นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 23 นำกลอนไปส่ง
ตอนที่ 23 นำกลอนไปส่ง “คุณชายเจ้าคะ สุรา สุราเจ้าค่ะ สุราขายหมดแล้วเจ้าค่ะ!” สายตาของฟู่เสี่ยวกวนยังคงอยู่บนคัมภีร์ฉุนหยางซินจิง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบขึ้นมา “ซิ่วเอ๋อร์… ข้าหิวแล้ว” “โอ้ ข้าจะไปทำให้เดี๋ยวนี้… ท่านผู้นี้คือผู้ใดกันเจ้าคะ?” “ไม่ต้องสนใจเขาหรอก ต่อจากนี้เจ้าจงทำสำรับอาหารเพิ่มมาอีกสำหรับ และไปจัดเตรียมห้องที่อยู่ชั้นสองให้เรียบร้อยด้วย” “เจ้าค่ะ” ชุนซิ่วเดินไปยังห้องครัว ในใจก็คิดว่าคุณชายช่างเป็นผู้ที่มีความสามารถมากเสียจริง สินค้าตัวใหม่แห่งหยู๋ฝูจี้ของตระกูลตนออกสู่ตลาด คุณชายก็หาได้สั่นคลอนไม่ ตรอกฉือปาหลี่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ก็เพื่อมาซื้อสุราของตระกูลตน กิจการเป็นไปได้ด้วยดีถึงเยี่ยงนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นคงยินดีเป็นอย่างมาก แต่คุณชายยังคงไม่สั่นคลอนหรือปลื้มปริ่มแต่อย่างใด เวลาสั้น ๆ เพียงครึ่งวัน สุราร้อยชั่งที่มีอยู่ในหยู๋ฝูจี้ได้หมดไปแล้ว ทั้งยังเป็นสุราที่ราคาสูงจนผู้ใดฟังก็ต้องตกใจ นี่ทำเงินไปได้เท่าไหร่กัน? แต่คุณชายกลับทำเหมือนมิมีสิ่งใดเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น ทั้งหมดนี้ราวกับอยู่ในการควบคุมของคุณชาย ถึงแม้คุณชายจะมิได้ไป แต่เขากลับรู้ผลลัพธ์มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่เดิมยังกังวลใจอยู่ว่าคุณชายคงจะกลัวเสียหน้า ภายภาคหน้าคงมิกล้าคิดเยี่ยงนี้อีกแล้ว เพียงไม่นาน คนเฝ้าประตูก็พาคนหนึ่งเข้ามา ฟู่เสี่ยวกวนไม่รู้จัก และหาได้สนใจอะไรไม่ คนผู้นั้นวางเทียบเชิญ 1 ใบ กล่าวว่าคุณชายชีหยวนหมิงแห่งร้านสุราชีชื่อต้องการนัดเขาไปทานข้าว หากมิใช่เพราะหนังสือเล่มนี้ ฟู่เสี่ยวกวนก็คงจะไป ทำการค้า การรู้จักคนไว้มากหน้าหลายตามิใช่เรื่องแย่อันใด อย่างไรเขาก็รู้ว่าร้านสุราชีชื่ออยู่ตรงข้ามกันกับหยู๋ฝูจี้ และความต้องการของฝ่ายตรงข้ามเขาก็พอจะคาดเดาได้บ้าง ร่วมการค้าคงเป็นไปไม่ได้ แต่ร้านฝ่ายตรงข้ามก็ไม่เลวเลยทีเดียว เขาตั้งใจจะซื้อสุราของร้านชีชื่อมาชิม แต่ตัวเขายังไม่มีเวลาในตอนนี้ “ข้าเข้าใจความปรารถนาดีของคุณชายชีแล้ว แต่ข้านั้นยังมิมีเวลาจริง ๆ เจ้ากลับไปแล้วบอกกับเขาว่า หากเสร็จสิ้นธุระในช่วงนี้ไปแล้วข้าจะไปหาเขาด้วยตนเอง” ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือเพื่อให้คนเฝ้าประตูพาคนผู้นั้นออกไป