บทที่ 77 ย่อมมีคนชั่วกว่า
เมื่อพับสัญญาหนี้และยัดเข้าไปในมือของหลงป้าเทียนเรียบร้อยแล้ว ฉินเฟิงก็ตบลงที่ฝ่ามือของหลงป้าเทียนเบา ๆ เขายิ้มเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ แล้วเอ่ยอย่างประนีประนอม
“เงินสองแสนสี่หมื่นตำลึงเงิน หาใช่จำนวนเล็กน้อย แม้ว่าข้าจะบังคับเจ้าก็คงไม่สามารถหามาคืนได้เป็นแน่ ขอเพียงเจ้าประทับลายนิ้วมือลงบนสัญญาหนี้ ข้าก็จะให้เวลาเจ้าหาเงิน”
หลงป้าเทียนไม่มีทางเลือก ท้ายที่สุดแล้วฉินเฟิงสามารถ ‘เข้าถึงสวรรค์ได้โดยตรง’ หากเขาไปฟ้องฮ่องเต้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นแล้วใส่สีตีไข่สักหน่อย ชะตากรรมที่รอหลงป้าเทียนอยู่ก็มีเพียงความตายแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เกาซงกับจ้าวฉางฟู่ที่อยู่เบื้องหลังก็คงไม่ช่วยเขา เพราะถ้าเรื่องนี้ใหญ่โตขึ้นมาย่อมไม่เป็นผลดีต่อทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย
ปัญหาที่แก้ไข้ได้ด้วยเงิน ไม่นับว่าเป็นปัญหา!
เมื่อครุ่นคิดดีแล้ว หลงป้าเทียนจึงไม่ลังเลอีกต่อไป กัดปลายนิ้วจนเลือดซิบ แล้วประทับลายนิ้วมือลงบนสัญญาหนี้ทันที
พอหลงป้าเทียนประทับลายนิ้วมือลงไป ฉินเฟิงที่ยิ้มแย้ม ดูไร้พิษภัยต่อมนุษย์และสัตว์โลก ก็เปลี่ยนสีหน้ากะทันหัน เขาหยิบสัญญาหนี้กลับเข้ามาไว้ในอ้อมแขน แสยะยิ้มชั่วร้ายราวกับคนพาล
“ส่งเงินไปที่บ้านข้าภายในสามวัน ทุกวันที่ล่าช้าจะมีดอกเบี้ยสิบส่วนจากร้อยส่วน ดอกเบี้ยคิดเป็นเงินสองหมื่นสี่พันตำลึงเงินต่อวัน และเป็นดอกเบี้ยแบบทบต้น เจ้าสามารถลองคำนวณดูเองได้ ถ้าเกินครึ่งเดือนแล้วยังไม่คืนเงิน ข้าจะเขียนฎีการายงานเรื่องนี้ และขอให้บิดาถวายฎีกาแก่ฮ่องเต้ตอนไปว่าราชกิจยามเช้า ส่วนผลที่ตามมาเจ้าต้องรับผิดชอบเอง!”
ทุกคนในที่เกิดเหตุตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
พวกเขาเคยเห็นคนอารมณ์แปรปรวนอยู่บ้าง แต่ผู้ที่สามารถพลิกสีหน้าได้เร็วกว่าพลิกหน้ากระดาษหนังสือเช่นฉินเฟิงนี้ ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็ค่อย ๆ ได้สติ ก่อนที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดจะดังขึ้นตามมา
“ฉินเฟิงกับหลงป้าเทียน แท้จริงแล้วใครคือคนพาล ใครคือเหยื่อกันแน่?”
“นั่นหัวหน้าพรรคพยัคฆ์มังกร ชายผู้โหดเหี้ยมที่แม้แต่หน่วยลาดตระเวนยังไม่อยากเข้ามายุ่ง ไยยามเผชิญหน้ากับฉินเฟิงจึงเหมือนลูกแกะรอเชือดเสียได้ เขาปล่อยให้นายน้อยฉินฆ่าแกงโดยไม่กล้าแม้แต่จะต่อต้านด้วยซ้ำ?”
“ดั่งคำกล่าวที่ว่า คนชั่วย่อมถูกคนชั่วกว่าลงโทษ หลงป้าเทียนอาศัยว่ามีคนอยู่เบื้องหลังจึงชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ ชาวบ้านร้านตลาดต่างหวาดกลัว ตอนนี้มาแยกเขี้ยวใส่ฉินเฟิง สุดท้ายดันเคี้ยวโดนกระดูกแข็งเข้า ปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคมจึงแตกหัก ฮะฮ่าฮ่า ข้าล่ะมีความสุขยิ่งนัก!”
