ซีบัสที่วิ่งจากสถานีโยโกฮาม่าถึงสวนยามาชิตะ นั่นคือเรือที่ฮายาชิเสนอให้ขึ้น แต่พอดีมีเรือมารีนรูจมาถึงก่อน เราก็เลยขึ้นเรือนั้นแทน ซีบัสเป็นเรือที่ใช้เดินทางได้ แต่มารีนรูจเป็นเรือท่องเที่ยวที่วนรอบท่าเรือโยโกฮาม่า ราคาแพงกว่าแต่ไหน ๆ ก็ขึ้นเรือแล้ว ไหน ๆ ก็มาดูวิวที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นดีกว่า ผมเป็นคนเสนอแบบนั้น ทั้งที่ตัวเองก็แปลกใจ
(“ซีบัส” เป็นเรือโดยสารทางน้ำ ที่ใช้เดินทางเชื่อมโยงระหว่างสถานีโยโกฮาม่าไปยังสวนยามาชิตะ หากใครจะไม่สะดวกอ่านเป็น เรือโดยสารสาธารณะ นะครับ)
พอขึ้นเรือจากท่าเรือ เราก็เพิ่งรู้ว่าเรือมีร้านอาหารด้วย ถ้ารู้ก่อนก็ไม่ต้องกินลิ้นวัวตอนเที่ยงแล้ว เราหัวเราะกัน
เรารีบขึ้นไปที่ดาดฟ้าด้านบน ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆ เหมือนกำลังเฉลิมฉลองการเดินทางของเรา
พอเรานั่งที่ดาดฟ้า คนก็เริ่มทยอยขึ้นมา เรือก็ออกจากท่าเรือ พอดีหุ่นยนต์ยักษ์ที่สวนยามาชิตะเริ่มเคลื่อนไหว หุ่นยนต์ชูนิ้วโป้งให้กำลังใจเรือที่กำลังออกจากท่าเรือด้วยเสียงดัง
“ว้าว”
ฮายาชิร้องขึ้นข้าง ๆ
เรือประกาศผ่านลำโพงว่ากำลังมุ่งหน้าไปยังสะพานเบย์ ผ่านท่าเรือไดโคคุ สะพานเบย์ที่มองจากด้านล่างนี่สุดยอดจริง ๆ
เรือแล่นผ่านท่าเรือหลายแห่ง แล้วก็ให้เราเห็นวิวอ่าวโตเกียวทั้งหมด
ทะเลที่มีฝั่งตรงข้ามไม่ใช่ทะเลที่แท้จริง
ผมเคยพูดแบบนั้น แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าตอนนี้ แม้จะมีฝั่งตรงข้าม แต่ก็สวยงามเหลือเกิน ทะเลสีฟ้าใส เรือประมงแล่นอย่างอิสระ เรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ และในระยะไกลคืออะควาไลน์ ทั้งหมดนี้เป็นวิวที่ไม่มีทางได้เห็นในชีวิตประจำวัน
“วิวสวยมากเลยนะ”
“จริงด้วย”
ผมมัวแต่เพลิดเพลินกับวิวจากดาดฟ้า จนเพิ่งสังเกตว่า คนที่ขึ้นมาที่ดาดฟ้าส่วนใหญ่เป็นคู่รักกัน การดูทะเลจากเรือเพื่อสร้างความทรงจำกับคนรัก ใช่เลย เป็นความคิดที่โรแมนติกดี
คนพวกนี้คงไม่ได้ขึ้นเรือแบบบังเอิญเหมือนเรา พวกเขาต้องวางแผนการเดทอย่างดีเพื่อให้คู่ของตัวเองมีความสุข แล้วมาจบที่เรือลำนี้
คิดแบบนี้แล้วก็รู้สึกผิดนิด ๆ ที่ขึ้นเรือมาแบบไม่คิดอะไรมาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไร
“…เป็นยังไงบ้าง ฮายาชิ?”
แต่ผมก็แอบคิดว่า
ก่อนเหตุการณ์ที่ประทับใจที่สุดของวันนี้… เธอคิดอะไรอยู่กันนะ
แน่นอนว่าเราไม่ได้วางแผนแบบคนอื่นที่อยากให้คู่ของตัวเองมีความสุข เหมือนที่ผ่านมา ผมแค่สนุกเองก็พอ เราไม่ได้เป็นคู่รักกัน
แต่ผมก็ถามฮายาชิ
…นั่นคือ
“สนุกไหม?”
เราไม่ได้เป็นคู่รักกัน แต่ผมก็อยากให้เธอมีความสุข อยากให้เธอได้เห็นวิวที่หาที่ไหนไม่ได้บนเรือลำนี้ อยากให้เธอตื่นเต้น
“สนุกค่ะ”
“ดีแล้ว”
“ไม่ใช่เพราะได้มาที่นี่หรอก”
“…หือ?”
“…อ๋อ ขอโทษ ได้มาที่นี่ก็เป็นส่วนหนึ่ง”
“ไหนกันแน่”
“…คือ…ได้มาที่นี่กับนายน่ะดี”
ตึก! หัวใจผมเต้นแรง
“…ได้มาที่นี่กับนายโดยเฉพาะน่ะดี”
ผมพูดไม่ออก
“นายล่ะ?”