หลังจากนั้นไม่นานฟู่ต้ากวนก็ได้พากลุ่มคนเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ไฮ่…” ฟู่เสี่ยวกวนกอดหนังสือเอาไว้ในอ้อมอก มิรอให้ฟู่ต้ากวนได้เอ่ยอันใด ก็ชิงกล่าวขึ้นมาก่อน “ท่านพ่อ ข้ารู้หมดแล้ว ตอนนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ข้าจะต้องทำ ข้ากำลังยุ่งมาก จำเป็นต้องให้ท่านนำคนไปจัดการล่วงหน้าก่อน” “บุตรชาย เจ้าจงกล่าวมา!” รอยยิ้มบนใบหน้าของฟู่ต้ากวนราวกับดอกไม้บาน แต่มิใช่เพราะหยู๋ฝูจี้ทำเงินได้มากมาย แต่เป็นเพราะบุตรชายเพิ่มเกียรติให้แก่เขา ยามที่ตรอกฉือปาหลี่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน หลังจากที่มีข่าวว่าทุกคนมาเพื่อซื้อสุราที่หยู๋ฝูจี้เพียงขวดเดียวถูกแพร่ออกไป ผู้คนที่มีหน้ามีตาของเมืองหลินเจียงต่างก็พากันมาลิ้มรสสุราที่หยู๋ฝูจี้กันถ้วนหน้า ในนั้นยังรวมไปถึงพ่อค้าผ้ารายใหญ่ทั้งสี่และพ่อค้าข้าวรายใหญ่ทั้งสามอีกด้วย แน่นอนว่า คนเหล่านี้ย่อมมีฐานะทางสังคม พวกเขาไม่ได้เข้าไปรุมล้อมเพื่อต่อแถวซื้อสุรา แต่กลับไปโรงน้ำชาที่อยู่ตรงข้ามกับหยู๋ฝูจี้ พวกเขาเลือกที่นั่งชั้นสองเพื่อที่จะสามารถมองเห็นทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นที่หน้าประตูของหยู๋ฝูจี้ได้อย่างชัดเจน ฟู่ต้ากวนที่ได้ยินข่าวเยี่ยงนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปยังโรงน้ำชา จุดประสงค์ของเขามิใช่เพื่อดื่มชา แต่จุดประสงค์นั้นคือมาเพื่อฟังว่าคนเหล่านั้นสรรเสริญบุตรชายของเขาว่าเยี่ยงไรบ้างเพียงเท่านั้น “คุณชายฟู่ผู้มีพรสวรรค์ที่ฟ้าประทาน!” “ผู้นำตระกูลฟู่สั่งสอนบุตรได้เยี่ยมมากจริง!” “หลินเจียงมิเคยเกิดปรากฏการณ์อันบ้าคลั่งเยี่ยงนี้มาก่อน” ! “มาเถิด ๆ ทุกท่านมาลิ้มรสสุรากัน ข้าคว้ามาได้ 1 ขวด…” “เป็นสุราชั้นเยี่ยม โดยเฉพาะเทียนฉุน 42 ดีกรี สามารถเทียบเคียงกับเทียนเซียงได้อย่างแท้จริง!” “พ่อพยัคฆ์มิมีลูกเป็นสุนัข คุณชายฟู่เป็นผู้มีพรสวรรค์ลำดับที่สี่ของหลินเจียง ฝีมือการค้าการขายเยี่ยงนี้ เหนือกว่าข้าและพวกเจ้ายิ่งนัก!” “…..” ฟู่ต้ากวนยังมิได้ดื่มสุราแต่รู้สึกมึนเมาเล็กน้อย ใบหน้าที่สดใสนั้นกำหมัดแน่น โดยกล่าวไปว่าเป็นเพียงการลงมือเล็ก ๆ น้อย ๆ จะไปสามารถเข้าตาผู้คนได้เยี่ยงไรกันเล่า กล่าวได้ว่า ฟู่ต้ากวนอยู่หลินเจียงมานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกโล่งอก และได้เชิดหน้าชูตาเสียที! “ประการแรก ส่งคนไปยังเรือนซีซาน เพื่อก่อสร้างโรงกลั่นสุราแห่งใหม่ จัดหานายช่างสุราและลูกมือให้เพียงพอ” “ประการที่สอง สุราที่ทางร้านสุราผลิตได้ในทุกวันนี้ ต้องเก็บไว้ 3 ส่วน