หลังชินและชงหยวนถูกโอลิเวียตามไปประชุม ทั้งสองก็รีบตามโอลิเวียไปด้วยความกระอักกระอ่วน
ไม่สิ… อันที่จริงฝ่ายที่กระอักกระอ่วนมีแค่ชินคนเดียวต่างหาก
ส่วนชงหยวน เธอกังวลว่าการประชุมอาจไม่ราบรื่นเพราะมีเรื่องนี้เป็นสาเหตุมากกว่า
ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดเรื่องกระทบกระทั่งใดขึ้น ท้ายสุดทั้งสามคนก็จำต้องเก็บเรื่องนั้นใส่กระเป๋าลงไปก่อน เพราะการประชุมในครั้งนี้มีหลาย ๆ อย่างเป็นเดิมพัน
ทั้งสำหรับพวกชิน และก็พวกชงหยวน
❖❖❖❖❖
ห้องประชุมในโรงเรียนเซนต์ลอเรนซ์มีหลายประเภทแบ่งตามจำนวนนักเรียนและลักษณะการใช้งาน
นอกจากโรงยิมที่จุคนได้หลักร้อยคน ก็จะมีอยู่อีกห้องที่รองรับได้ประมาณ 50 คน
เป็นห้องประชุมขนาดกลางติดเครื่องปรับอากาศสำหรับการประชุมเฉพาะกลุ่มที่สามารถจัดได้หลากหลายรูปแบบ
สำหรับตอนนี้… ห้องประชุมถูกจัดให้เป็นแบบมีโต๊ะกลางขนาดใหญ่ทรงรีวางไว้กลางห้อง มีนักเรียนตัวแทนจากแต่ละห้องนั่งล้อมรอบโต๊ะกลาง เก้าอี้ทุกตัวหันหน้าเข้าหาหัวโต๊ะที่มีหน้าจอขนาดใหญ่สำหรับใช้นำเสนอ บรรยากาศราวกับกำลังประชุมบอร์ดบริหารเลยทีเดียว
ส่วนอาจารย์ที่ปรึกษาของแต่ละห้องถูกจัดให้นั่งโซฟาที่อยู่ติดผนัง
เป็นไปตามมโนทัศน์ของโรงเรียน นั่นคือการมุ่งเน้นให้นักเรียนได้ฝึกฝนและพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ทางครูผู้สอนมีหน้าที่เพียงกำกับดูแลไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางเพียงเท่านั้น
“ครอก…”
ถึงแบบนั้น… อาจารย์ที่ทำตัวเหลวไหวเสียเองก็มีอยู่ ถึงกับปล่อยเนื้อปล่อยตัวนั่งสัปหงกหลับในห้องอย่างไม่น่าให้อภัย
นั่นคืออาจารย์เลย์น่าแสนสวยเสียของ ครูที่ปรึกษาของชินและซูซานนั่นเอง
ความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของเธอทำเอาอาจารย์คนอื่นได้แต่ถอนหายใจกุมขมับกันเป็นแถบ เหล่านักเรียนเองก็ยิ้มแห้งช่วยไม่ได้
อาจารย์นี่จริง ๆ เลย
ชินได้แต่บ่นอุบในใจ
“ต้องขออภัยแทนอาจารย์เลย์น่าด้วยนะครับ”
ชินเป็นคนเดียวที่ยังสงบ แต่คงเพราะเคยชินเสียจนระอามากกว่า
“เอาเถอะครับ ไม่ใช่ว่าเป็นครั้งแรกซะหน่อย” หนุ่มแว่นที่นั่งอยู่ถัดจากซูซานเอ่ย เขาเป็นตัวแทนจากห้อง 3 ที่ดูสงบกว่าคนอื่น นั่นช่วยชินได้มากทีเดียว
“ขอบคุณมากครับที่เข้าใจ”
ชินโล่งอกไปกึ่งหนึ่ง
…แต่ที่ยังรู้สึกสบายใจไม่ได้เต็มที่ เป็นเพราะบรรยากาศในห้องยังไม่สู้ดีเท่าไรนัก นักเรียนคนอื่นเองก็ยังรู้สึกกังวลแบบเดียวกับชิน
สาเหตุนั้นมาจากพฤติกรรมของอาจารย์เลย์น่า …แล้วก็ยังมีอีกอย่าง
“ถ้าเช่นนั้นเรามาเริ่มประชุมกันเลยดีไหมคะ?”