…การได้มาที่นี่กับฮายาชิ… ผมคิดอะไรอยู่?
เหมือนกัน
เหมือนกันเลย
ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกับฮายาชิ ที่ได้มาที่นี่กับเธอโดยเฉพาะ
…นั่นคือ
“ก็ไม่แย่นะ”
การได้มาที่นี่กับฮายาชิ… ดี
ฟังดูไม่เหมือนอย่างนั้นเพราะความอายที่กำลังเต้นตุบๆ ในใจผม
“งั้นเหรอ ไม่แย่นะ”
ฮายาชิยิ้มอย่างมีความสุข
เหมือนได้ยินคำพูดที่ทำให้เธอดีใจจากผม
เหมือนดีใจที่รู้ว่าความรู้สึกของเธอและผมเหมือนกัน
ผมตัดสินใจจดจ่อกับวิวต่อ ไม่อย่างนั้นถ้ามองฮายาชิต่อไป อาจจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ควร
นั่นคือ… ไม่อยากให้เธอออกจากห้อง
นี่เป็นความรู้สึกที่เคยมีมาก่อน
แต่ผมเคยสั่นหัวปฏิเสธมัน เพราะรู้ว่ามันไม่ควร
แต่ครั้งนี้ ความรู้สึกนี้ถามผม
ทำไมต้องไล่เธอออกไป? มันถามคำตอบจากผม
ไม่มีคำตอบที่น่าพอใจ
ก็แน่ล่ะ
เพราะเธอ… ไม่รบกวนงานอดิเรกของผม แถมยังช่วยทำงานบ้านให้อีก
มีแต่เรื่องที่ลำบากถ้าเธอไป แต่ไม่มีอะไรที่ลำบากถ้าเธออยู่
แต่ผมคิดว่าเธอไม่ควรอยู่ในห้องผมต่อไป
…คงเป็นเพราะ
คงเป็นเพราะผมคิดว่ามันจะไม่ดี
ไม่ใช่เธอ
แต่ผม… ผมคิดว่าผมจะไม่ดี
สมัยมัธยม ผมไม่ชอบเธอ แต่หลังจากใช้ชีวิตมัธยมสามปี แม้เธอจะบางครั้งทำตัวเหมือนราชินีที่เอาแต่ใจ แต่ผมก็ยอมรับเธอ
พอรู้ว่าเธอทุกข์ทรมาน ผมทนไม่ได้จนต้องให้เธอมาอยู่ที่ห้องผม
ผมคิดว่าทำเพื่อปกป้องเธอ
แต่ช่วงนี้ ผมกลับรู้สึกว่า… กลับรู้สึกว่าเธอเป็นคนปกป้องผมต่างหาก รู้สึกว่าตัวเองกำลังเอาแต่ใจกับความใจดีที่เสียสละของเธอ
…จริงๆ แล้ว
จริงๆ แล้ว ผมสมัยมัธยมคิดถูก
เธอไม่ใช่ราชินีอะไร เธอเป็น… คนที่โกรธง่าย โกรธแล้วน่ากลัว ใจดี และดื้อรั้น
ไม่… ในแง่หนึ่งเธอก็เป็นราชินี
ไม่ใช่ราชินีแบบทรราช แต่เป็นราชินีที่เหมือนเทพีแห่งความเมตตา
คนแบบเธอไม่ควรอยู่ข้างผมต่อไป
“…ตั้งใจทำตัวให้ดีนะ อยู่คนเดียว”
ผมให้กำลังใจ
“ก็ครั้งที่สองแล้วนี่ คงไหว”
“ถ้ามีปัญหาก็โทรมาบอกนะ”
“ขอบคุณ อาจจะต้องรบกวนอีก”
“…ดูแลตัวเอง”
“…อืม”
ไม่มีความเสียใจ ผมคิดว่าจะเสียใจมากกว่านี้
แต่การแยกทางแบบไม่มีความขมขื่น แค่นี้ก็พอแล้ว
ผมยิ้มอย่างอ่อนโยนผิดปกติ อธิษฐานให้เธอมีความสุขตลอดไป
เรือค่อยๆ แล่นวนรอบท่าเรือโยโกฮาม่า
แสงอาทิตย์สะท้อนบนผิวน้ำที่เคลื่อนไหว
ฮายาชิหรี่ตาลงเพราะแสงจ้า แต่ดูมีความสุข
…ผมคงไม่มีวันลืมภาพที่เห็นตรงหน้านี้
ผมคิด
เช้าวันต่อมา ฮายาชิออกไปเร็วกว่าปกติ
วันนี้เธอจะไปที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเซ็นสัญญาห้องที่เคยไปดูมาแล้ว
ห้องนี้จะกว้างขึ้นอีกครั้ง
ผมคิดแบบนั้นแล้วรอเธอกลับมาคนเดียว
“กลับมาแล้ว”
นี่คงเป็นการทักทายครั้งสุดท้ายของฮายาชิ
“กลับมาแล้ว”
ผมตอบกลับ
“เป็นยังไงบ้าง?”
