ตอนที่ 201 แฟชั่นคือการหมุนเวียนไม่รู้จบ
………………..
ฉินเหยาโบกมือ นางขี้เกียจเข้าไปทักทายให้มากความ
“รบกวนเจ้าช่วยนำหีบหนังสือสองใบนี้ไปส่งให้คุณหนูติงด้วย หนึ่งใบสำหรับนาง ส่วนอีกใบสำหรับคุณชายติง เป็นการขอบคุณที่พวกเขาคอยดูแลบุตรทั้งสี่ของข้า”
ฉินเหยาวางหีบหนังสือลง บอกจางปาถึงวิธีเพิ่มสายสะพายของมัน จางปาพยักหน้าบอกว่าจดจำได้แล้ว นางจึงสะบัดแส้หนึ่งครั้ง เกวียนวัวก็จากไปอย่างรวดเร็ว
จางปามองหีบหนังสือสองใบที่อยู่ตรงข้างเท้าด้วยความประหลาดใจ พลางคิดในใจว่า ฉินเหนียงจื่อผู้นี้ช่างสามารถคิดค้นของแปลกใหม่แต่ใช้งานได้ดีออกมาได้เสมอ
ครั้งก่อนนางส่งสบู่ที่สามารถถูให้เกิดฟองขาวได้ มาครั้งนี้ถึงกับให้หีบหนังสือที่สามารถวางลงบนพื้นแล้วผลักหรือลากได้
ด้วยกลัวว่าจะทำให้หีบหนังสือพลังเซียนที่แปลกประหลาดใบนี้เสียหาย จางปาจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ ใช้มือยกมันขึ้นมาใบละข้างแล้วนำไปส่งยังเรือนของคุณหนูติง
เฉียวกูกู โต้วเอ๋อร์และเฉ่าเอ๋อร์ต่างพากันล้อมเข้ามาดูพลางกระซิบกระซาบว่า “หีบหนังสือนี่เหตุใดจึงมีรูปร่างแปลกเช่นนี้? ติดล้อไว้ทั้งสี่มุมอีก แล้วมันใช้ทำอะไรรึ หรือจะหาแพะมาตัวหนึ่งเพื่อให้มันลากเหมือนรถม้า?”
ติงเซียงมองเฉียวกูกูผู้เสนอแนวคิดอัน ‘แยบยล’ นี้ด้วยความเลื่อมใส ความคิดนี้กระทั่งฉินเหยาเองก็มิแน่ว่าจะเคยคาดคิดมาก่อน คนทั่วไปก็ยากที่จะนึกออกเช่นกัน
แต่บนหีบหนังสือนั้นมีที่จับซึ่งชัดเจนว่ามิได้ออกแบบมาเพื่อให้ใช้สัตว์ลากจูง
ติงเซียงจึงถามจางปาว่าฉินเหยาทิ้งวิธีใช้ไว้หรือไม่ จางปาพยักหน้า แต่เขาไม่กล้าแตะต้องของของเจ้านายจึงทำเพียงบอกวิธีให้ ติงเซียงก็ลงมือทำเอง โดยดึงที่จับซึ่งซ่อนไว้ออกมา
โต้วเอ๋อร์ร้อง “อ๊า” ด้วยความตื่นเต้น “คุณหนูเจ้าคะ! หีบหนังสือนี่มีกลไกซ่อนอยู่ด้วย!”
ติงเซียงดวงตาเปล่งประกาย รีบทำตามที่จางปากล่าว ผลักหีบหนังสือพลังเซียนนี้ไปข้างหน้า ล้อไม้ลื่นไหลดียิ่งนัก ผลักได้ง่ายดายแทบไม่ต้องออกแรงเลย
เมื่อลองลากหีบในแนวเฉียงดูก็พบว่าไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย ที่สำคัญเมื่อพินิจอย่างถี่ถ้วน จะเห็นว่าไม่มีรอยต่อใดๆ ปรากฏบนตัวหีบ ราวกับเป็นชิ้นเดียวกันโดยธรรมชาติ ฝีมือของช่างที่สร้างมันขึ้นมาช่างประณีตยิ่งนัก
ติงเซียงเล่นอยู่ในลานเรือนเป็นเวลานาน กว่าจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เอาหีบหนังสือไปส่งให้พี่ชาย นางจึงรีบหยุดเล่น แล้วสั่งให้เฉียวกูกูช่วยยกหีบของตนไปเก็บไว้ในห้องหนังสืออย่างระมัดระวัง
จากนั้นก็ลากหีบหนังสืออีกใบที่เตรียมไว้ให้ติงซื่อ เดินผ่านทั้งเรือนใหญ่ของตระกูลติง ไปยังห้องหนังสือที่เรือนหน้า
เสียงล้อไม้กลิ้งไปตามพื้นดึงดูดความสนใจของติงซื่อ เขาเหลือบมองออกไปนอกประตูด้วยความสงสัย ก็พบว่าน้องสาวของตนกำลังลากหีบไม้เข้ามาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
ติงซื่อขมวดคิ้ว นั่นมันอะไรกัน?
