ตอนที่ 284 ชาวบ้านมาขอความช่วยเหลือถึงหน้าประตู
โรงงานใหม่สร้างเสร็จอย่างราบรื่น สามารถเริ่มการผลิตได้ตามกำหนดตามแผนการเริ่มแรกของฉินเหยา
โรงงานขนาดใหญ่นี้ เปรียบดั่งเครื่องจักรผลิตที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนต่างๆ เมื่อเริ่มเดินเครื่องแล้วก็มิอาจหยุดยั้ง ผลิตสินค้าอันสมบูรณ์แบบที่ลูกค้าต้องการออกมาอย่างได้ไม่ขาดสาย
ไม้ชุดแรกที่ขนส่งมาจากเมืองหลวงของมณฑลรับมอบมาเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็จำเป็นต้องให้ทางโรงงานจัดขบวนรถม้าเดินทางไปยังเมืองหลวงของมณฑลเพื่อขนส่งไม้ที่เหลือกลับมาเอง
หลิวจ้งถือตารางข้อมูลสารถีที่หลิวจี้จัดทำขึ้น ใช้เวลาสองวันไปแจ้งและหารือตามบ้านทีละคนจนได้สารถีสิบคนที่ยืนยันจะลงนามร่วมเป็นพันธมิตรระยะยาวกับโรงงานเครื่องเขียน
เมื่อรวมกับรถม้าของผู้ใหญ่บ้านแห่งหมู่บ้านตระกูลหลิวและรถม้าอีกสองครัวเรือนจากหมู่บ้านเซี่ยเหอ ประกอบกับรถม้าเจ็ดคันที่โรงงานเครื่องเขียนจัดซื้อมาเอง ขณะนี้ขบวนรถม้าก็มีกำลังขนส่งรวมทั้งสิ้นยี่สิบคัน
รถม้าของโรงงานพวกเขาเองนั้นได้ว่าจ้างสารถีโดยเฉพาะมาหกคนซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ชำนาญการ วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งก็ถูกฉินเหยาพาออกไปขายข้าวสาร
ทรัพยากรของตนเองไม่ใช้ก็เสียเปล่า
ร้านขายข้าวนอกเมืองถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้ง ติดป้ายราคาขายว่า ข้าวหยาบขายสี่สิบเหวินต่อหนึ่งจิน ข้าวสารชั้นกลางแปดสิบเหวินต่อหนึ่งจิน ส่วนข้าวสารอย่างดีขายหมดแล้ว
ระยะเวลาเพียงหนึ่งวันสั้นๆ ราคาข้าวสารก็ลดลงไปไม่น้อยเลย
สาเหตุก็ไม่ใช่อื่นใดเพียงเพราะในมือของผู้อพยพยังมีข้าวสารที่แย่งชิงมาจากร้านขายข้าวก่อนหน้านี้ ข้าวสารที่มีอยู่ขายไม่ออกจึงทำได้เพียงลดราคาลง
หวังหม่าอู่โกรธจนกัดฟันกรอดทั้งวัน คืนหนึ่งผ่านไป ใบหน้าของเขาก็บวมเป่งขึ้นมา ตอนนี้ดูคล้ายกับหมั่นโถวที่ขึ้นฟูยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
เมื่อฉินเหยานำขบวนรถม้าขายข้าวสารของตนเองมาถึงก็ไม่มีผู้ใดขัดขวางอีกต่อไป
ยังคงหยุดอยู่ที่ตำแหน่งเดิม หน้าศาลาหลังนั้น ผู้อพยพโดยรอบพอเห็นก็รู้ว่าคนขายข้าวสารราคาถูกมาอีกแล้ว ต่างจับจ้องอาวั่งอย่างใคร่รู้ขณะที่เขานำป้ายราคาออกมาตั้ง
ข้าวสารชั้นกลาง ราคาสามสิบเหวินต่อหนึ่งจิน!
เมื่อเห็นราคานี้ ทุกคนก็พากันสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นโดยมิต้องให้ฉินเหยาป่าวร้องเรียกลูกค้า ผู้คนก็กรูกันเข้ามา
คนผู้นี้ยื่นไหดินเผาใบใหญ่เข้ามา “เติมให้เต็มไหเลย!”
คนผู้นั้นก็ยัดตะกร้าไม้ไผ่เข้ามาแทรก “เติมให้เต็ม เติมให้เต็ม!”
ผู้ที่อยู่ด้านหลังเบียดเข้ามาไม่ได้ก็สบถด่าเสียงดังลั่น “เจ้าพวกข้างหน้าน่ะรีบหน่อยสิ อย่าถ่วงเวลาคนอื่น!”