“…”
ชินชะงักไปกับคำพูดที่ดูเย็นชากว่าปกติของโอลิเวีย ความหวาดกลัวของทุกคนมาจากน้ำเสียงเย็นยะเยือกของโอลิเวียนี่แล
ความหนาวเย็นสะท้อนอารมณ์ของเธอออกมารุนแรงมากกว่าปกติ ทุกคนรู้สึกเย็นไปทั้งผิวกายจนเหมือนถูกน้ำแข็งกัดผิวเลยทีเดียว แม้แต่จินที่เป็นถึงอัศวินนักษัตรเองยังรู้สึกขนลุกเหมือนกับนักเรียนธรรมดาคนอื่น
อนึ่ง ปกติแล้วโอลิเวียจะไม่แสดงออกทางสีหน้าให้ใครได้เห็น ซึ่งตอนนี้ก็ยังทำอยู่
เพียงแต่ บรรยากาศเย็นเยือกตึงเครียดที่โอลิเวียแผ่ออกมาตอนนี้ มันเป็นคนละเรื่องกับความเคร่งขรึมสง่างามตามปกติเป็นอย่างมาก ทุกคนเลยรู้ว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่
…และถ้าจะมีใครสักคนที่รู้ ก็คงไม่พ้นชินกับซูซานที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของเรื่องดังกล่าวนั่นแล
“นั่นสินะ ต้องขออภัยเรื่องของอาจารย์เลย์น่าด้วยอีกครั้งนะครับ” ชินตอบรับคำเร่งเร้าให้เริ่มประชุม เขาพงกศีรษะให้ทุกคนอีกครั้ง
…แต่แท้จริงแล้ว นั่นเป็นความพยายามเบี่ยงประเด็นไปยังเรื่องเดิม
ชินหวังให้ทุกคนในห้องเข้าใจว่าสาเหตุที่โอลิเวียหงุดหงิดเป็นเพราะเรื่องของอาจารย์เลย์น่ามากกว่าเรื่องส่วนตัวอย่างอื่น
ขณะที่สายตาของชินส่งไปหาสาวเจ้า เป็นนัยยะที่สื่อความหมายได้ว่า ‘ขอโทษนะโอลิเวีย’ เพียงอย่างเดียว
แต่โอลิเวียที่รับสายตาจากชินกลับเหงื่อตก ทำท่าทางลำบากใจแล้วหลบตาไปทางอื่นเสียอย่างนั้น ความลำบากใจเลยเกิดขึ้นกับชินตามไปอีก
พอเป็นแบบนั้น เหล่าวัยรุ่นในห้องประชุมเลยยิ่งสงสัยกันเข้าไปใหญ่และเริ่มเดากันไปต่าง ๆ นานา
แปะ! แปะ!
ในตอนนั้นซูซานก็ปรบมือเสียงดัง
นอกจากอาจารย์เลย์น่าที่หลับเป็นตาย เธอดึงความสนใจของทุกคนเข้าหาตัวเองได้หมด
“ให้ตายสิ เรามาประชุมเรื่องการทัศนศึกษาไม่ใช่รึไงคะเนี่ย? มัวแต่ทำหน้าบึ้งตึงกันแบบนี้ทำให้นักเรียนทุกคนสนุกไม่ได้หรอกนะ!” ซูซานพูดโพล่งทำทุกคนรู้สึกแปลกใจ แต่เรื่องที่เธอพูดก็เป็นเรื่องจริง
การหันไปมองทุกคนในห้องขณะพูดช่วยดึงความสนใจได้มากเข้าไปอีก
“ทุกคนอุตส่าห์เลือกเรามาแล้วก็ต้องตั้งใจทำงานกันหน่อยสิ จริงไหมคะทุกคน!”