ใส่ถังสุราและปิดผนึกไว้และเก็บไว้ในห้องใต้ดินให้มิดชิด และห้ามมิให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายโดยเด็ดขาด!” “ประการที่สาม… เรียกฉ้ายหลงจู๊แห่งหยู๋ฝูจี้และเรียกหยู๋จี้แห่งร้านขายกระจก เจียงจี้แห่งร้านเครื่องลายครามเพื่อพูดคุยเจรจาเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับภายภาคหน้า ราคาของอุปกรณ์เหล่านี้ในภายภาคหน้า จะต้องลดลง 2 ส่วน” “ช่วงนี้ให้เป็นเยี่ยงนี้ไปก่อน… ท่านพ่อ ท่านอย่าได้ร่วมผสมโรงเลย คอยอยู่ดูแลแม่รองเถิด” ฟู่ต้ากวนพาคนกลุ่มนั้นเดินออกไปอีกครั้งอย่างมีความสุข ในที่สุดในเรือนก็เงียบสงบ ชุนซิ่วถืออาหาร 2 อย่าง กับน้ำแกงอีก 1 ถ้วยเดินออกมาเพื่อตั้งโต๊ะให้กับคุณชายของนาง “เวลาค่อนข้างเร่งรัด คนครัวเพิ่งจะได้กลับมาในยามนี้ บ่าวจึงลงมือทำให้ท่านได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตกค่ำแล้วจะเรียกพวกเขาให้ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านทานอีกครานะเจ้าคะ” ตกค่ำ… ทันใดนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็นึกขึ้นมาได้ว่าค่ำนี้ต้องไปเข้าร่วมงานพบปะที่หลินโจวจวนเสียนชินอ๋อง คิ้วของเขาขมวดนิ่ว นี่คือเทียบเชิญที่บิดาของเขานำมาให้ จะให้พูดว่ามิไปก็เหมือนว่าจะไม่ดีเสียเท่าไหร่ แต่คัมภีร์ฉุนหยางซินจิงในอ้อมกอดนี้ยังมิทันได้หายร้อนเลย ข้างในนั้นยังมีหลายสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ… ยิ่งเป็นเยี่ยงนี้ การไปสถานที่แบบนั้นย่อมเป็นการเสียเวลาเป็นแน่! ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิด และเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ซิ่วเอ๋อร์ เจ้าจงไปหยิบพู่กัน แท่นหมึก กระดาษ หินหมึก มาให้ข้า” “เจ้าค่ะ!” ฟู่เสี่ยวกวนคิดมาอย่างดีแล้ว กลับกันเขาก็ไม่รู้จักกับเสียนชินอ๋องและคนในจวนของเสียนชินอ๋อง บุคคลที่สูงส่งอย่างชินอ๋องย่อมไม่รู้จักเขาเป็นแน่ ดังนั้นตัวเขาจะไปหรือไม่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย เพื่อมิให้บิดาของเขาต้องเสียหน้า ทั้งยังต้องแสดงออกถึงความเคารพ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจประพันธ์กลอนขึ้นมา แล้ววานให้ซิ่วเอ๋อร์นำไปส่งในช่วงค่ำ และส่งมอบให้กับคนของหลินโจว เพื่อกล่าวขอประทานอภัยอย่างเห็นได้ชัด และแสดงออกถึงเจตนาของตนเองไปอย่างชัดเจน เมื่อซิ่วเอ๋อร์ฝนหมึกเสร็จแล้ว ก็ครุ่นคิดขึ้นมาว่าคุณชายกำลังเขียนสิ่งใดกัน? เขียนสิ่งใดกัน ? ฟู่เสี่ยวกวนเองก็กำลังหนักใจเป็นอย่างมาก