สถานการณ์เกือบจะควบคุมไม่อยู่ โชคดีที่คราวนี้นำคนมามาก ฉินเหยาจึงรีบสั่งให้พวกสารถีนำรถม้ามาล้อมเป็นวงกลม เหลือทางเข้าไว้เพียงทางเดียว พร้อมกำชับให้ผู้อพยพเข้าแถวให้เป็นระเบียบ ไม่นานนักสถานการณ์จึงกลับสู่ความสงบเรียบร้อย
ข้าวสารชั้นกลางราคาสามสิบเหวินต่อหนึ่งจิน หากเป็นเมื่อก่อน ชาวบ้านเห็นเข้าอย่างน้อยก็คงถ่มน้ำลายใส่พร้อมด่าว่าใจดำ
แต่ในยามนี้ ราคานี้กลับทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นใจอย่างหาที่เปรียบมิได้
คนของร้านขายข้าวสารได้แต่ยืนมองถุงข้าวสารบนรถม้าทางฝั่งฉินเหยาค่อยๆ ยุบลงทีละใบๆ ด้วยความอิจฉาริษยาและชิงชัง
ข้าวสารเต็มรถแปดคันถูกแย่งซื้อไปจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึงครึ่งช่วงเช้า ฉินเหยารีบสั่งให้อาวั่งนำรถเปล่ากลับไปขนข้าวสารที่เหลือในบ้านมาให้หมด
ยุ่งวุ่นวายเช่นนี้จนถึงช่วงบ่ายตะวันคล้อยต่ำ รวมแล้วขายข้าวสารออกไปได้หกพันจิน
หากไม่ใช่เพราะหนทางไกล ก่อนตะวันตกดินคงขายได้อีกรอบ เนื่องจากผู้อพยพในละแวกใกล้เคียงได้รับข่าวแล้วต่างก็รีบรุดมาเข้าแถวเพื่อรอซื้อ
ฉินเหยาเอ่ยอย่างจนใจ “พรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่ พวกท่านแยกย้ายกันไปก่อนเถิด!”
กล่าวจบแล้วแต่ฝูงชนก็ยังไม่ยอมสลายไป ฉินเหยาและคนอื่นๆจึงได้แต่ขับรถเปล่าฝ่าฝูงชนที่แออัดออกไปพลางให้คำมั่นสัญญาซ้ำๆ ว่าพรุ่งนี้เช้าตรู่จะมาแน่นอน ผู้อพยพที่มารอซื้อข้าวจึงยอมเปิดทางให้พวกเขา
ขายข้าวสารออกไปได้อย่างราบรื่น ฉินเหยาจึงอารมณ์ดีอย่างยิ่ง อาวั่งแม้จะเหนื่อยล้า แต่พอมองกลับไปยังตะกร้าที่เต็มไปด้วยเหรียญเงินในห้องโดยสารรถม้าของตนเองก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้ามลายหายไปสิ้น
ฉินเหยาเอ่ยอย่างใจกว้าง “เดี๋ยวข้าจะจ่ายเงินเดือนให้เจ้า”
อาวั่งมองนางด้วยความประหลาดใจระคนยินดี หากไม่ใช่เพราะกำลังขับรถม้าและลงไปไม่ได้ คงได้โขกศีรษะคารวะนางเป็นแน่ “ขอบพระคุณฮูหยิน!”
“ไม่ต้องขอบคุณ ต่อไปพวกเราก็คือครอบครัวเดียวกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกันนะ” ฉินเหยากล่าววาจาให้ความหวังพลางตบไหล่เขาเบาๆ
รอจนอาวั่งดีใจจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ นางจึงกล่าวต่อ “ต่อไปงานบ้านในบ้านก็มอบให้เจ้าทั้งหมดแล้วยังมีวรยุทธ์ของต้าหลาง เจ้าก็ช่วยดูแลให้มากหน่อย”
รอจนโรงงานทางนี้มั่นคงแล้ว นางจะนำขบวนไปยังเมืองหลวงของมณฑลด้วยตนเองเพื่อขนส่งไม้ ตอนนั้นหลิวจี้น่าจะกลับไปที่สำนักศึกษาแล้ว ที่บ้านก็จะเหลือเพียงอาวั่งที่เป็นผู้ใหญ่เพียงคนเดียว
อาวั่งพยักหน้ารับคำ นึกประหลาดใจในใจ ไม่คิดว่าฉินเหยาจะกล้าไว้วางใจตนเองถึงเพียงนี้
แน่นอนว่าฉินเหยาไม่ได้ไว้วางใจอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ก่อนออกเดินทางไปยังเมืองหลวงของมณฑล นางจะยังคอยสังเกตอาวั่งต่อไป หากเขาใช้ไม่ได้ เช่นนั้น…
“ฮูหยิน!”
