าเหลือแต่ผลแดงน้อยกับผลไม้อย่างอื่นนิดหน่อยแล้ว”
ผลไม้เหล่านั้น หลี่ซื่อย่อมเก็บไว้ให้ตนเองกิน
ในฐานะที่เป็นคนท้อง ปากย่อมไม่อาจหยุดกินได้ นางทราบว่าบ้านมารดาจะต้องไม่ขาดแคลนผลไม้ป่าเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สิ่งที่ขาดแคลนก็คือของที่สามารถทำให้อิ่มท้องได้ต่างหาก
ดังนั้น ใครเอาผลไม้ป่าหรือรำข้าวหนึ่งช้อนเล็กมาแลกกับนาง นางก็ยอมให้แลกทั้งสิ้น
หลี่ซื่อทราบว่าพฤติกรรมของนางออกจะคล้ายกับคนอกตัญญูที่กินใช้อยู่ในบ้านแม่สามีแต่กลับคิดหาวิธีช่วยเหลือบ้านมารดา หากแต่นางไม่มีวิธีอื่น
ถึงนางจะมีพี่น้องผู้ชาย แต่ครอบครัวของพวกเขาก็ลำบากเช่นกัน ทุกปีเมื่อถึงคราวเก็บเกี่ยว บิดากับพี่ชายของนางล้วนหนังถลอกออกไปหนึ่งชั้น ต้องใช้เวลาตลอดหน้าหนาวเพื่อให้หายดี
เย่อวี๋หรานถาม “นอกจากเอาน้ำเชื่อมผลไม้ไปแลก เจ้าได้เอาสิ่งของอย่างอื่นไปด้วยไหม?”
หลี่ซื่ออ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
“เอาไปแล้วก็คือเอาไปแล้ว ไม่ได้เอาไปก็คือไม่ได้เอาไป แค่เจ้าสารภาพอย่างตรงไปตรงมา เรื่องนี้ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว” เย่อวี๋หรานพูด
“ท่านแม่พูดจริง ๆ นะเจ้าคะ ท่านแม่จะไม่โกรธนะ?” หลี่ซื่อมองสีหน้าของนางอย่างระมัดระวัง
เย่อวี๋หรานสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “พูดออกมาตามตรงก็พอ”
“ข้าแค่เอามันเทศแผ่นที่ตากอยู่ไปนิดหน่อย…” หลี่ซื่อพูดเสียงเบา รีบร้อนอธิบายต่อ “ท่านแม่ ข้าเอาไปไม่เยอะจริง ๆ แค่ถ้วยเดียวเท่านั้น ถ้วยเดียวเจ้าค่ะ ข้าก็รู้ว่าในเรือนมีอาหารอยู่ไม่มาก พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง กับน้องสะใภ้ห้าก็คงจะเอาไปเหมือนกัน ข้ากลัวว่าท่านแม่จะจับได้จึงไม่ได้หยิบเยอะ ข้ากล้ารับประกันว่าข้าเอาไปน้อยกว่าพวกนางแน่ ๆ”
เย่อวี๋หรานโกรธจนแทบจะหัวเราะออกมาแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของหลี่ซื่อ นางเอาไปน้อยก็คือทำถูกแล้ว?
แค่หยิบไปน้อยกว่าก็ถือว่าไม่ได้ขโมยอาหารในเรือนแล้วอย่างนั้นหรือ?
ถ้าไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้นางตกปากรับคำไปแล้ว นางก็อยากจะสั่งสอนลูกสะใภ้คนนี้สักหน่อย
“ถ้วยใหญ่แค่ไหน?”
ท่าทางของหลี่ซื่ออ่อนลงทันใด “ถ้วยน้ำแกงใบใหญ่…แต่ว่านะท่านแม่ ข้าไม่ได้หยิบเต็มถ้วย ใส่ลงไปได้ค่อนถ้วยก็ไม่ได้หยิบเพิ่มแล้ว”
“เฮอะ ๆ!”
หลี่ซื่อร้อนใจแล้ว “ท่านแม่ ท่านเพิ่งพูดว่าจะไม่โกรธเองนะ? ท่านพูดเองว่าถ้าข้าสารภาพออกมาตามตรง เรื่องนี้ก็ให้ผ่านไป?”
“แบบเจ้าคือพูดตามตรงอย่างนั้นหรือ? ข้าถามคำหนึ่ง เจ้าค่อยยอมพูดคำหนึ่ง นี่ก็คือสารภาพอย่างตรงไปตรงมา? ข้าถามเจ้าหน่อย ถ้าบ้านมารดาเจ้ามีเรื่องอะไรจริง ๆ แล้วเจ้าบอกข้าล่วงหน้าสักหน่อย ข้ายังจะไม่ให้เจ้าหยิบอีกหรือ?”