เขาถือพู่กันพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าออกหลายครั้งอย่างครุ่นคิด เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าครั้งนี้จะเขียนกวีหนึ่งบท ค่ำคืนที่เมามาย ดวงดาวและสายลมในยามค่ำ หอวาดภาพชายตะวันตกไปยังป่าตะวันออก ร่างไร้สองปีกหงส์ที่งดงาม จิตใจต่างสื่อสารไปถึงกัน เกี่ยวส่งสุราอุ่นดั่งหน้าร้อนไปยังที่นั่งแยกห่าง พลิกคว่ำเทียนไขเปลวไฟแดงแล้วแยกย้าย ถอนใจเมื่อได้ยินเสียงกลองยามเลิกรา เฆี่ยนม้ามาหลานถายแล้วเปลี่ยนทิศไปตามลม ซูม่อแต่เดิมที่กำลังหลับตาพักผ่อน ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้นมา สายตากวาดไปรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมาย และตกกระทบบนกระดาษ และเหยียดริมฝีปากออก เพราะนั่นคือตัวอักษรที่อัปลักษณ์ที่สุดที่เขาเคยเจอมา แต่ในช่วงเวลาที่สายตาของเขากำลังจะผละออกไป ก็เป็นอันต้องเบี่ยงเบนกลับมา เพราะบทกวีนี้! ! เขานั่งตัวตรง และเอนไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อย หลังจากที่ได้อ่านบทกวีนี้จนจบแล้ว สายตาก็ตกอยู่ที่ใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวน ใจของชุนซิ่วปลื้มปีติ ความคิดของคุณชายกลับมาแจ่มชัดขึ้นอีกครา! บทกวีนี้ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะประโยคที่ว่าร่างไร้สองปีกหงส์ที่งดงาม จิตใจต่างสื่อสารไปถึงกัน แต่คุณชายมีจิตใจสื่อถึงกันกับผู้ใดกันเล่า ชุนซิ่วประหลาดใจยิ่งนัก และเมื่อรวมเข้ากับช่วงหลายวันนี้ที่ได้อยู่ร่วมกับคุณชาย จึงรับรู้ว่าคุณชายนั้นเป็นคนที่ทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ดังนั้นนางจึงเอ่ยถามขึ้นมาหนึ่งประโยค “คุณชายเจ้าคะ ท่านตั้งใจจะสื่อถึงกับใครหรือเจ้าคะ?” ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะ วางพู่กันลง คิดไปคิดมาแล้วข้าควรจะสื่อถึงใครกันเล่า? ฝานตั่วเอ๋อร์รึ? ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่แท้ เยี่ยงนั้นก็มีเพียง… “แม่นางต่งชูหลานแห่งตระกูลต่ง!” ชุนซิ่วปลื้มปีติขึ้นมาทันพลัน แม่นางตระกูลต่งงดงามยิ่ง มีความรู้มีมารยาท อีกทั้งยังเก่งกาจด้านการค้าการขาย เมื่อคู่กับคุณชายก็เหมาะสมกันดั่งกิ่งทองกับใบหยก ช่างใจตรงกันเสียจริง “สิ่งนี้ ตกค่ำเจ้าช่วยข้านำมันไปส่งที่หลินโจว ที่นั่นมีงานพบปะ แต่ข้าไม่มีเวลาแม้แต่จะไป หากเจ้าไปถึงแล้วให้สังเกตว่าผู้ใดคือหัวหน้าตระกูล กล่าวกับเขาว่าข้าขอประทานอภัย ภายภาคหน้าหากมีโอกาสข้าจะขอน้อมรับโทษอีกครา”
ตอนที่ 23 นำกลอนไปส่ง
“คุณชายเจ้าคะ สุรา สุราเจ้าค่ะ สุราขายหมดแล้วเจ้าค่ะ!”