น้ำเสียงจริงจังของซูซานส่งไปถึงทุกคน ช่วยด้วยสติให้โฟกัสกับเรื่องสำคัญ ทุกคนหันไปมองหน้ากันแล้วเริ่มยิ้มออกมา
ต้องขอบคุณคำพูดของซูซาน บรรยากาศภายในห้องประชุมเลยอบอุ่นขึ้นด้วยแรงบันดาลใจ นักเรียนในห้องทุกคนต่างนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมาที่นี่เพื่อทำให้การทัศนศึกษาของเพื่อน ๆ ออกมาราบรื่นและสนุกสนาน
นักเรียนทุกคนถูกเธอโน้มน้าวอารมณ์และความคิดไปโดยไม่มีใครรู้ตัว ซูซานทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติราวกับหายใจเข้าออก
เรื่องนั้นทำเอาทุกคนรู้สึกชื่นชม
…แต่คงมีแค่ชินกับโอลิเวียที่รู้สึกเกรงกลัว
ซูซาน… ชงหยวนมีพรสวรรค์และความสามารถในการโน้มน้าวจิตใจผู้คนมาแต่ไหนแต่ไร
แม้เธอจะทำได้แทบทุกอย่างอยู่แล้ว แต่การ ‘ควบคุมผู้คน’ ได้ต่างหาก ที่ทำให้เธอมีอำนาจบารมีมาจนถึงทุกวันนี้
การที่ชงหยวนเคยได้ชื่อว่าเป็น ‘เด็กสาวที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศฉิน’ จึงมีสาเหตุในตัวมันอยู่
ว่าไปแล้ว… ก็ด้วยความสุดยอดตรงนั้นนั่นแล เธอถึงได้รับการตอบรับข้อเสนอหมั้นหมายกับชิน
เพราะใช่ว่าอาณาจักรแวมไพร์จะตอบรับใครก็ได้ให้มาเป็นภริยาของชิน ผู้ซึ่งจะกลายเป็นเสาหลักของประเทศในอนาคต
เรื่องอำนาจของประเทศที่ยื่นข้อเสนอเข้ามานั้นเป็นเรื่องรองด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่าจะทรัพยากรหรืออำนาจทางทหาร อาณาจักรแวมไพร์ก็เป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว
ดังนั้น การที่ชงหยวนได้รับเลือกให้เป็นคู่หมั้นของชิน มันก็หมายความว่าเธอคู่ควรกับตำแหน่งนี้โดยตัวของเธอเอง โดยไม่ได้พึ่งบารมีบ้านเกิดเลยแม้แต่น้อย
การได้เห็นบรรยากาศที่กำลังเยือกเย็นแลคุกรุ่นสงบลงได้ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค ยิ่งทำให้ชินกับโอลิเวียตระหนักถึงความอันตรายของชงหยวนอีกครั้ง
…ถึงสำหรับโอลิเวีย
การได้เห็นสิ่งที่ชงหยวนทำได้และตัวเองทำไม่ได้จะทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบและด้อยค่าตัวเองมากกว่าก็ตาม
ชินสังเกตเห็นท่าทางของโอลิเวียแล้วรู้สึกเป็นห่วงยิ่งกว่าเดิม เขาพอจะจินตนาการออกว่าเธอรู้สึกยังไง ยิ่งกับเรื่องก่อนหน้านี้ด้วยอีก
แต่จะให้ชงหยวน… ให้ซูซานนำการประชุมต่อก็ไม่ดี เพราะไม่รู้ว่าเธอวางแผนอะไรอยู่
ถึงจะรู้ว่าซูซานไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับตนขนาดนั้น แต่ด้วยความเชื่อใจ 50% ที่เธอให้มา ยังไงก็ประมาทไม่ได้
“งั้นก่อนอื่น เรามาโหวตหัวหน้าคณะกรรมการก่อนดีไหมครับ”
ชินเข้าสู่การประชุมเรื่องแรกอย่างรวดเร็ว
ความสนใจของทุกคนถูกดึงกลับไปที่ชิน ความสงบของเขาทำให้ทุกคนเชื่อว่าสิ่งที่ซูซานทำเป็นการสนับสนุนให้ชินพูดแทน ว่าไปแล้วก็เหมือนชินขโมยผลงานไปจากซูซาน
แต่แทนที่เจ้าตัวจะโกรธ ซูซานกลับหันมายิ้มให้เสียอีก
นั่นดูไม่ใช่รอยยิ้มกลบเกลื่อนความโกรธด้วย ชินรู้สึกสับสนไม่เบา
ส่วนเรื่องที่ชินพูดถึงการโหวตตำแหน่งหัวหน้าคณะกรรมการ พอชินพูดไปแล้ว หนุ่มแว่นตัวแทนห้อง 3 ก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าว่ากันตามขนบธรรมเนียม มันก็ควรจะโหวตนั่นแหละครับ” ชายสวมแว่นพูด เขามองไปทางโอลิเวียครั้งและชินอีกครั้ง