“หา! ถ้าข้าบอกล่วงหน้า ท่านแม่จะให้ข้าหยิบจริง ๆ หรือเจ้าคะ?”
“เจ้านี่ช่างจับประเด็นเก่งเสียจริงนะ? ที่ข้าพูดนี้ใช่ประเด็นสำคัญไหม? ข้าหมายถึงว่าเจ้ามีเรื่องอะไรก็มาพูดกับข้า เฮ้อ ไม่ใช่ไปแอบทำอะไรลับหลัง ไม่ว่าเจ้าจะหยิบไปถ้วยใหญ่ ถ้วยเล็ก หรือหยิบไปแผ่นเดียว แต่เจ้าก็แอบหยิบอาหารในเรือนลับหลังข้า ไม่ใช่ขโมยแล้วจะเรียกว่าอะไร?”
“ไม่ใช่ขโมย แค่หยิบ…” หลี่ซื่อยังแก้ตัว
“มันไม่เหมือนกัน เจ้าถามข้าแล้วหรือ? ข้าตกลงไหม? เจ้าไม่ถามเจ้าของสักคำ หากไม่ได้รับอนุญาตแล้วไปหยิบสิ่งของของผู้อื่นก็คือขโมยนั่นแหละ”
หลี่ซื่อเห็นแม่สามีแสดงท่าทีเย็นชาก็รีบยอมรับความผิด บอกว่าสำนึกผิดแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีก
“ถ้าเจ้าสำนึกผิดจริง ๆ ก็ดี เจ้าจำคำพูดของข้าเอาไว้ให้ขึ้นใจ ที่ข้าพูดกับเจ้าเป็นวาจาไร้สาระงั้นหรือ? เจ้าเป็นลูกสะใภ้ของข้า ในภายภาคหน้าก็คือคนที่จะใช้เวลาทั้งชีวิตร่วมกับลูกชายของข้า ทั้งยังเป็นมารดาของหลานข้า ข้าจะไม่อยากให้เจ้ามีความสุขงั้นหรือ? ถ้าเจ้าไม่มีความสุข แล้วลูกชายข้า หลานชายข้าจะทำอย่างไร?”
หลี่ซื่อก้มหน้าลงต่ำ นางคิดไม่ถึงว่าแม่สามีจะพูดแบบนี้กับนาง “ข้านึกว่า…บอกไปแล้วท่านจะไม่รับปาก”
“ข้าไม่รับปาก เจ้าก็แอบทำลับหลังข้า? เจ้าก็ไม่รู้จักโน้มน้าวข้าหน่อยหรือ ปากน่ะมีไว้ทำไม? นอกจากกินข้าว หายใจ ก็พูดไม่เป็นเลยหรือ?”
แม้เย่อวี๋หรานบอกว่าจะไม่ลงโทษหลี่ซื่อ แต่ยังคงตำหนิหลี่ซื่ออย่างรุนแรงไปยกหนึ่ง
พฤติกรรมชั่วร้ายแบบนี้ไม่อาจปล่อยไว้ได้ ไม่อย่างนั้นต่อไปนางทำงานหนักเพื่อพัฒนาสกุลจู ทุ่มเทความคิดจิตใจอยู่ข้างหน้า แต่คนข้างหลังกลับเลื่อยขาเก้าอี้ทำตัวเป็นตัวถ่วง คงทำให้นางโมโหจนตาย
ถ้ามีตัวถ่วงเยอะแบบนี้ นางไม่สู้หย่าขาดกับจูเหล่าโถวตรง ๆ เสียเลยยังดีกว่า เป็นโสดดูแลแค่ตัวเองคนเดียว ปลอดโปร่งถึงเพียงไหน ไฉนเลยจะเหมือนกับตอนนี้ที่มีเรื่องมากมายให้วิตกกังวล
หลี่ซื่อได้ยินว่าเรื่องนี้ก็ให้ผ่านไปทั้งอย่างนี้แล้ว จึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ยกยอเย่อวี๋หรานไปอีกรอบ พูดว่าใต้หล้านี้คงหาแม่สามีที่ดีแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
[1] ถังหูลู่ 糖葫芦หมายถึง ผลไม้เคลือบน้ำตาล เป็นของหวานประจำถิ่นภาคเหนือของจีน ในสมัยโบราณ นำผลซานจามาเคลือบน้ำตาลเสียบแท่งไม้ไผ่ รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ปัจจุบันผลไม้ที่ใช้มีความหลากหลายมากขึ้น
MANGA DISCUSSION