สายตาของฟู่เสี่ยวกวนยังคงอยู่บนคัมภีร์ฉุนหยางซินจิง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบขึ้นมา “ซิ่วเอ๋อร์… ข้าหิวแล้ว”
“โอ้ ข้าจะไปทำให้เดี๋ยวนี้… ท่านผู้นี้คือผู้ใดกันเจ้าคะ?”
“ไม่ต้องสนใจเขาหรอก ต่อจากนี้เจ้าจงทำสำรับอาหารเพิ่มมาอีกสำหรับ และไปจัดเตรียมห้องที่อยู่ชั้นสองให้เรียบร้อยด้วย”
“เจ้าค่ะ”
ชุนซิ่วเดินไปยังห้องครัว ในใจก็คิดว่าคุณชายช่างเป็นผู้ที่มีความสามารถมากเสียจริง
สินค้าตัวใหม่แห่งหยู๋ฝูจี้ของตระกูลตนออกสู่ตลาด คุณชายก็หาได้สั่นคลอนไม่ ตรอกฉือปาหลี่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ก็เพื่อมาซื้อสุราของตระกูลตน กิจการเป็นไปได้ด้วยดีถึงเยี่ยงนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นคงยินดีเป็นอย่างมาก แต่คุณชายยังคงไม่สั่นคลอนหรือปลื้มปริ่มแต่อย่างใด เวลาสั้น ๆ เพียงครึ่งวัน สุราร้อยชั่งที่มีอยู่ในหยู๋ฝูจี้ได้หมดไปแล้ว ทั้งยังเป็นสุราที่ราคาสูงจนผู้ใดฟังก็ต้องตกใจ นี่ทำเงินไปได้เท่าไหร่กัน? แต่คุณชายกลับทำเหมือนมิมีสิ่งใดเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น
ทั้งหมดนี้ราวกับอยู่ในการควบคุมของคุณชาย ถึงแม้คุณชายจะมิได้ไป แต่เขากลับรู้ผลลัพธ์มาตั้งแต่แรกแล้ว
แต่เดิมยังกังวลใจอยู่ว่าคุณชายคงจะกลัวเสียหน้า ภายภาคหน้าคงมิกล้าคิดเยี่ยงนี้อีกแล้ว
เพียงไม่นาน คนเฝ้าประตูก็พาคนหนึ่งเข้ามา ฟู่เสี่ยวกวนไม่รู้จัก และหาได้สนใจอะไรไม่ คนผู้นั้นวางเทียบเชิญ 1 ใบ กล่าวว่าคุณชายชีหยวนหมิงแห่งร้านสุราชีชื่อต้องการนัดเขาไปทานข้าว หากมิใช่เพราะหนังสือเล่มนี้ ฟู่เสี่ยวกวนก็คงจะไป ทำการค้า การรู้จักคนไว้มากหน้าหลายตามิใช่เรื่องแย่อันใด อย่างไรเขาก็รู้ว่าร้านสุราชีชื่ออยู่ตรงข้ามกันกับหยู๋ฝูจี้ และความต้องการของฝ่ายตรงข้ามเขาก็พอจะคาดเดาได้บ้าง
ร่วมการค้าคงเป็นไปไม่ได้ แต่ร้านฝ่ายตรงข้ามก็ไม่เลวเลยทีเดียว เขาตั้งใจจะซื้อสุราของร้านชีชื่อมาชิม แต่ตัวเขายังไม่มีเวลาในตอนนี้
“ข้าเข้าใจความปรารถนาดีของคุณชายชีแล้ว แต่ข้านั้นยังมิมีเวลาจริง ๆ เจ้ากลับไปแล้วบอกกับเขาว่า หากเสร็จสิ้นธุระในช่วงนี้ไปแล้วข้าจะไปหาเขาด้วยตนเอง”
ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือเพื่อให้คนเฝ้าประตูพาคนผู้นั้นออกไป หลังจากนั้นไม่นานฟู่ต้ากวนก็ได้พากลุ่มคนเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“ไฮ่…”