“เจ้าพูดถูก! ข้าไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ตราบใดเขาสามารถจัดการหลงป้าเทียนได้ ก็เยี่ยมยอดมาก!”
ผู้คนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ต่างก็จ้องมองไปยังฉินเฟิง แม้นายน้อยฉินจะมีชื่อเสียติดตัวอยู่แล้ว แต่ความอื้อฉาวของเขาส่วนใหญ่รู้กันอยู่แค่ในแวดวงราชสำนักหรือกลุ่มบุตรหลานขุนนางเท่านั้น สำหรับคนธรรมดา พวกเขาแทบไม่เคยพบเจอกลอุบายของฉินเฟิงมาก่อนเลย
ในทางตรงกันข้าม หลงป้าเทียนเป็นคนพาลที่สามารถนำภัยพิบัติมาสู่ชาวบ้านได้ง่าย ๆ
ยามนี้ คนพาลน้อยเจอคนพาลใหญ่จึงถูกกดลงจมพื้น ชาวบ้านไม่มีใครไม่ปรบมือโห่ร้องยินดี
ทุกคนต่างไม่รู้ว่าฉินเฟิงไม่สนใจแม้แต่น้อย ว่าจะได้รับเกียรติจากการผดุงคุณธรรมให้ผู้คนหรือไม่
ในชีวิตนี้ ฉินเฟิงมีหลักยึดอยู่เพียงสองประการ หนึ่งคือ ‘เงิน’ และอีกหนึ่งคือ ‘ใครก็ตามที่กล้าแตะคนของข้า จะต้องโดนต่อยให้ฟันกรามร่วง!’
เมื่อมองไปยังหลงป้าเทียนที่ดูสิ้นหวัง ไม่มีมาดชั่วร้ายอีก ฉินเฟิงก็หมดความสนใจ เขาโบกมือ “เข้ามา! รื้อพรรคพยัคฆ์มังกรให้ข้า ขนทุกอย่างที่พอจะมีราคาไปหอสุราธารหยก ถือเป็นค่าชดเชยของตกแต่งที่เสียหายในหอสุรา”
ใบหน้าของหลงป้าเทียนเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว แทบจะพุ่งเข้าไปฉีกร่างฉินเฟิงทั้งเป็น แต่ก็กังวลเกี่ยวกับสัญญาหนี้ในมืออีกฝ่าย จึงทำได้เพียงกัดฟันถาม “คนแซ่ฉิน เจ้าอย่าทำตัวเลวทรามเกินไปนัก! ข้าประทับลายนิ้วมือในสัญญาหนี้แล้วมิใช่หรือ ไยเจ้าจึงจะรื้อพรรคพยัคฆ์มังกรอีกเล่า!”
หากเรือนที่อยู่ด้านหลังพวกเขาถูกรื้อ พรรคพยัคฆ์มังกรคงจบเห่โดยสิ้นเชิง หลงป้าเทียนผู้เป็นหัวหน้าพรรคก็จะหมดหนทางก้าวหน้า แต่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคือ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พรรคพยัคฆ์มังกรทำงานสกปรกนับไม่ถ้วนให้กับเกาซง หลักฐานบางส่วนอยู่ในพรรค หากฉินเฟิงได้ไป ภายภาคหน้าเกาซงจะไม่มีทางต่อกรกับนายน้อยฉินได้อีก
ด้วยนิสัยของเกาซง อีกฝ่ายจะต้องมาคิดบัญชีกับหลงป้าเทียนภายหลังเป็นแน่ เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงจุดจบของตัวเองเลย
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาขุ่นเคืองของหลงป้าเทียน สีหน้าของฉินเฟิงก็จริงจังขึ้นมา “เจ้าทุบหอสุราของข้า ข้ารื้อพรรคของเจ้า มันก็สมเหตุสมผลมากมิใช่หรือ อย่าเข้าใจข้าผิดเล่า ข้าไม่ได้อยากมีปัญหากับเจ้า แค่อยากให้เจ้าเข้าใจว่า อย่าได้มาแตะต้องคนของข้าก็เท่านั้น เพราะถ้าแตะต้องแล้วก็จักต้องถูกเหยียบย่ำลงดินเช่นนี้”
หากเขาจับหลงป้าเทียนเป็นตัวประกันคนเดียว เกาซงย่อมต้องสละเรือรักษาขุน ฆ่าปิดปากหลงป้าเทียนเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด
เมื่อถึงเวลาก็ไม่จำเป็นต้องคืนเงิน และไม่จำเป็นต้องแบกรับความรับผิดชอบใด อีกทั้งยังสามารถใช้โอกาสนี้กัดฉินเฟิงกลับได้
นายน้อยฉินจึงต้องเก็บจุดอ่อนของเกาซงไว้ในมือ เพื่อบอกให้เขารู้ว่านอกจากต้องยอมส่งเงินมาดี ๆ แล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก
ในขณะนี้เอง เสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ดังมาจากด้านบนของหอสุรา
“ฉินเฟิง เจ้าอย่าทำเกินไปนัก!”