ขณะที่ก้าวข้ามธรณีประตู ติงเซียงออกแรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถยกหีบหนังสือที่ค่อนข้างหนักเข้ามาวางในห้องหนังสือได้สำเร็จ จากนั้นก็นั่งลงบนหีบอย่างสบายใจ ก่อนจะใช้ขาสองข้างไถตัวเองเลื่อนลื่นไปตามพื้นด้วยความสนุกสนานพลางหัวเราะร่า
ในห้องหนังสือไม่มีคนนอก นางจึงปล่อยตัวเต็มที่ หมุนตัวอยู่บนหีบหนังสือพลังเซียนหลายรอบ จนกระทั่งมาหยุดตรงหน้าติงซื่อที่มองดูอยู่เงียบๆ
เด็กสาวตบหีบหนังสือใต้ร่างตัวเองเบาๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความลึกลับ “พี่ชาย ท่านว่าหีบนี้คืออะไร?”
ติงซื่อเอ่ยขึ้น “หีบใส่สัมภาระ? หรือว่าฉินเหนียงจื่อเป็นคนให้มาอีกแล้ว?”
ติงเซียงเผยสีหน้าจนใจ “เฮ้อ ปิดบังท่านไม่ได้เลยจริงๆ ท่านเดาถูกแล้ว ฉินเหนียงจื่อเพิ่งส่งมาเมื่อครู่นี้ ให้มาสองใบ พอดีเลยแบ่งกันคนละใบ แต่มิใช่หีบใส่สัมภาระหรอกนะ”
ติงซื่อเริ่มสนใจ ดึงตัวติงเซียงลงจากหีบหนังสือแล้วย่อตัวลงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “นี่คือหีบหนังสือรึ”
ติงเซียงพยักหน้า ในที่สุดก็ตอบถูก นางจึงบอกวิธีเพิ่มสายสะพายที่จางปาเพิ่งบอกกับตนแก่พี่ชาย
เดิมทีติงซื่อรู้สึกว่ามันใช้งานไม่ได้เพราะสะพายไม่ได้ ออกจะดูไร้ประโยชน์อยู่บ้าง แต่พอได้ฟังคำอธิบายของติงเซียงก็พลันรู้สึกถูกอกถูกใจขึ้นมา
ปกติแล้วที่สำนักศึกษาและในตัวเมืองล้วนปูพื้นด้วยศิลาเขียว การลากหรือเข็นจึงสะดวก แต่หากออกนอกเมือง พบเจอเส้นทางขรุขระ การสะพายย่อมสบายมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะอย่างไรหีบแบบนี้ก็สะดวกและดูดีกว่าหีบแบบใช้ถือมือหรือหีบรุ่นเก่าๆ ที่เคยใช้มาอย่างเห็นได้ชัด
ติงซื่อทดลองดึงคันจับเข้าออกไปมาพบว่าสามารถหดเข้าออกได้อย่างราบรื่นไม่มีติดขัด ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงนั่งยองๆ สำรวจหีบหนังสืออยู่พักใหญ่
“จริงสิเจ้าคะ พี่ใหญ่” เมื่อหายตื่นเต้น ติงเซียงถึงนึกเรื่องสำคัญได้ นางจึงลองถามว่า “รายชื่อผู้สอบรอบแรกของในเมือง ประกาศออกมาแล้วหรือยังเจ้าคะ”
ติงซื่อพยักหน้า จากนั้นสั่งให้เด็กรับใช้ข้างกายตนนำหีบหนังสือพลังเซียนไปให้ช่างปักที่บ้าน เพื่อช่วยทำสายสะพายสวยๆ ที่เข้ากันให้
มองส่งเด็กรับใช้ข้างกายไปจนลับสายตาแล้วจึงหันกลับมามองติงเซียง “เจ้าคงอยากถามผลสอบของหลิวจี้แทนฉินเหนียงจื่อกระมัง”
ติงเซียงหัวเราะแห้งๆ เอ่ยป้อยอว่า “ไม่มีสิ่งใดปิดบังพี่ใหญ่ได้เลยจริงๆ”
ติงซื่อมองไปยังแปลงดอกไม้ที่ต้นอ่อนเพิ่งแทงยอดพ้นดิน พลางจุ๊ปาก ทำเอาติงเซียงใจหายวาบ รีบถามอย่างร้อนรนว่า “หรือว่าหลิวจี้จะสอบไม่ติด?”