ฟู่เสี่ยวกวนกอดหนังสือเอาไว้ในอ้อมอก มิรอให้ฟู่ต้ากวนได้เอ่ยอันใด ก็ชิงกล่าวขึ้นมาก่อน “ท่านพ่อ ข้ารู้หมดแล้ว ตอนนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ข้าจะต้องทำ ข้ากำลังยุ่งมาก จำเป็นต้องให้ท่านนำคนไปจัดการล่วงหน้าก่อน”
“บุตรชาย เจ้าจงกล่าวมา!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฟู่ต้ากวนราวกับดอกไม้บาน แต่มิใช่เพราะหยู๋ฝูจี้ทำเงินได้มากมาย แต่เป็นเพราะบุตรชายเพิ่มเกียรติให้แก่เขา
ยามที่ตรอกฉือปาหลี่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน หลังจากที่มีข่าวว่าทุกคนมาเพื่อซื้อสุราที่หยู๋ฝูจี้เพียงขวดเดียวถูกแพร่ออกไป ผู้คนที่มีหน้ามีตาของเมืองหลินเจียงต่างก็พากันมาลิ้มรสสุราที่หยู๋ฝูจี้กันถ้วนหน้า ในนั้นยังรวมไปถึงพ่อค้าผ้ารายใหญ่ทั้งสี่และพ่อค้าข้าวรายใหญ่ทั้งสามอีกด้วย
แน่นอนว่า คนเหล่านี้ย่อมมีฐานะทางสังคม พวกเขาไม่ได้เข้าไปรุมล้อมเพื่อต่อแถวซื้อสุรา แต่กลับไปโรงน้ำชาที่อยู่ตรงข้ามกับหยู๋ฝูจี้ พวกเขาเลือกที่นั่งชั้นสองเพื่อที่จะสามารถมองเห็นทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นที่หน้าประตูของหยู๋ฝูจี้ได้อย่างชัดเจน
ฟู่ต้ากวนที่ได้ยินข่าวเยี่ยงนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปยังโรงน้ำชา จุดประสงค์ของเขามิใช่เพื่อดื่มชา แต่จุดประสงค์นั้นคือมาเพื่อฟังว่าคนเหล่านั้นสรรเสริญบุตรชายของเขาว่าเยี่ยงไรบ้างเพียงเท่านั้น
“คุณชายฟู่ผู้มีพรสวรรค์ที่ฟ้าประทาน!”
“ผู้นำตระกูลฟู่สั่งสอนบุตรได้เยี่ยมมากจริง!”
“หลินเจียงมิเคยเกิดปรากฏการณ์อันบ้าคลั่งเยี่ยงนี้มาก่อน” !
“มาเถิด ๆ ทุกท่านมาลิ้มรสสุรากัน ข้าคว้ามาได้ 1 ขวด…”
“เป็นสุราชั้นเยี่ยม โดยเฉพาะเทียนฉุน 42 ดีกรี สามารถเทียบเคียงกับเทียนเซียงได้อย่างแท้จริง!”
“พ่อพยัคฆ์มิมีลูกเป็นสุนัข คุณชายฟู่เป็นผู้มีพรสวรรค์ลำดับที่สี่ของหลินเจียง ฝีมือการค้าการขายเยี่ยงนี้ เหนือกว่าข้าและพวกเจ้ายิ่งนัก!”
“…..”
ฟู่ต้ากวนยังมิได้ดื่มสุราแต่รู้สึกมึนเมาเล็กน้อย ใบหน้าที่สดใสนั้นกำหมัดแน่น โดยกล่าวไปว่าเป็นเพียงการลงมือเล็ก ๆ น้อย ๆ จะไปสามารถเข้าตาผู้คนได้เยี่ยงไรกันเล่า
กล่าวได้ว่า ฟู่ต้ากวนอยู่หลินเจียงมานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกโล่งอก และได้เชิดหน้าชูตาเสียที!