หน้าของฮายาชิตอนเข้ามาในห้อง
ผมคิดว่า
…คงเป็น
คงเป็นว่าผมจะไม่มีวันลืมหน้าของฮายาชิตอนนี้
เธอทำหน้าขม
ทำหน้าลำบากใจ
ฮายาชิก้มหน้าลง
“หือ เกิดอะไรขึ้น”
“…มีเรื่องจะปรึกษา”
ฮายาชิพูด
“เซ็นสัญญาห้องไม่ได้”
“หือ?”
“เรื่องผู้ค้ำประกัน… คือฉันถูกพ่อแม่ตัดขาด แล้วก็ยังเป็นผู้เยาว์ด้วย”
ฮายาชิทำหน้าขมยิ้มอย่างสิ้นหวัง
ส่วนผม… ตกใจ เข้าใจความหมาย แล้วก็…
“ฮ่าๆ”
หัวเราะ
“ฮ่าๆ ใช่สินะ ผู้ค้ำประกัน ฮ่าๆ ใช่ๆ… ฮ่าๆๆๆ!”
“หยุดหัวเราะเรื่องความทุกข์ของคนอื่นได้แล้ว”
“ขอโทษๆ ฮิๆๆ… ขอโทษ จริงๆ ขอ… ฮึค! ฮึค! ฮึค!”
ผมหัวเราะจนสำลัก ฮายาชิเลยลูบหลังให้ด้วยความกังวล
“ทำอะไรอยู่เนี่ย?”
เสียงของฮายาชิเย็นชาเป็นพิเศษ
“ขอโทษๆ ฮ่าๆ”
“ยังหัวเราะอีกเหรอไอ้คนนี้”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ… เราเครียดกันไปเปล่าๆ”
ฮายาชิจ้องหน้าผมที่กำลังเช็ดน้ำตาจากการหัวเราะด้วยความสงสัย
“…ยามาโมโตะ รู้ไหมว่าฉันจะปรึกษาอะไร?”
“หือ?”
“ก่อนหน้านี้ นายบอกว่าไม่เอา ครั้งแรก”
ก่อนหน้านี้… น่าจะหมายถึงตอนที่สถานีตำรวจ ฮายาชิตอนนั้นกำลังหาที่อยู่เพราะเคยอยู่กับแฟน หลังจากคุยกันหลายรอบ สุดท้ายเธอก็มาอยู่ที่ห้องผม
แต่ก่อนจะตกลงกัน ผมคัดค้านการให้เธอมาอยู่ที่ห้องนี้
ฮายาชิพูดแบบท้าทาย
…ตอนนั้นฮายาชิบอกว่าเธอจะทำทุกอย่าง
และเธอก็ทำตามที่พูดจริงๆ รับผิดชอบงานบ้านทั้งหมด ไม่รบกวนงานอดิเรกของผม
เรื่องที่เธอจะปรึกษา
คงหมายถึงการขออยู่ที่ห้องนี้เหมือนเดิม
และเธอกำลังถาม
ว่าผมจะตอบตกลงหรือไม่
…ผมเคยคิดว่า
เธอไม่ควรอยู่ในห้องนี้ เพราะเธอไม่ใช่คนที่จะพอใจแค่อยู่ข้างผม
แต่ในความเป็นจริง… เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่แม้แต่ห้องเช่าหนึ่งห้องยังเช่าไม่ได้ เป็นเด็กผู้หญิงที่ถ้าผมไม่ให้อยู่ก็จะต้องเร่ร่อน
จริงๆ แล้วนี่เป็นแค่ข้ออ้าง
ไม่ให้เธอต้องเร่ร่อน ข้ออ้างที่ไม่มีมาก่อนหน้านี้มาอยู่ตรงหน้า ผมเลยจะลืมคำพูดและความคิดก่อนหน้านี้แล้วยอมรับมัน แค่นั้นเอง
…แต่ผมรู้
ว่าคนเราทำได้ทุกอย่างถ้ามีข้ออ้าง
และคนเรา… ผม… ทำได้แค่ใช้ชีวิตตามใจตัวเอง
“จนกว่าจะเจอห้องใหม่”
ผมยิ้ม
“…ขอบคุณ”
“…ถามหน่อย เธอโอเคไหม? อยู่กับคนอย่างผมคงมีแต่เรื่องวุ่นวาย”
“ใช่ค่ะ ยากลำบากมากเลย”
“เฮ้ย”
“แต่มากกว่านั้น… สนุกค่ะ”
สนุกเหรอ
ไม่คิดว่าเธอจะรู้สึกแบบนั้น ผมคิดว่าในสายตาฮายาชิ การอยู่ที่ห้องผมเป็นแค่ทางเลือกสุดท้าย แค่นั้นเอง
“…งั้นเหรอ”
“ดีใจเหรอ?”
“ก็ไม่แย่นะ”
ฮายาชิจะเข้าใจความหมายของคำพูดผมไหม?
“ดีแล้ว”
ฮายาชิหัวเราะแบบทนไม่ได้
MANGA DISCUSSION