“ก็ไม่ใช่เช่นนั้น” ติงซื่อไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ได้แต่พูดตามตัวอักษรว่า “ติดแล้ว แต่ก็ยังไม่ถือว่าติดเต็มตัว”
ติงเซียงฟังแล้วมึนงง นี่ตกลงว่าติดหรือไม่ติดกันแน่เล่า
ติงซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกล่าว “พูดได้เพียงว่าเขาโชคไม่ดีเท่าไหร่นัก”
ติงเซียง หา?
……
ฉินเหยาลากหีบหนังสือพลังเซียนที่เหลืออีกสามใบมาที่ถนนของตลาดในเมืองเล็กแห่งนี้
วันนี้เป็นวันที่มีตลาดนัดขนาดเล็ก ตามปกติผู้คนมักจะหลั่งไหลมามาก แต่ตอนนี้ดันตรงกับช่วงสำคัญของการเกี่ยวข้าวสาลี ผู้คนส่วนมากจึงมัวแต่ยุ่งกับงานในทุ่งนา คนที่มาจับจ่ายจึงมีน้อยกว่าปกติมาก
ฉินเหยาจอดเกวียนไว้หน้าร้านบะหมี่ ร้านนี้รสชาติเป็นเลิศ แต่ปกติจะไม่เปิดทุกวัน มีเพียงวันที่ตลาดนัดเปิดเท่านั้นถึงจะตั้งร้าน หากอยากกินก็ต้องรีบมาในจังหวะที่ดีจริงๆ
นางสั่งบะหมี่สามชามแล้วขนหีบหนังสือจากเกวียนมาวางไว้ข้างประตูร้าน ขณะที่ผู้คนเข้าออกอย่างอย่างต่อเนื่อง ฉินเหยาก็กินไปพร้อมกับตะโกนขายไปด้วย ทำให้มีคนไม่น้อยที่เดินเข้ามาสอบถามราคา
แต่พอได้ยินว่าราคาสูงถึงห้าร้อยแปดสิบแปดเหวิน ทุกคนก็พร้อมใจกันสูดลมหายใจเย็นเยียบ ก่อนจะโบกมือปฏิเสธแล้วจากไป
ในเมืองจินสือก็มีบ้านของบัณฑิตอยู่หลายหลัง ฉินเหยาเห็นว่าขายที่ร้านบะหมี่ไม่ออก หลังจากกินเสร็จจึงหอบหีบหนังสือไปเร่ขายแถวหน้าบ้านของบัณฑิตเหล่านั้นแทน
หีบหนังสือพลังเซียนเป็นของที่พวกคนยากจนมองว่าแพงและไร้ประโยชน์ แต่สำหรับคนมีเงินแล้ว นับว่าเป็นของน่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกลไกเลื่อนเข้าออกที่ทำให้ใครเห็นก็เป็นต้องตื่นตา
ในที่สุด ฉินเหยาก็ขายหีบหนังสือพลังเซียนทั้งสามใบออกไปได้สำเร็จ แม้จะต้องลดราคาเหลือห้าร้อยหกสิบแปดเหวินก็ตาม
หลังจากได้รับการตอบรับจากตลาดในรอบนี้ ฉินเหยาจึงตัดสินใจกลับไปหาช่างไม้หลิวเพื่อปรับปรุงหีบหนังสือพลังเซียนให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
สายสะพายไหล่เป็นที่ต้องการอย่างมาก เดิมทีนางเพียงคิดถึงความสะดวกสบายของเด็กๆ จนเกือบมองข้ามไปว่ากลุ่มบัณฑิตที่มีจำนวนมากที่สุดนั้น แท้จริงแล้วเป็นบุรุษวัยผู้ใหญ่เสียส่วนใหญ่
พวกเขามีเรี่ยวแรงมากกว่าเด็ก การแบกหีบหนังสือหนึ่งใบย่อมไม่ใช่ปัญหา อีกทั้งหลายคนยังมีเด็กรับใช้ข้างกายด้วย เรื่องประหยัดแรงจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับพวกเขา สิ่งที่พวกเขาต้องการ คือความพิเศษและเอกลักษณ์
เมื่อได้รับข้อมูลสำคัญนี้ ฉินเหยารู้สึกว่า การออกแบบหีบหนังสือยังสามารถพัฒนาไปในแนวทางของการปรับแต่งให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลได้
เช่นการเพิ่มเครื่องประดับตกแต่งให้กับหีบหนังสือ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเพิ่มช่องสำหรับติดตั้งตัวคล้อง เพื่อให้สะดวกต่อการติดตั้งสายสะพายและแขวนเครื่องประดับต่างๆ
คิดมาถึงตรงนี้ ฉินเหยาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ แท้จริงแล้วแฟชั่นก็คือการหมุนเวียนไปไม่รู้จบ
เครื่องประดับมากมายเหล่านี้ แท้จริงไม่ต่างจากของประดับจุกจิกบนกระเป๋านักเรียนในยุคปัจจุบันแม้แต่น้อย!
………………..
MANGA DISCUSSION