เกาซงรีบออกมาจากหอสุราด้วยความโกรธ เรื่องอื่น ๆ เขาทนได้ แต่การรื้อพรรคพยัคฆ์มังกรคงมิอาจทน มีหลักฐานของงานสกปรกอยู่ที่นั่นมากมาย จะปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของฉินเฟิงไม่ได้โดยเด็ดขาด!
“หยุดซะ ไม่เช่นนั้นเราจะได้เห็นดีกัน!”
หลังจากเกาซงตะโกนใส่ เหล่าคนที่เข้าร่วม ‘การรื้อพรรค’ ก็ตัวหดลงทีละคน พวกเขาไม่อาจทำให้เกาซงขุ่นเคืองได้
ฉินเฟิงโบกมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คนตระกูลฉินทุบทำลายต่อไป ส่วนผู้ที่ไม่ใช่คนของตระกูลฉินไปรออยู่ข้างนอก คอยช่วยขนย้ายสิ่งของก็ได้ โอ้! จริงสิ ฉินเสี่ยวฝู ถ้าเจออะไรแปลก ๆ ข้างใน ก็ห่อกลับจวนเสียให้หมด”
ฉินเสี่ยวฝูรู้งาน เขาย่อมเข้าใจว่า ‘อะไรแปลก ๆ’ ของฉินเฟิงหมายถึงสิ่งใด จึงหัวเราะเบา ๆ ออกมา และตอบรับ “นายน้อย ข้าจัดการเอง ไม่ต้องกังวล”
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหยุดยั้งได้ เกาซงก็กัดฟันกรอด พลางตะโกนเสียงต่ำ “หลงป้าเทียน ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ตีไอ้ฉินเฟิงให้ตาย! ต่อให้ท้องฟ้าถล่มลงมาข้าก็จะแบกรับไว้เอง มีพยานมากมายเพียงนี้ ไม่เดือดร้อนถึงเจ้าแน่”
หลงป้าเทียนเดิมเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้จึงลุกขึ้นยืน และตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“เอาดาบมาให้ข้า! ฟังให้ดี หากมีอะไรเกิดขึ้นกับพรรคพยัคฆ์มังกร พวกเจ้าก็หนีไม่พ้น ขอแค่ฆ่าฉินเฟิงได้ อย่างไรก็ยังมีนายน้อยเกาปกป้องพวกเราอยู่ ทุกคนจะได้อยู่อย่างสงบสุข!”
เมื่อเหล่าอันธพาลได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของพวกเขาก็โหดเหี้ยมขึ้นมา
ไม่ว่าอย่างไรเรื่องก็คงจบลงด้วยดีไม่ได้แล้ว ลองสู้ตายสักตั้งจะเป็นไรไป!
“สู้มัน!”
หลังเสียงคำรามของหลงป้าเทียน อันธพาลกลุ่มหนึ่งก็พุ่งไปหาฉินเฟิงทันใด
ฉินเฟิงนั่งไขว่ห้างอย่างสบายใจบนเก้าอี้ ไร้ความเกรงกลัว หัวเราะออกมา พลางพูดติดตลกว่า “ถูกแล้ว ๆ หากไร้ความกล้าหาญ พวกเจ้าจะตั้งหลักในยุทธภพได้อย่างไร”
ทันทีที่เขาพูดจบ เงางดงามของร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านายน้อยฉิน จากนั้นก็เตะคนจากพรรคพยัคฆ์มังกรล้มลง ก่อนจะพลิกตัวเหวี่ยงขาถีบอีกคนจนล้มลงตามกันไป
คนสองคนถูกกำจัดในพริบตา หลงป้าเทียนตกตะลึง จ้องมองชูเฟิงด้วยสายตาที่เคร่งขรึมอย่างมาก ไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอย่างหุนหันพลันแล่นอีก
คิ้วเรียวของชูเฟิงยกขึ้น นางตะโกนลั่น “หากกล้าลงมือกับนายน้อยตระกูลฉินก็แปลว่า รนหาที่ตาย!”
MANGA DISCUSSION