“แต่ผมไม่คิดว่าผลลัพธ์มันจะแตกต่างไปจากครั้งก่อนหรอกครับ เพราะงั้นถ้าทุกคนเห็นว่าคุณชินกับคุณโอลิเวียเหมาะสมเหมือนเดิม เราก็จะได้ประหยัดเวลาเข้าสู่เนื้อหากันเลย”
ชายสวมแว่นเอ่ยอย่างเจียมตัว แม้ได้ยินแล้วชินจะไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่ในใจก็แอบลำบากใจไม่น้อยเพราะข้อเสนอมันดูข้ามหน้าข้ามตากรรมการคนอื่น
กระนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเรื่องที่นักเรียนชายสวมแว่นคนนี้พูดเป็นเรื่องผิด เพราะทุกคนในที่ประชุมแห่งนี้ไม่ว่าจะนักเรียนหรืออาจารย์ต่างก็เข้าใจศักยภาพของชินกับโอลิเวียดี
เมื่อปีที่แล้ว… ชินกับโอลิเวียผู้ที่มีชื่อเสียงทั้งด้านหน้าตาและความสามารถถูกคณะกรรมการคนอื่นซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนเดียวกับที่กำลังนั่งอยู่ตอนนี้เสนอชื่อ
ซึ่งผลลัพธ์คือโอลิเวียชนะชินไปเพียง 1 เสียงเท่านั้น
แต่ปัญหาคือ ผลต่างอันเล็กน้อยนั่นไม่ได้สร้างความเป็นเอกภาพ จึงอาจมีความเคลือบแคลงและสร้างความไม่พอใจให้กับคนอีกครึ่งหนึ่งได้
โอลิเวียจึงถือโอกาสเสนอให้ตนกับชินเป็นหัวหน้าของคณะกรรมการจัดงานร่วมกันเพื่อขจัดปัญหานั้น
…แม้ความจริงที่โอลิเวียเสนอ จะเป็นเพราะเธอต้องการหาเวลาส่วนตัวให้ได้ใกล้ชิดกับชินมากขึ้นก็ตาม
แต่ก็ด้วยเหตุนั้น ชินกับโอลิเวียเลยได้รับโอกาสให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการทัศนศึกษาเมื่อปีที่แล้ว
และผลลัพธ์นั้นก็เยี่ยมยอดมากจนทุกคนประทับใจ การจัดการทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบอย่างที่สุดและได้รับผลตอบรับจากนักเรียนในแง่บวกทุกคน
เมื่อมีการเสนอให้ชินและโอลิเวียรับตำแหน่งเดิม เลยเป็นเหตุให้นักเรียนทุกคนในห้องประชุมยกมือเห็นด้วยกันเป็นเอกฉันท์
“ขอบคุณครับทุกคน” ชินโค้งให้ทุกคนตามความคาดหวังที่พวกเขามีให้ เช่นเดียวกับโอลิเวียที่พยักหน้าให้ตามผลลัพธ์
“ขอบคุณค่ะทุกคน… ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มประชุมกันเลยดีกว่า”
โอลิเวียดึงทุกคนกลับเข้าสู่เนื้อหา
แม้เธอจะดูเฉยเมยเหมือนทุกทีแต่ก็ดูสงบกว่าช่วงแรกโข นั่นทำให้ใครหลาย ๆ คนโดยเฉพาะชินโล่งอกกันไปเป็นแถบ ๆ
…คงมีแค่ซูซานที่ขมวดคิ้วหงุดหงิด เพราะรู้ว่าที่โอลิเวียอารมณ์ดีขึ้นเป็นเพราะได้อยู่ตำแหน่งเดียวกับชิน
และก็เป็นชินคนเดียวอีกที่ทันสังเกต
เอาใจยากกันจริง ๆ แฮะ
ชินแอบเหงื่อตกกังวลไม่เบา แต่ก็ต้องดำเนินงานต่อให้เสร็จ
ชินกับโอลิเวียถือโอกาสประเดิมตำแหน่ง ทั้งสองขยับไปนั่งใกล้หัวโต๊ะในตำแหน่งหัวหน้า ซูซานกับจินที่เป็นรองหัวหน้าก็ขยับไปนั่งใกล้ ๆ ตาม
ชินหยิบแทบเล็ตสำหรับคุมหน้าจอ เขาทำการส่งข้อมูลที่เตรียมมาในโฮโลวอชของตัวเองเข้าหน้าจอนำเสนอก่อนเริ่มนำประชุม
“อันดับแรก เราจะพูดถึงสถานที่ที่เราจะไปทัศนศึกษากันครับ”
ชินเปลี่ยนภาพแทบเลตในมือตัวเองเป็นแผนที่มุมสูงของประเทศที่พวกตนจะไป
ภาพหน้าจอด้านหลังถูกเปลี่ยนเป็นภาพเดียวกัน ซึ่งก็คือประเทศเขตที่ 33 หรือเรียกกันโดยทั่วไปในชื่อ…
“ ‘ฟรอง’ เป็นประเทศที่ชั้น ม.5 ปีก่อน ๆ ไปทัศนศึกษา ทำให้มีส่วนลดค่าใช้จ่ายจากสัญญาระยะยาว หากคำนึงถึงเรื่องงบประมาณของทางโรงเรียนประกอบกับคุณภาพของที่พักแล้ว นี่ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้”
