ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5551 หลอกใช้ (1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5551 หลอกใช้ (1)
ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งตามนักพรตน้อยมาถึงโถงข้างของเขตกลางในวัดฉางหยุน ที่นี่คือโถงรับแขกของวัดฉางหยุน ใช้ต้อนรับเจ้าอาวาส เจ้าสำนัก ของวัดเต๋าอื่นโดยเฉพาะ หรือศาสนิกชนผู้เลื่อมใสในลัทธิที่อุทิศอย่างใหญ่หลวงให้กับวัดเต๋า
หลังจากที่พาท่านเอิร์ลฉางเซิ่งมาที่นี่แล้ว นักพรตน้อยก็รีบวิ่งไปรายงานทันที
ที่วัดฉางหยุน คนที่อยู่ข้างหน้าเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่เป็นนักพรตน้อยที่ยังขาดประสบการณ์ ดังนั้นถึงให้พวกเขาอยู่ที่ข้างหน้ารักษาระเบียบผู้มาเยี่ยมชม ลำดับผู้เลื่อมใส ในเวลาเดียวกันก็เก็บกวาดรักษาความสะอาด ดูแลเทวรูปของสำนัก จัดเก็บเครื่องบรรณาการ พวกนี้ต่างก็เป็นงานของพวกเขา
เพราะงั้น ถ้านักพรตน้อยอยากจะรายงานข้อมูลข่าวให้กับเจ้าสำนัก ก็จะต้องส่งไปตามลำดับชั้นทีละขั้น และจำนวนลำดับขั้นที่ส่งต่อ ยังมากกว่าที่นักพรตน้อยคิดไปชั้นหนึ่ง
หลังจากยี่สิบนาทีผ่านไป ผู้อาวุโสที่ใส่ชุดคลุมเต๋าคนหนึ่ง ที่อยู่ในกลุ่มผู้ติดตามหลายคน รีบวิ่งออกมาด้วยความดีใจและประหลาดใจ
เขารีบพุ่งเข้าไปในโถงรับแขกโดยไม่หยุดพัก พอเงยหน้ามองท่านเอิร์ลฉางเซิ่ง ก็ยืนนิ่งอยู่ที่ประตูราวกับว่าเขาถูกร่ายมนตร์สะกด
คนคนนี้ ก็คือเจ้าสำนักในตอนนี้ของวัดฉางหยุน นักพรตอิสระชิงซู
ชิงซู เป็นตำแหน่งนักพรตที่อาจารย์คนที่เก็บเขามาเลี้ยงในปีนั้นประทานให้ ตั้งแต่เล็ก ด้วยเหตุนี้อาจารย์ของเขาก็เรียกเขาด้วยชื่อเล่นนี้ จนหลังจากที่เขาได้รับหน้าที่เจ้าสำนักต่อ ถึงได้เติมนักพรตอิสระสองคำนี้ไว้ข้างหลัง
ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งมองดูเขา ก็ลูบหนวดยาวเบา ๆ ยิ้มและพูดกับเขา : “ชิงซู ยังจำฉันได้ไหม ?”
นักพรตอิสระชิงซูสะดุ้งตกใจอย่างมาก น้ำตาอุ่นร้อนสองสายพรั่งพรูออกมาจากมุมตาที่เต็มไปด้วยริ้วรอย พูดสะอื้นไห้ : “อาจารย์ลุงฉางชิง…เป็นท่านจริง ๆ ? !”
ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งพยักหน้าเบา ๆ : “ฉันเอง”
นักพรตอิสระชิงซูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก มองดูเขา พูดพึมพำ : “อาจารย์ลุงฉางชิง ตอนนี้ท่าน ยังหนุ่มยิ่งกว่าชิงซูอีก หรือว่า…หรือว่าท่านจะหาหนทางแห่งอายุวัฒนะเจอแล้วจริง ๆ ?”
ในตอนที่นักพรตอิสระชิงซูพูดขึ้นมา นักพรตหนุ่มรอบ ๆ สองสามคน สีหน้าของแต่ละคนต่างตกตะลึง !
คนเหล่านี้ ต่างก็เป็นสมาชิกที่เป็นหัวใจสำคัญของวัดฉางหยุน และพวกเขาต่างเคยได้ยินนักพรตอิสระชิงซูพูดถึงเรื่องราวของนักพรตฉางชิง
นักพรตอิสระชิงซูเคยบอกกับคนเหล่านี้ ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาได้เจอกับนักพรตฉางชิง ช่วงปลายปี 1950
เป็นเวลาเกือบ 70 ปีแล้ว ไม่คิดเลยว่า นักพรตฉางชิงที่อยู่ตรงหน้า ดูไปแล้วยังดูหนุ่มยิ่งกว่านักพรตอิสระชิงซู
ในมุมมองของพวกเขา นักพรตฉางชิงคงจะหาตำนานหนทางแห่งอายุวัฒนะที่เล่าต่อกันมาเจอแล้วจริง ๆ
สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างลูกศิษย์สำนักเต๋ากับนักบู๊คือ นักบู๊ต่างก็ใช้วรยุทธเข้าสำนัก แต่วิธีเข้าสำนักเต๋ากลับมีหลากหลายวิธี
ในสำนักเต๋า ก็มีคนที่ใช้วรยุทธเข้ามา ลัทธิฉวนเจินที่มักพูดถึงในนิยายจอมยุทธ ก็คือตัวอย่างการใช้วรยุทเข้าสำนัก
แต่นอกเหนือจากนี้ สำนักเต๋าก็ยังมีคนที่ใช้ยา ใช้ยันต์ ใช้การทำนายเข้าถึงเต๋า แม้กระทั่งใช้ฉีเหมินตุ้นเจี่ยเข้าสำนักและวิธีอื่น ๆ อีกมากมาย
นักพรตของวัดฉางหยุน หลายร้อยปีมานี้ต่างก็ใช้ยาเม็ดเข้าถึงเต๋า แต่เพราะผลการฝึกฝนกับวิถีโอสถไม่ลึกซึ้งพอ หลายปีมานี้ ถึงไม่มีคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง
ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งเข้ามาในวัดฉางหยุนตอนปลายศตวรรษที่ 19 จนถึงปี 1940 เขาอยู่ที่วัดฉางหยุนกว่าครึ่งศตวรรษ ตื่นเช้าทุกวันกลั่นโอสถจากเตาท่ามกลางความมืดไม่รู้กี่ร้อยกี่พัน เดินไปหน้าประตูนรกไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เพียงเพื่อทดลองยา แต่ก็ไม่สามารถควบคุมปราณทิพย์ได้อย่างแท้จริง
และในเวลานั้นเอง เขาที่ท้อแท้สลดใจก็ตัดสินใจออกจากวัดฉางหยุน ตั้งแต่นั้นเองก็เลิกใช้ยาเพื่อเข้าถึงเต๋าและหาวิธีของเขาเอง
จากนั้น เขาบังเอิญเข้าร่วมองค์กรพั่วชิงพอดี และด้วยคำแนะนำและความช่วยเหลือของผู้มีพระคุณ ควบคุมปราณทิพย์
หลายปีมานี้ เขาให้ตัวตนที่แตกต่างกันไปกลับมาหัวเซี่ยหลายครั้ง แต่ไม่เคยมาวัดฉางหยุน
ที่ไม่มาวัดฉางหยุน เป็นเพราะท่านเอิร์ลฉางเซิ่งไม่อยากให้เหล่าลูกศิษย์ลูกหาของวัดฉางหยุน รู้ว่าตัวเองได้หาหนทางแห่งอายุวัฒนะเจอแล้ว