บทที่ 105 ท่านอยากไปดูสักหน่อยหรือไม่
คนอื่นไม่รู้ว่าเย่อวี๋หรานวิ่งออกไปทำอะไร แต่หลี่ซื่อรู้
ดังนั้นเมื่อนางเห็นแม่สามีกลับมาจึงสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายอยู่ตลอด กลัวว่ามันจะเปลี่ยนไปแม้เพียงนิดเดียว
แต่เป็นนางที่ต้องประหลาดใจ ไม่เพียงแต่สีหน้าของแม่สามีที่ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ แต่แม้กระทั่งสีหน้าจูซานก็ดูราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลี่ซื่อกำลังสงสัยว่าหญิงปากสว่างโกหกนางหรือ?
เย่อวี๋หรานตรวจสอบถั่วเหลืองครู่หนึ่ง พบว่าผิวของถั่วเหลืองล้วนมีรอยย่นเกือบทั้งหมดแล้ว
หาตะกร้าไม้ไผ่ เทถั่วเหลืองลงไป และระบายน้ำข้างในทิ้ง
นางตรวจสอบหม้อนึ่งที่หลี่ซื่อยืมมา เห็นว่ามันล้างจนสะอาดแล้วไม่มีปัญหาก็เทถั่วเหลืองเข้าไป
นางสั่งหลินซื่อว่า “เมียเจ้าห้า หลังกินข้าวกลางวันแล้วต้มน้ำในหม้อใหม่อีกครั้ง เมื่อน้ำเดือดให้นำมาวางบนเตาเป็นเวลาสามชั่วยาม เข้าใจหรือไม่?”
“นี่คืออะไรหรือเจ้าคะท่านแม่?” หลินซื่อสงสัย
“รอข้าทำเสร็จแล้วก็จะรู้เอง ตอนนี้เจ้าถามไปก็ไม่มีประโยชน์”
หลี่ซื่อที่ได้ยินหลินซื่อยังคงถามเช่นนี้ก็กลอกตา เจ้าคิดว่าเจ้าถามออกมาได้หรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!
หลินซื่อสังเกตเห็นท่าทีของหลี่ซื่อก็เหล่มองนางอย่างไม่สบายใจ
เอาเถอะ นางเคยสัญญากับท่านแม่ว่าในอนาคตจะไม่มีปัญหากับพี่สะใภ้สี่ แต่พี่สะใภ้สี่มาหาเรื่องนางเอง เช่นนั้นจะมาโทษนางไม่ได้นะ
เย่อวี๋หรานไม่ได้สนใจเรื่อง ‘ข้อพิพาท’ ระหว่างสะใภ้ทั้งสองคน
นางใช่ว่าจะตาบอดหูหนวก แต่ยามมีเรื่องอะไรนางก็ควรจะแกล้งโง่เสียบ้าง
เนื่องจากที่บ้านมีปลา ดังนั้นมื้อกลางวันจึงมีต้มน้ำแกงปลา แบบนั้นก็รับประกันได้ว่าทุกคนจะได้กินเนื้อปลาชิ้นใหญ่
หลังจากนั้นก็เอากับข้าวที่เป็นเนื้อบด และแป้งกรอบขึ้นโต๊ะเป็นมื้อกลางวัน
หลังจากเสร็จเรียบร้อย เย่อวี๋หรานก็ให้ทุกคนพักผ่อน ให้หลี่ซื่ออยู่บ้านและพาจูซาน จูซื่อ จูอู่ หลิ่วซื่อ หลิวซื่อ และหลินซื่อ แบกตะกร้าขึ้นไปบนภูเขา
กานอี้เซียนเมื่อเห็นพวกเขาขึ้นไปบนภูเขาก็เพิ่งปรากฏตัว วิ่งไปยังสถานที่นัดพบเพื่อรอคอย
ครั้งนี้เขาเปลี่ยนไปสวมชุดต๋วนต่า[1]ที่ไม่โดดเด่นและยังมีรอยขาดหลายจุด ทำให้เขาดูเหมือนนายพรานยิ่งขึ้น
เย่อวี๋หรานเหลือบมองเขาและมีท่าทีชมเชย
แต่ผิวพรรณของเขาไม่ดีเกินไปหน่อยหรือ?
ผิวขาวละเอียดอ่อนแต่ใส่เสื้อผ้าที่ดูซอมซ่อแบบนี้ชวนให้คนเข้าใจผิดว่าข้าแค่มาเล่น ๆ
สายตาของเย่อวี๋หรานมองไปที่มือของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
นางคิดถึงครั้งก่อนที่จูปาเม่ยนอนคุยกับนางบนเตียงและเอาแต่พูดพร่ำว่า “มือของคุณชายกานขาวมากเจ้าค่ะ ขาวยิ่งกว่ามือของผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ”
เย่อวี๋หรานคิดว่ามันขาวมากจริง ๆ เหมือนในฝัน มันมีโคนที่ชัดเจน และนิ้วเรียวยาวราวกับต้นหอมที่คล้ายกับกำลังเรืองแสง
เมื่อมองที่นิ้วที่ทั้งหนาและเหี่ยวของตัวเองเย่อวี๋หรานก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ผู้ชายจะดูดีขนาดนี้ไปเพื่ออะไรกัน?