ชินมองไปรอบ ๆ ขอความเห็น แต่ไม่มีนักเรียนคนใดคัดค้าน
แม้ในความเป็นจริง ทางโรงเรียนจะให้อิสระนักเรียนในการเลือกประเทศที่ต้องการจะไป แต่นักเรียนส่วนใหญ่ต่างยอมรับประเพณีตามรุ่นก่อน ๆ รวมถึงพยายามรักษาสายสัมพันธ์กับที่พักเดิมไว้เพื่อให้รุ่นน้องปีถัดไปไม่เสียผลประโยชน์ในจุดนี้
แถมนักเรียนในชั้น ม.5 ทุกคนก็รู้กันอยู่แล้วว่าจะไปที่ไหน การไปเปลี่ยนกลางคันอาจทำให้กำหนดการณ์ของทุกคนคลาดเคลื่อนและอาจเกิดคำติเตียนขึ้นภายหลัง
…การที่เป้าหมายถูกกำหนดไว้กราย ๆ แบบนี้จึงช่วยชินได้มาก
แต่จุดที่สำคัญมันต่อจากนี้ต่างหาก
ชินเตือนตัวเองก่อนเลื่อนสไลด์นำเสนอ
เขาเปรยตามองโอลิเวียในเสี้ยววิเพื่อป้อนหน้าที่ต่อไปให้เธอพูดต่อ
“ด้วยเหตุนี้สิ่งที่เราทำได้ ดิฉันคิดว่าคงเป็นการเลือกสถานที่ทัศนศึกษาในช่วงสามวันสองคืนนี้ค่ะ เพื่อความรวดเร็ว ก็ควรจะเป็นสถานที่ที่อยู่ในละแวกเดียวกันหรือเป็นเส้นทางที่สามารถไปต่อเนื่องกันได้”
“หากคำนึงถึงความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัว คิดว่าเรามีงบมากพอที่จะเช่ารถสำหรับเดินทางให้นักเรียนได้ด้วยครับ ถ้าทำแบบนั้นตัวเลือกในการท่องเที่ยวก็จะมากขึ้นโดยไม่ส่งผลกระทบกับงบประมาณมากนัก”
ชินอธิบายต่อจากโอลิเวีย แล้วยื่นแทบเลตให้เธออย่างต่อเนื่อง
โอลิเวียรับแทบเลตมาแล้วส่งข้อมูลขึ้นหน้าจออย่างรวดเร็วคล่องแคล่ว จังหวะการสอดประสานของทั้งคู่น่าดูชมจนทุกคนประทับใจ
…ถึงนั่นจะทำให้ซูซานยิ้มแบบแปลก ๆ มาทางทั้งสองคนก็ตาม
จินที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับเหงื่อตกกับสีหน้าของซูซาน ชินเห็นแล้วจึงรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังหงุดหงิด
แต่ชินไม่มีเวลาสนใจซูซาน เขามีสิ่งที่ต้องการจากการประชุมนี้อยู่จึงหันไปพูดกับนักเรียนคนอื่น
“สถานที่ทั้งหมดถูกส่งไปยังหน้าจอของทุกคนแล้วครับ ข้อมูลทั้งหมดพวกเราทำการจัดกลุ่มหลาย ๆ แบบอาทิเช่น ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ระดับความนิยมในท้องที่ หรือความต้องการที่จะไปสถานที่ดังกล่าวของนักเรียนในชั้นปีเรา หวังว่าข้อมูลพวกนี้จะช่วยประกอบการตัดสินใจได้นะครับ”
“ยอดเลย”
นักเรียนหลายคนพึมพำโดยไม่รู้ตัว ทุกคนต่างประทับใจกับการเตรียมข้อมูลอันสมบูรณ์แบบครบถ้วนทุกรายละเอียด แถมยังเข้าใจง่ายของชิน
ถึงในอีกแง่หนึ่ง… พวกเขาก็ไม่แปลกใจนักที่ผลลัพธ์มันออกมาสมบูรณ์แบบขนาดนี้
ชินมองรอบ ๆ เล็งเห็นแล้วว่าทุกคนให้ความสนใจกับข้อมูลมาก เป็นโอกาสดีทีเดียวสำหรับการสร้างสิ่งโน้มน้าวให้ทุกคนเลือกตาม
โอลิเวียเองก็เห็นจังหวะเดียวกันจึงยืนขึ้น ความสนใจของทุกคนกลับไปอยู่ที่สาวงามอย่างโอลิเวียทันที
“ในกรอบระยะเวลาที่จำกัดแบบนี้เราคงสามารถเลือกได้แค่ 6 จากทั้งหมด 12 แห่ง เพราะงั้นหลังจากที่พิจารณาแต่ละสถานที่แล้ว เรามาทำการโหวตโดยเอาเสียงส่วนมากกันดีไหมคะ”
ทุกคนพยักหน้ารับโอลิเวียทันควัน ไม่มีท่าทีค้านคำพูดของโอลิเวียราวกับมันเป็นประกาศิต
ความได้เปรียบกำลังอยู่ในกำมือของชินกับโอลิเวีย
ในตอนนั้น หนึ่งในคณะกรรมการก็ยกมือขึ้นมาอีก
“จะว่าไปแล้ว คุณโอลิเวียกับคุณชินเลือกจะไปที่ไหนอย่างนั้นเหรอครับ?”