“ประการแรก ส่งคนไปยังเรือนซีซาน เพื่อก่อสร้างโรงกลั่นสุราแห่งใหม่ จัดหานายช่างสุราและลูกมือให้เพียงพอ”
“ประการที่สอง สุราที่ทางร้านสุราผลิตได้ในทุกวันนี้ ต้องเก็บไว้ 3 ส่วน ใส่ถังสุราและปิดผนึกไว้และเก็บไว้ในห้องใต้ดินให้มิดชิด และห้ามมิให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายโดยเด็ดขาด!”
“ประการที่สาม… เรียกฉ้ายหลงจู๊แห่งหยู๋ฝูจี้และเรียกหยู๋จี้แห่งร้านขายกระจก เจียงจี้แห่งร้านเครื่องลายครามเพื่อพูดคุยเจรจาเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับภายภาคหน้า ราคาของอุปกรณ์เหล่านี้ในภายภาคหน้า จะต้องลดลง 2 ส่วน”
“ช่วงนี้ให้เป็นเยี่ยงนี้ไปก่อน… ท่านพ่อ ท่านอย่าได้ร่วมผสมโรงเลย คอยอยู่ดูแลแม่รองเถิด”
ฟู่ต้ากวนพาคนกลุ่มนั้นเดินออกไปอีกครั้งอย่างมีความสุข ในที่สุดในเรือนก็เงียบสงบ ชุนซิ่วถืออาหาร 2 อย่าง กับน้ำแกงอีก 1 ถ้วยเดินออกมาเพื่อตั้งโต๊ะให้กับคุณชายของนาง
“เวลาค่อนข้างเร่งรัด คนครัวเพิ่งจะได้กลับมาในยามนี้ บ่าวจึงลงมือทำให้ท่านได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตกค่ำแล้วจะเรียกพวกเขาให้ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านทานอีกครานะเจ้าคะ”
ตกค่ำ… ทันใดนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็นึกขึ้นมาได้ว่าค่ำนี้ต้องไปเข้าร่วมงานพบปะที่หลินโจวจวนเสียนชินอ๋อง
คิ้วของเขาขมวดนิ่ว นี่คือเทียบเชิญที่บิดาของเขานำมาให้ จะให้พูดว่ามิไปก็เหมือนว่าจะไม่ดีเสียเท่าไหร่
แต่คัมภีร์ฉุนหยางซินจิงในอ้อมกอดนี้ยังมิทันได้หายร้อนเลย ข้างในนั้นยังมีหลายสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ… ยิ่งเป็นเยี่ยงนี้ การไปสถานที่แบบนั้นย่อมเป็นการเสียเวลาเป็นแน่!
ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิด และเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ซิ่วเอ๋อร์ เจ้าจงไปหยิบพู่กัน แท่นหมึก กระดาษ หินหมึก มาให้ข้า”
“เจ้าค่ะ!”
ฟู่เสี่ยวกวนคิดมาอย่างดีแล้ว กลับกันเขาก็ไม่รู้จักกับเสียนชินอ๋องและคนในจวนของเสียนชินอ๋อง บุคคลที่สูงส่งอย่างชินอ๋องย่อมไม่รู้จักเขาเป็นแน่ ดังนั้นตัวเขาจะไปหรือไม่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย
เพื่อมิให้บิดาของเขาต้องเสียหน้า ทั้งยังต้องแสดงออกถึงความเคารพ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจประพันธ์กลอนขึ้นมา แล้ววานให้ซิ่วเอ๋อร์นำไปส่งในช่วงค่ำ และส่งมอบให้กับคนของหลินโจว เพื่อกล่าวขอประทานอภัยอย่างเห็นได้ชัด และแสดงออกถึงเจตนาของตนเองไปอย่างชัดเจน
เมื่อซิ่วเอ๋อร์ฝนหมึกเสร็จแล้ว ก็ครุ่นคิดขึ้นมาว่าคุณชายกำลังเขียนสิ่งใดกัน?
