หลังเลิกคาบที่สอง ผมเดินไปโรงอาหารคนเดียว เพื่อน ๆ ที่เรียนสาขาเดียวกันต่างพากันออกจากห้องเรียนอย่างสนุกสนานเหมือนเดิม ส่วนผมก็ยังคงใช้ชีวิตมหา’ลัยแบบมีเพื่อนน้อยเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าอะไร มหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับให้ต้องทำอะไรเป็นกลุ่มเหมือนสมัยมัธยม ผมเลยเริ่มรู้สึกว่าการอยู่คนเดียวสบายใจกว่าเสียอีก
ตอนนี้เป็นช่วงพักเที่ยง โรงอาหารแน่นขนัดไปด้วยนักศึกษา แค่จะหาที่นั่งว่างยังลำบากเลย
เอาเถอะ ยังไงคาบสามก็ไม่มีเรียนอยู่แล้ว ผมเลยคิดว่าจะไปนั่งเล่นที่ห้องสมุดฆ่าเวลาในช่วงพักเที่ยง
ห้องสมุด
ในสถานที่ที่มีกลิ่นหนังสือเฉพาะตัว ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่พักหนึ่ง สมัยมัธยมผมเคยติดอ่านหนังสือพัฒนาตัวเอง แต่พออ่านไปหลายเล่มก็รู้ว่ามันคล้าย ๆ กันหมด เลยเลิกอ่านไปเอง นิยายก็ไม่ค่อยอ่าน เพราะใช้เวลาอ่านนานเกินไปสำหรับคนที่มีอะไรอยากทำเยอะอย่างผม
…จะออกจากห้องสมุดดีไหมนะ
คิดแบบนั้นแวบหนึ่ง แต่ก็นึกได้ว่าโรงอาหารคงยังแน่นอยู่ เลยเปลี่ยนใจ เอาเป็นว่านั่งเล่นมือถือดีกว่า
สิ่งที่ผมหาข้อมูลส่วนใหญ่ก็เรื่องเทคนิคทำความสะอาดนี่แหละ เดี๋ยวนี้สะดวกมาก แค่มีสมาร์ทโฟนก็หาข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ทำความสะอาดหรือวิธีทำความสะอาดได้ง่าย ๆ
โอ้ อันนี้น่าสนใจ
ผมรีบเปิดเว็บสั่งซื้อของออนไลน์แล้วกดสั่งทันที
…แล้วก็เริ่มรู้สึกเสียใจนิดหน่อย
ไม่ใช่เพราะซื้อของทำความสะอาดหรอก แต่เพราะก่อนหน้านี้ผมก็เคยซื้อของแบบนี้แบบหุนหันพลันแล่น แล้วฮายาชิก็เป็นคนรับของให้ แล้วก็โดนเธอดุไปชุดใหญ่
“ของนี่เอาไว้ทำอะไรเหรอ?”
“เหมือนกับที่เคยซื้อก่อนหน้านี้เลยนะ?”
แน่นอนว่าผมไม่ใช่คนที่จะยอมเงียบ ๆ
“อันนี้มันใช้งานแบบนี้นะ ไม่เหมือนกับอันก่อนหรอก” ผมอธิบายอย่างละเอียด…แต่สุดท้ายฮายาชิก็ไม่เคยยอมรับเหตุผลของผมสักที
ที่จริงผมก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอะไรที่โดนเธอดุ ทั้งที่เป็นเงินของผมเอง
เพราะเธอเป็นคนที่คอยเตือนผมด้วยความหวังดี แม้จะเสี่ยงโดนผมเกลียดก็ยังกล้าพูด ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ เธอก็อาจลำบากไปด้วย แต่เธอก็ยังเลือกจะเตือนผม ผมเลยไม่มีทางโกรธเธอได้ ถ้าผมโกรธเธอ ผมก็คงไม่ต่างอะไรกับแฟนเก่าของเธอที่ผมเคยด่าในใจ
แต่ถึงจะคิดแบบนั้น ผมก็ยังหยุดซื้อของแบบหุนหันพลันแล่นไม่ได้อยู่ดี