นักเรียนชายคนนั้นถามด้วยความใคร่รู้ เพราะคิดว่าชินกับโอลิเวียน่าจะมีทางเลือกที่ดีที่สุดเตรียมไว้แล้ว
พอเขาพูดแบบนั้น นักเรียนคนอื่นเองก็เริ่มสงสัยอย่างเดียวกันตาม
คงมีแต่ชินที่แอบยิ้มรับชัยชนะตัวเองอยู่ในใจ
ความสามารถของผู้นำไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการแสดงความโดดเด่นในการรับมือปัญหา
ต้องขอบคุณตัวเราเมื่อปีที่แล้วจริง ๆ ที่ตั้งใจทำงาน ทุกคนเลยวางใจที่จะฝากตัวเลือกไว้ให้
การกำหนดสถานที่ทัศนศึกษาให้ห่างจาก ‘ตัวตลก’ เลยง่ายดายแบบนี้
ที่จริงก็แอบรู้สึกผิดอยู่ เพราะแผนนี้ที่จะให้ทุกคนโหวตตามมันไม่ใช่แผนที่ดีที่สุด
แต่อย่างน้อยมันก็ปลอดภัย เพราะมันห่างจาก ‘จุดปะทะ’ มาก
เพราะงั้นก็… ยกโทษให้ด้วยนะทุกคน
ชินแอบรู้สึกผิด แต่เพื่อแผนการเขาก็จำเป็นต้องทำ
โอลิเวียเองก็เห็นว่าเป็นจังหวะตอกฝาโลง เธอถึงกับเตรียมคำตอบอันเป็นการตอกย้ำชัยชนะไว้แล้วด้วยซ้ำ
“ถ้าเป็นเรื่องนั้น สำหรับที่ดิฉันเลือก———”
“เอ๋!? อย่าพูดอะไรน่าเบื่อแบบนั้นออกมาสิคะ”
“นะ น่าเบื่อ!?”
โอลิเวียถูกขัดโดยซูซาน คำพูดของเธอทำนักเรียนชายจ๋อยสนิทไปเลย การถูกผู้หญิงน่ารักพูดว่าน่าเบื่อใส่ตรง ๆ คงทำเอาจิตตกไม่เบาทีเดียว
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนการที่ซูซานพูดขัดจังหวะคงไม่ได้มาจากนิสัยชอบใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางเพียงอย่างเดียว
ชินกับโอลิเวียสังเกตเรื่องนั้นได้แทบจะทันที
ชงหยวน… คิดจะขวางงั้นเหรอ?
จะบอกว่ารู้แผนของเราก็คงไม่น่าใช่
แค่อยากจะไม่ให้เราได้อย่างใจเฉย ๆ เหรอ?
หรือว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่?
ชงหยวน… เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?