มิทันที่ฉินเหยาจะได้คิดต่อ เสียงเรียกเบาๆ ของอาวั่งก็ขัดจังหวะความคิดนางลง
ขบวนรถม้าหยุดลงหน้าโรงงานเครื่องเขียน ฉินเหยามองชาวบ้านหมู่บ้านตระกูลหลิวที่ปรากฏตัวอยู่บนถนนแล้วโบกมือให้ขบวนรถม้ากลับโรงงานไปก่อน ส่วนตนเองก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไป เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ท่านยายหวัง พวกท่านมาทำอะไรกันรึ”
ยายหวังยิ้มให้ฉินเหยาอย่างเก้อเขิน เหลียวมองชาวบ้านหมู่บ้านตระกูลหลิวสิบกว่าคนที่อยู่ด้านหลัง ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างกระดากอายของพวกเขา นางก็เอ่ยถามหยั่งเชิงว่า
“เหยาเหนียงเอ๋ย วันนี้เจ้าไปขายข้าวสารที่ในเมืองมารึ ข้าวสารขายดีหรือไม่”
นี่คือการถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ หากขายไม่ดี คนของขบวนรถม้าจะวิ่งกลับมาขนข้าวสารไปอีกกองได้อย่างไร
ฉินเหยากวาดตามองคนสิบกว่าคนที่อยู่ ณ ที่นั้น ทุกคนล้วนเป็นครอบครัวในหมู่บ้านที่เคยกักตุนข้าวสารตามนางไปก่อนหน้านี้ พอมองเห็นแววตาอันร้อนแรงของพวกเขา ในใจนางก็พอจะคาดเดาได้แล้ว
นางพยักหน้าให้ยายหวังแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “พวกท่านก็อยากจะขายข้าวสารด้วยรึ”
ยายหวังตอบรับเสียงหนึ่ง หญิงชราผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องกระดูกแข็งที่สุดในหมู่บ้าน ชาวบ้านให้นางออกหน้ามาเจรจากับฉินเหยาก็ไม่รู้ว่าคิดกันอย่างไร
ปล่อยให้ชาวบ้านด้านหลังรอจนร้อนใจ ยายหวังจึงเอ่ยว่าพวกเขาอยากจะนำข้าวสารส่วนเกินของตนเองมาให้ฉินเหยา ฝากนางช่วยขายให้
พูดจบ ยายหวังก็รีบกล่าวเสริมทันที “หากไม่สะดวกก็แล้วไปเถิด มีไม่มากเท่าใดนัก เก็บไว้กินเองก็ไม่เป็นไร”
ฉินเหยาแย้มยิ้มบางๆ “ข้าขอดูของของพวกท่านก่อนว่ามีเท่าใดกันแน่ ยังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องพูดให้ชัดเจนเสียก่อน ในวันเดียวกันแต่คนละช่วงเวลา ราคาข้าวสารอาจจะไม่เหมือนกัน มีทั้งขึ้นและลง ข้าไม่สามารถรับประกันให้พวกท่านได้ว่าจะได้ราคาสูงเสมอไป”
เหมือนเช่นในวันนี้ ร้านขายข้าวสารทนแรงกดดันจากทางนางไม่ไหว ราคาข้าวสารจึงลดลงมาห้าเหวิน
ราคาอ้างอิงของนางคือร้านขายข้าวสาร หากพรุ่งนี้ร้านขายข้าวสารเล่นไม้แข็ง นางย่อมไม่อาจขายในราคาเท่าวันนี้ได้อีก ดังนั้นพวกชาวบ้านจะต้องแบกรับความเสี่ยงส่วนหนึ่งด้วยตนเอง หากโลภมากก็อย่ามาหานาง
ชาวบ้านต่างตอบรับแสดงว่าเข้าใจ เมื่อเห็นฉินเหยายอมรับปากแล้วก็รีบกลับบ้านไปนำข้าวสารส่วนเกินที่ต้องการขายไปที่บ้านของฉินเหยา
วันนี้ผู้ใหญ่ไม่อยู่บ้าน ที่บ้านยังมีท่านพ่อที่นอนป่วยอยู่ พวกต้าหลางสี่พี่น้องจึงอยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปเล่นข้างนอก
จินฮวาจินเป่าอุ้มต้าเหมามาหาพวกเขา พอเห็นชาวบ้านมา ต้าหลางกับเอ้อร์หลางก็รีบส่งพวกจินฮวาจินเป่าสามพี่น้องกลับไป
คนเยอะวุ่นวาย ต้าเหมายังเล็ก หากเกิดกระทบกระแทกขึ้นมาคงไม่ดี ท่านลุงรองจะต้องจัดการพวกเขาแน่
ฉินเหยากำชับ “ซานหลาง ซื่อเหนียง ไปเอาพู่กันกับหมึกของพวกเจ้ามา”
พอเห็นต้าหลางกับเอ้อร์หลางกลับมาก็สั่งให้พวกเขาไปนำตาชั่งและตะกร้ามาด้วย
อาวั่งให้ชาวบ้านเข้าแถวทยอยเดินมาลงบันทึกทีละคน
เรื่องครึกครื้นเช่นนี้เอ้อร์หลางชอบเข้ามายุ่งเกี่ยวที่สุด พออาวั่งชั่งเสร็จ เขาก็รีบรายงานตัวเลขให้ฉินเหยาทันที
ข้าวสารส่วนเกินที่แต่ละบ้านยอมนำออกมานั้นมีไม่มาก บ้างก็แปดจินสิบจิน บ้างก็หนึ่งจินสองจิน
แต่ข้าวสารที่ซื้อมาเมื่อตอนเจ็ดแปดเหวินนำมาขายในราคาเท่าตัว หนึ่งจินก็ได้กำไรเจ็ดถึงแปดเหวิน ที่บ้านอยากจะซื้อน้ำมันเพิ่มสักสองเหลี่ยง เกลืออีกครึ่งจินก็มีเงินพอแล้ว
MANGA DISCUSSION