เขียนสิ่งใดกัน ?
ฟู่เสี่ยวกวนเองก็กำลังหนักใจเป็นอย่างมาก
เขาถือพู่กันพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าออกหลายครั้งอย่างครุ่นคิด เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าครั้งนี้จะเขียนกวีหนึ่งบท
ค่ำคืนที่เมามาย
ดวงดาวและสายลมในยามค่ำ หอวาดภาพชายตะวันตกไปยังป่าตะวันออก
ร่างไร้สองปีกหงส์ที่งดงาม จิตใจต่างสื่อสารไปถึงกัน
เกี่ยวส่งสุราอุ่นดั่งหน้าร้อนไปยังที่นั่งแยกห่าง พลิกคว่ำเทียนไขเปลวไฟแดงแล้วแยกย้าย
ถอนใจเมื่อได้ยินเสียงกลองยามเลิกรา เฆี่ยนม้ามาหลานถายแล้วเปลี่ยนทิศไปตามลม
ซูม่อแต่เดิมที่กำลังหลับตาพักผ่อน ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้นมา สายตากวาดไปรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมาย และตกกระทบบนกระดาษ และเหยียดริมฝีปากออก เพราะนั่นคือตัวอักษรที่อัปลักษณ์ที่สุดที่เขาเคยเจอมา
แต่ในช่วงเวลาที่สายตาของเขากำลังจะผละออกไป ก็เป็นอันต้องเบี่ยงเบนกลับมา
เพราะบทกวีนี้! !
เขานั่งตัวตรง และเอนไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อย หลังจากที่ได้อ่านบทกวีนี้จนจบแล้ว สายตาก็ตกอยู่ที่ใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวน
ใจของชุนซิ่วปลื้มปีติ ความคิดของคุณชายกลับมาแจ่มชัดขึ้นอีกครา!
บทกวีนี้ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะประโยคที่ว่าร่างไร้สองปีกหงส์ที่งดงาม จิตใจต่างสื่อสารไปถึงกัน แต่คุณชายมีจิตใจสื่อถึงกันกับผู้ใดกันเล่า
ชุนซิ่วประหลาดใจยิ่งนัก และเมื่อรวมเข้ากับช่วงหลายวันนี้ที่ได้อยู่ร่วมกับคุณชาย จึงรับรู้ว่าคุณชายนั้นเป็นคนที่ทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ดังนั้นนางจึงเอ่ยถามขึ้นมาหนึ่งประโยค
“คุณชายเจ้าคะ ท่านตั้งใจจะสื่อถึงกับใครหรือเจ้าคะ?”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะ วางพู่กันลง คิดไปคิดมาแล้วข้าควรจะสื่อถึงใครกันเล่า?
ฝานตั่วเอ๋อร์รึ?
ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่แท้
เยี่ยงนั้นก็มีเพียง… “แม่นางต่งชูหลานแห่งตระกูลต่ง!”
ชุนซิ่วปลื้มปีติขึ้นมาทันพลัน แม่นางตระกูลต่งงดงามยิ่ง มีความรู้มีมารยาท อีกทั้งยังเก่งกาจด้านการค้าการขาย เมื่อคู่กับคุณชายก็เหมาะสมกันดั่งกิ่งทองกับใบหยก ช่างใจตรงกันเสียจริง
“สิ่งนี้ ตกค่ำเจ้าช่วยข้านำมันไปส่งที่หลินโจว ที่นั่นมีงานพบปะ แต่ข้าไม่มีเวลาแม้แต่จะไป หากเจ้าไปถึงแล้วให้สังเกตว่าผู้ใดคือหัวหน้าตระกูล กล่าวกับเขาว่าข้าขอประทานอภัย ภายภาคหน้าหากมีโอกาสข้าจะขอน้อมรับโทษอีกครา”