ชินมองค้อนไปทางซูซาน แต่ก็รีบปรับอารมณ์ตัวเองทันที
แต่ในตอนที่ชินจะออกปาก นักเรียนหญิงอีกคนก็ยกมือขึ้นอีก
“คือว่า พูดว่าน่าเบื่อมันก็ออกจะเกินไปหน่อยนะคะ พวกเราก็แค่อยากได้ความเห็นจากหัวหน้าทั้งสองคนประกอบการตัดสินใจเท่านั้นเอง” นักเรียนหญิงคนนั้นค้านคำพูดของซูซาน ถือเป็นการช่วยชินไปในตัว
แต่แน่นอนว่าซูซานไม่ยอมง่าย ๆ
“ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ถ้าทั้งสองคนพูดออกมา ทุกคนก็จะโหวตตามที่ทั้งสองคนเลือกอยู่ดีนี่คะ? แบบนั้นมันจะเรียกว่าโหวตโดยเสียงส่วนมากได้ยังไง”
“เรื่องนั้น มันก็…”
นักเรียนหญิงเสียงเบาลงจนเงียบไป เธอไม่อาจหาเหตุผลใดมาโต้เถียงซูซานได้
คำพูดซูซานทำให้นักเรียนในห้องเริ่มขมวดคิ้วครุ่นคิด
ซูซานเล็งเห็นจังหวะนั้นเป็นเส้นชัย แบบเดียวกับที่โอลิเวียเห็นก่อนหน้านี้
“ทุกคนในห้องเลือกทุกคนมาเป็นตัวแทนของพวกเขานะคะ… ถ้าหากพวกคุณไม่ตัดสินใจในฐานะตัวแทนของห้องตัวเองแต่ผลักภาระไปให้กับหัวหน้าคณะกรรมการแบบนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องมีกรรมการเลยไม่ใช่เหรอคะ”
งั้นก็ให้ชินกับโอลิเวียตัดสินใจทุกอย่างไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ? ซูซานเหมือนอยากจะถามกับทุกคนแบบนั้น
คำพูดเธอแทงใจดำ ทำนักเรียนทุกคนเริ่มคล้อยตามอย่างง่ายดายอีกหน
ซูซานเหลียวมองชินกับโอลิเวียเป็นการปิดท้าย
“ของแบบนี้มันต้องตัดสินใจเองสิ ชินกับโอลิเวียเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันใช่ไหมล่ะค่ะ”
ซูซานหันมาเอ่ยถามชินด้วยสายตาออดอ้อนเป็นไพ่ตาย
หนนี้ชินไม่หลงกลเธอ แต่ประโยคนั้นกลับเป็นไพ่ตายด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว
หัวเราะทีหลังดังกว่าสินะ
เล่นพูดเรื่องที่สมเหตุสมผลออกมาแล้วมาถามความเห็นของคนมีอำนาจที่สุดในห้องแบบนี้
ถ้าเกิดตอบปฏิเสธไป เรากับโอลิเวียก็มีแต่จะเสียความนิยมเปล่า ๆ
ประมาทไม่ได้เลยจริง ๆ แฮะ
“ที่คุณซูซานพูดมาก็มีเหตุผลครับ คิดว่าทำแบบนั้นคงเหมาะสมที่สุดแล้ว”
ชินตอบรับซูซานด้วยรอยยิ้มอ่อนอย่างไม่มีทางเลือก
…เป็นรอยยิ้มของการยอมรับความพ่ายแพ้
สงครามวาทะแบบนี้ชินไม่ได้เจอมานานเหลือเกิน ทำเอาชินรู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่อาจกลายเป็นลิงใช้กำลังแทนที่จะใช้ปัญญาและวาจาไปเสียแล้ว
จะยอมให้แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ
ชินเหลือบมองชงหยวนด้วยแววตาเข้มดุดัน
ซูซานเห็นแล้วกลับอมยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ… แต่ช่างแฝงด้วยเลศนัยที่ไม่อาจหยั่งถึง
ราวกับอสรพิษกำลังลวงเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น
หลังจากนั้นตัวแทนจากทุกห้องก็เริ่มใช้เวลาคุยกันเพื่อคัดเลือกสถานที่ท่องเที่ยว
แน่นอนว่าต้องใช้เวลาพอสมควร… หากไม่นับเรื่องความละเอียดของข้อมูล เดิมทีพวกเขาเกือบทุกคนก็กะจะอาศัยคำตอบของชินกับโอลิเวียเป็นแนวทางอยู่แล้ว
ต้องใช้เวลาราวสิบนาทีเศษจึงจะได้ข้อสรุปของห้องตัวเอง
เสียงพูดคุยเลยเริ่มเบาลงจนเป็นที่สังเกตของชิน
“ถ้างั้น เรามาโหวตกันเลยไหมครับ”
ชินสังเกตท่าทางของทุกคนเลยเริ่มเสนอแบบนั้น
ตอนนี้… แผนในการเอานักเรียนทุกคนออกจาก ‘จุดปะทะ’ ได้หายไปแล้ว
แต่ใช่ว่าชินจะไม่มีแผนสำรองเสียทีเดียว…
สถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 12 แห่งที่อยู่ในข้อเสนอนั้น ชินนำมาจากตัวเลือกที่นักเรียนคนอื่น ๆ เสนอเข้ามา ปัญหาเลยอยู่ที่อาจมีคนเลือกสถานที่ที่ชินไม่อยากให้เลือก