ตามที่เย่อวี๋หรานกล่าวว่าหลิ่วซื่อ หลิวซื่อ และหลินซื่อล้วนเคยพบกานอี้เซียนบนภูเขาแล้ว ดังนั้นพวกนางจึงไม่ได้รู้สึกอะไร
แต่จูซาน จูซื่อ และจูอู่ ทั้งสามคนเพิ่งเคยพบอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกก็จ้องมอง ‘พิจารณา’ อยู่นาน
มองคนที่มีลักยิ้มกำลังคุยกับแม่ของพวกเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างน่าเอ็นดู แล้วจะไม่ให้รู้สึก ‘ไม่สบายใจ’ ได้อย่างไร?
โดยเฉพาะจูซานที่เมื่อกลางวันเพิ่งเคยได้รับ ‘ความรักของแม่’ ก็ยิ่งมองกานอี้เซียนอย่างไม่ชอบใจ
แม่ไม่เคยพูดกับพวกเขาอย่างอารมณ์ดีขนาดนี้เลย ทำไมกัน?
เย่อวี๋หรานไม่รู้ว่าการที่นางต้องสุภาพกับกานอี้เซียนเป็นพิเศษนั้น ในสายตาของลูก ๆ จะกลายเป็น ‘การเอาใส่ใจเป็นพิเศษ’ ต่อกานอี้เซียน จนมีคนรู้สึกอิจฉาไปแล้วด้วยซ้ำ
“ถึงแล้ว”
เมื่อถึงที่หมาย เย่อวี๋หรานก็บอกพวกเขาว่าอันไหนเป็นถั่วเหลืองและต้องเลือกอย่างไร
วิธีที่เร็วที่สุดแน่นอนว่าเป็นการใช้มีดตัดต้นถั่วเหลืองทั้งต้น จากนั้นวางไว้ให้เป็นระเบียบ มัดเป็นมัด ๆ แล้วใส่ลงตะกร้าด้านหลัง จากนั้นก็แบกกลับไป
“พวกเราไปตัดก่อนเถอะ พอเต็มตะกร้าแล้วค่อยกลับ พอถึงบ้านแล้วค่อยปอกเปลือกถั่วเหลือง ไม้ยาว ๆ นั่นเอาไปตากแห้งยังใช้เป็นฟืนได้อีกด้วย”
“ขอรับ ถ้าท่านแม่ว่าเช่นนั้นพวกเราก็จะทำเช่นนั้น”
หลายคนรีบเร่งลงมือ
สิ่งที่ทำให้จูซานไม่สบายใจคือคนคนนั้นที่ชื่อกานอี้เซียน ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็จะไปอยู่ใกล้ ๆ ท่านแม่ของเขาเสมอ
เขาแอบได้ยินเด็กนี่ขอคำแนะนำจากแม่ของเขา และมันทำให้เขารู้สึกขัดหูขัดตา นี่แม่ข้านะ แม่ข้าน่ะเข้าใจหรือไม่?
จูซานหยิบมีดฟันอย่างรวดเร็วและก้าวเดินไปอยู่ข้าง ๆ เย่อวี๋หราน “ท่านแม่ ท่านช่วยดูหน่อยสิขอรับว่าข้าทำถูกหรือไม่?”
เย่อวี๋หรานไม่รู้ความคิดลูกชาย นาง มองไปยังจูซานที่ถามอย่างไม่ได้คิดอะไรมากนัก นางจึงเงยหน้ามอง พลิกฝักถั่วบนมืออีกฝ่ายและพูดว่า “ถูกแล้ว ดูสิ จริง ๆ แล้วมันจำง่ายมาก ตราบใดที่มีฝักถั่วแบบนี้มันก็คือถั่วเหลือง เจ้าก็ตัดได้เลยไม่มีปัญหา”
“อ้อ เช่นนี้นี่เอง ข้ายังเกรงว่าข้าจะจำผิด” จูซานพึมพำ
“ท่านป้าขอรับ นอกจากที่นี่แล้วข้าเห็นว่าทางด้านนั้นยังมีของแบบนี้อีก ท่านอยากไปดูสักหน่อยหรือไม่?” กานอี้เซียนพูดแทรกขึ้นมา
“ด้านนั้นหรือ?” เย่อวี๋หรานมองตามนิ้วของเขาไปก่อนจะถาม “ไกลหรือไม่? ถ้าไกลก็ช่างเถอะ แต่ถ้าไม่ไกลหากวันนี้เอากลับไปด้วยได้เราก็จะเอากลับไปด้วย”
นางไม่ได้คิดจะอยู่บนภูเขานานเกินไป เพราะนางยังมีหลายเรื่องที่ต้องทำในตอนเย็น
เมื่อมองไปทางจูซานที่เห็นได้ชัดว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เย่อวี๋หรานก็รู้สึกกังวล นาง ‘บังคับ’ ให้เขาขึ้นมาหั่นถั่วเหลืองในเวลาแบบนี้มันแย่เกินไปหรือไม่?
แต่หากไม่เรียกเขามาด้วย ปล่อยให้เขาคิดฟุ้งซ่านอยู่ที่บ้านคนเดียว นางก็ไม่วางใจ
“ไม่ไกลขอรับ อยู่ด้านข้างนี่เอง”
กานอี้เซียนพาเย่อวี๋หรานเดินไปไม่ไกลก็เห็นเงาของฝักถั่วเหลือง
ที่แท้ก็มีอีกฝักตรงนี้ เพียงแต่ไม่ได้เชื่อมต่อกับฝักก่อนหน้านี้ ทั้งยังมีต้นไม้บังอยู่ทำให้มองข้ามได้ง่าย ๆ
จูซานก็ตามมาด้วย “ท่านแม่ ฝักนี้ดูไม่ใหญ่เท่าฝักก่อนขอรับ”
“ไม่เลว ตัดกลับไปเท่านี้ก็ปอกถั่วได้ไม่น้อยแล้ว” เย่อวี๋หรานมองฝักถั่วเหลืองเหล่านี้ด้วยความพอใจเป็นอย่างมาก
นางพาคนมามากขนาดนั้นวันเดียวตัดไม่เสร็จ ตัดมาสองวัน นางจะปอกเปลือกถั่วเหลืองมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?
ส่วนหนึ่งใช้ทำซอสถั่วเหลือง และอีกส่วนสามารถใช้ทำเต้าหู้หรืออาหารอย่างอื่นได้
“ท่านแม่ ข้าเห็นว่าฝักถั่วบนต้นไม้นี่ไม่ยาวเท่าไรนัก คาดว่าถึงแกะเปลือกออกก็ได้ไม่มาก” จูซานคิด “พวกเราอาจจะยุ่งกันสองสามวันเพราะมีสิ่งที่ต้องทำตั้งหนึ่งหรือสองตะกร้า”
“นั่นไม่น้อยเลย” เย่อวี๋หรานพูด “นี่เป็นพืชป่ายังไม่ถือว่าเป็นของพวกเรา รอปีหน้าพวกเราค่อยปลูกเอง ถึงตอนนั้นก็ค่อย ๆ ทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ถ้าไม่มีทั้งพืชป่าและสัตว์ป่าให้กินล่ะ? ถั่วเหลืองนี่หากนำมาจัดการให้ดีก็ทำเป็นอาหารได้”
“หือ ก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้พูดหรือว่าไม่อาจเติมท้องให้อิ่มได้?” กานอี้เซียนแปลกใจ
“ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย เพียงแต่หากเทียบกับข้าวและมันเทศ มันแย่กว่านั้นมากจริง ๆ แทนที่จะเรียกว่าเป็นอาหาร ไม่สู้เรียกว่าธัญพืช ผัก หรือเครื่องปรุงจะดีกว่าหรือ…” เมื่อนึกถึงชีวิตก่อนที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็กินถั่วเหลืองได้ ก็ยังยากที่จะอธิบายเรื่องถั่วเหลืองได้จริง ๆ
ถึงจะบอกว่ามันไม่อิ่มท้อง แต่ครอบครัวนางยังมีมันเทศและข้าวให้กินอยู่
ทว่าคุณค่าทางโภชนาการของถั่วเหลืองไม่อาจมีอะไรมาแทนที่ได้ ท้ายที่สุดแล้วมันก็เปรียบได้กับนมวัวเลยทีเดียว
“มันสามารถทำได้หลายอย่าง โดยเฉพาะเมื่อเอามาทำอาหาร มันจะมีความจำเป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีถั่วเหลืองโลกนี้คงมีรสชาติน้อยลง”
“ข้าพูดไปตอนนี้พวกเจ้าก็คงยังไม่เข้าใจ รอให้ทำเสร็จแล้วพวกเจ้าก็จะเข้าใจเอง”
[1] ต๋วนต่า หมายถึง ชุดที่ตัดแนวตั้งมีเนื้อผ้าที่หยาบและสั้น ทำได้ง่ายและประหยัดเงิน
MANGA DISCUSSION