ตอนนี้ยังทันที่จะกดยกเลิกนะ แต่ผมก็ไม่คิดจะยกเลิกอยู่ดี แบบนี้ผมก็คงหมดหวังแล้วล่ะ
“เอาน่า โดนดุก็แค่เรื่องเล็กน้อยเอง”
ผมถึงกับปลอบใจตัวเองด้วยเหตุผลแบบนี้…เฮ้อ ผมนี่มันหมดหวังจริง ๆ
สุดท้ายมัวแต่เลือกของทำความสะอาดจนพักเที่ยงหมดไป
ผมลุกขึ้นเตรียมไปโรงอาหาร
โรงอาหาร ผมสั่งข้าวกล่องไก่ทอด แล้วมองหาที่นั่งว่างในโรงอาหาร สุดท้ายก็เดินไปนั่งตรงมุมที่คนนิยมน้อยที่สุด
“แห้ง ๆ ไม่ค่อยอร่อยเลย…”
ข้าวกล่องไก่ทอดในโรงอาหาร สมัยเพิ่งเข้าเรียนใหม่ ๆ ผมยังรู้สึกว่ามันอร่อยดี แต่พอฮายาชิมาอยู่ด้วยแล้วทำกับข้าวให้กิน ผมก็เพิ่งรู้ว่าข้าวกล่องที่นี่ไม่ได้อร่อยอะไรขนาดนั้น
แบบนี้น่าจะขอให้ฮายาชิทำข้าวกล่องให้บ้างก็ดี…แต่ก็เกรงใจ ไม่อยากเพิ่มภาระให้เธอ สุดท้ายก็ต้องทนกินข้าวโรงอาหารต่อไป
ระหว่างที่โรงอาหารเริ่มเงียบลงเพราะคาบสามเริ่มแล้ว ก็มีเสียงดังขึ้นมา
ประตูอัตโนมัติเปิดออก มีผู้หญิงสี่คนเดินเข้ามาในโรงอาหาร
“อ้าว ยามาโมโตะคุง”
หนึ่งในนั้นทักผมขึ้นมา
พอเงยหน้าขึ้นไปดู ก็เจอคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้…คาซาฮาระ
“…คาซาฮาระเหรอ สบายดีไหม?”
“อืม นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เราได้คุยกันในมหา’ลัย”
“…นั่นสินะ”
อย่างที่คิดไว้เลย แม้จะเรียนมหา’ลัยเดียวกันกับคาซาฮาระมาครึ่งปีแล้ว แต่ผมก็เจอเธอในแคมปัสนี้หลายครั้ง แต่ไม่เคยคุยกันจริงจังเลย เพราะมันรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมาก
…ถ้าเลือกได้ ผมก็อยากใช้ชีวิตมหา’ลัยสี่ปีโดยไม่ต้องคุยกับเธอเลย แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น
“อาคาริจัง คนนี้ใครเหรอ?”
“แฟนเก่าจ้ะ”
“อดีตนะ”
คาซาฮาระชอบพูดแหย่ ๆ แบบนี้เป็นนิสัย เธอคงรอให้ผมแย้งกลับเหมือนเดิม
“…เหรอ แล้วคบกันตอนไหนเหรอ?”
“สมัยมัธยม”
“งั้นตอนนี้โสดเหรอ?”
“…อืม อันนี้ไม่แน่ใจนะ”
“เอ่อ…”
“ยามางิวะค่ะ”
“หืม ทำไมใช้ชื่อปลอมล่ะ ยามาโมโตะคุง”
ก็แหม จะให้บอกชื่อจริงกับคนที่ไม่รู้จักในยุคนี้มันน่ากลัวนะ โลกออนไลน์เดี๋ยวนี้ข้อมูลส่วนตัวรั่วง่ายจะตาย ผมน่ะเป็นคนระวังตัวเรื่องนี้มาก
แต่สุดท้ายชื่อปลอมที่ผมใช้ก็โดนคาซาฮาระจับโป๊ะจนได้
“…ขอโทษนะ ทุกคนไปก่อนเลยได้ไหม?”
คาซาฮาระพูดขึ้นมาแล้วนั่งลงตรงข้ามผม
“โอเค…งั้นไว้เจอกันนะ ยามาโมโตะคุงด้วย”
เพื่นของคาซาฮาระเดินออกไป
คาซาฮาระนั่งตรงข้าม เอามือเท้าคางแล้วยิ้มมองผม
MANGA DISCUSSION