แต่ว่า… ถึงเราจะบังคับคนอื่นไม่ได้ แต่ก็บังคับตัวเองได้อยู่
ชินทวนกับตัวเองในใจ ไม่ทิ้งความหวัง และไม่เคยทิ้ง
ถ้าเราบังคับสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดให้ไปกระจุกอยู่ที่เดียวได้ และทุกจุดอยู่ห่างจาก ‘จุดปะทะ’ ทั้งหมดล่ะก็ เราก็จะสามารถเลือกวันที่จะบุกไปหาตัวตลกได้เลย
เพราะไม่ว่าจะวันไหน สถานที่ท่องเที่ยวทุกที่ก็อยู่ห่างจากจุดปะทะทั้งนั้น
แต่ถ้าเกิดมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ใกล้กับจุดปะทะ แล้วเราดันไปฆ่าตัวตลกหลังจากที่ไปเที่ยว กลุ่มนักเรียนก็อาจกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้
โอกาสที่จะโดนสงสัยมีประมาณ 50-50 หรือต่อให้น้อยกว่านี้ แต่ยังไงก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องเสี่ยง
…เพราะแบบนั้นก็เลยวางแผนสำรองไว้ก่อนแล้ว
ในบรรดา 12 ที่ที่เราเลือกมา ครึ่งนึงเป็นจุดที่อยู่ห่างจากจุดปะทะ เพราะงั้นให้ตายยังไงก็ต้องถูกเลือกบ้างอยู่แล้ว
จากนั้นก็แค่รอให้ถึงวันที่อยู่ไกลจากตัวตลก แล้วหนีจากกลุ่มทัศนศึกษาออกมาจัดการมันในคืนนั้น
วันถัดไป… พอกลุ่มทัศนศึกษาของเราไปเที่ยวก็จะเป็นหลังจากที่เกิดเหตุไปแล้ว เราก็จะไม่ถูกมองว่าเกี่ยวข้อง
ที่เหลือก็แค่ดูเรื่องจังหวะเวลาดี ๆ
แล้วเรื่องหลักฐานที่อยู่ก็จะปลอดภัยและรอดพ้นข้อสงสัยได้ไม่ยาก
เพราะงั้น… ทุกอย่างก็ยังอยู่ในแผน
ชินสลับแผนในหัว เปลี่ยนจากทางสบายไปเป็นทางลำบากแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสสำเร็จ
แม้จะเรียกตัวเองว่าลิงใช้กำลังแต่ชินก็ไม่เคยประมาท เลยทำให้ชินมีสิทธิชนะตั้งแต่ทุกอย่างจะเริ่มขึ้นแล้วด้วยซ้ำ
แต่… แผนนั้นจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อชินมีอิสระที่จะไปไหนมาไหนได้ตามแผน
การมีซูซานและจินอยู่ทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวกก็จริง แต่ถ้าทั้งสองคนไม่ได้มีแผนจับตามองเขาเพื่อเป้าหมายใดเป็นพิเศษ ชินก็จะหาโอกาสออกไปเคลื่อนไหวตอนกลางคืนได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว
เว้นเสียแต่ว่าทั้งสองคนมี
“ถ้างั้นก็———”
อ๊อด!———
เสียงจากลำโพงดังขึ้นในจังหวะที่การโหวตกำลังจะเริ่ม ทำนักเรียนเกือบครึ่งสะดุ้งไปตาม ๆ กัน
นั่นเป็นเสียงสัญญาณก่อนจะมีการประกาศจากหอกระจายข่าวของโรงเรียน เป็นธรรมดาที่บางครั้งจะมีการประกาศแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนี้ และคนที่กำลังเหม่อลอยก็จะเป็นอันตกใจทุกครั้งไป
แต่… นั่นยังไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนน่าตกใจจริง ๆ
“ ‘หยุดซะ!’ ”
“!!!?”
ซูซาน… ชงหยวนตะโกนเสียงดัง แผดเสียงได้ยินไปทั้งห้องประชุมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
คลื่นปริศนาแผ่กระจายไปทั่วห้อง ชินกับโอลิเวียเบิกตาโพลงรีบลุกขึ้นยืนด้วยปฏิกิริยาอันว่องไว แต่ชินกลับเป็นคนเดียวที่โดนมันกระแทกเข้าจนหน้าสั่น
พริบตาถัดจากคำพูดของชงหยวนสิ้นสุดลง มนุษย์ทุกคนในห้องต่างก็หยุดนิ่งเหมือนถูกสาปเป็นหินดังวาจาสิทธิที่เธอกล่าว
แม้แต่โอลิเวียผู้เป็นเอลฟ์อัจฉริยะในรอบพันปี หรือจินผู้เป็นอัศวินนักษัตรอันดับ 2 ของชงหยวนเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ข้อยกเว้น… มีเพียงชงหยวนที่ค่อย ๆ ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีเลศนัย
และชินที่ขมวดคิ้วเหงื่อตกเพราะเพิ่งตระหนักถึงสถานการณ์
แย่แล้ว
พลังนี่มัน… ‘ไนท์’ ของชงหยวนงั้นเหรอ!?
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION