ตอนที่ 160 คั่วเกาลัด
………………..
อากาศเย็นลงทุกวัน แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลหลิวกลับกระสับกระส่ายมากขึ้นทุกวัน
เมื่อคำนวณดูวันเวลา ตอนนี้เหล่าชาวบ้านที่ถูกเรียกตัวไปขนส่งเสบียงไปยังชายแดนน่าจะกลับมาถึงแล้ว
สตรีและเด็กจากบ้านอื่น ๆ วิ่งไปที่หน้าหมู่บ้านวันละสี่ถึงห้ารอบ หวังเพียงว่าคนในครอบครัวจะกลับมาอย่างปลอดภัย
หากผู้ใดพอมีเวลาว่างก็จะรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ มุ่งหน้าไปยังปากทางหมู่บ้านเซี่ยเหอเพื่อสอดส่องดู ทั้งสอบถามว่ามีใครกลับมาก่อนหรือไม่
เมื่อได้ยินว่ามีแรงงานจากอำเภอเดียวกันกลับถึงบ้านแล้ว หัวใจของทุกคนก็ยิ่งเต้นแรง ทั้งตื่นเต้นและกังวล
มีเพียงแม่ลูกฉินเหยาห้าคน ที่ยังคงใช้ชีวิตราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ต้องกินก็กิน ต้องดื่มก็ดื่ม
ดูเถิด ต้าหลางอุ้มอ่างใหญ่ที่เต็มไปด้วยเกาลัด ส่วนฉินเหยาหิ้วถังทรายละเอียดที่ร่อนมาจากริมแม่น้ำ สองแม่ลูกจับจังหวะที่นางจางและนางเหอเลิกงานพอดี ตรงไปยังเรือนเก่าของตระกูลหลิว เพื่อจะทดลองคั่วเกาลัดด้วยกันให้ได้
เมื่อเห็นถังทรายในมือฉินเหยา นางจางก็ขมวดคิ้วทันที “คนเขาคั่วเกาลัดกันด้วยทรายแม่น้ำเสียเมื่อไร ต้องใช้ทรายเหล็กต่างหาก!”
ฉินเหยาไม่สนใจ นางอยากกินจนทนไม่ไหวแล้ว วันนี้จะต้องได้กินให้จงได้ ต่อให้ไม่เหมือนของแท้ก็เถอะ
แม่สามีและลูกสะใภ้สองคนได้แต่มองหน้านางอย่างจนใจ จะทำอย่างไรได้ก็ต้องคั่วดูเท่านั้น!
นางเหอหอบหม้อใบใหญ่ออกมา นางจางก่อเตาเผาดินเผาในลานบ้าน ถ่านไฟแดงฉาน ลุกโชนแรงกล้า
เหล่าเด็กๆ ในบ้านได้ยินเสียงเอะอะ อีกทั้งเห็นฉินเหยายืนอยู่ข้างเตาก็เดาได้ทันทีว่าต้องมีของอร่อยอีกแล้ว!
จินเป่าและจินฮวารีบละทิ้งพวกพ้องที่เล่นด้วยกันแล้วไปตามเอ้อร์หลางและแฝดชายหญิงมาด้วย พวกเด็กๆ พากันกรูกันเข้ามาในลานบ้าน
นางเหอเห็นดังนั้นจึงรีบโบกมือไล่ “ไปเล่นที่อื่น ระวังถ่านร้อนลวกเอา”
“ไม่ลวกหรอก อุ่นกำลังดีเลย ท่านแม่ มือข้าหนาว ขออังไฟหน่อย!” จินเป่าทรุดตัวนั่งยองๆ ข้างเตาแล้วยื่นมือออกมาทำท่าผิงไฟ แต่ที่แท้แล้ว เขาเอาแต่ยื่นคอยาวเข้าไปใกล้ด้วยความตื่นเต้น
จินเป่าเหลือบมองเข้าไปในหม้อ เห็นว่ามีแต่ทรายเต็มไปหมด ดวงตาก็เบิกกว้างทันที “ท่านย่า พวกท่านคั่วทรายกันทำไม?”
นี่มันของที่คนกินได้รึ จินเป่าร้องอุทานในใจ
เอ้อร์หลางกลอกตาใส่เขา “คั่วเกาลัดต้องใช้ทรายคั่ว เจ้าไม่รู้หรือ”
จินเป่าและจินฮวาส่ายหน้า พวกเขาไม่รู้จริงๆ
ซานหลางดึงมือน้องสาวให้ถอยออกมายืนห่างๆ พลางกำชับว่า “อย่าเข้าไปใกล้เกินไป เสื้อผ้าจะโดนสะเก็ดไฟไหม้เอา”
สองพี่น้องก้มมองเสื้อตัวใหม่ที่สวมอยู่ ซื่อเหนียงยังยกเท้าขึ้นดูรองเท้าผ้าพื้นหนาที่ปักลายดอกผักบุ้ง น่ารักประณีต
จินฮวาก็มีรองเท้าแบบเดียวกัน สองพี่น้องสบตากันอย่างรู้ใจ จินฮวารีบทิ้งพี่ชายอย่างจินเป่าแล้วเบียดมาใกล้น้องสาว เอามือที่ถูกันจนร้อนขึ้นมาวางแนบแก้มแดงๆ ของซื่อเหนียง ทั้งสองเอาหน้าผากชนกันแล้วหัวเราะ
ไม่นานนัก ในลานบ้านก็มีเสียงอุทานของจินเป่าดังขึ้นตามคาด เสื้อใหม่ของเขาถูกไฟลวกจนเป็นรู ทำเอานางเหอโมโห คว้าตะหลิวคั่วทรายในมือหมายจะตีเขา
จินเป่ารู้สึกน้อยใจนัก ถูกมารดาไล่ตีไปทั่วลาน แต่ก็ไม่ยอมวิ่งออกไปข้างนอก เพราะกลัวว่าหากมีของอร่อยออกมา เขาจะพลาดโอกาสได้ชิมเป็นคนแรก
สุดท้าย ฉินเหยาก็รำคาญเสียงโวยวายของเขาจึงจับคอเสื้อด้านหลังจินเป่าดึงเขาเอาไว้ ก่อนจะยื่นมือออกไปกันตะหลิวในมือนางเหอ พร้อมกล่าวกล่อมจนแม่ลูกทั้งสองยอมสงบศึก
นางเหอเพิ่งจะหายโกรธได้ไม่นาน ครัวก็เกิดเสียงดังขึ้นอีก นางหันไปมอง เห็นจินเป่ากำลังเขย่งเท้าหยิบสบู่ที่วางอยู่บนตู้สูงเพื่อจะล้างมือ แต่เพราะมันลื่นจึงทำหล่นลงพื้น
“หลิวจินเป่า!” นางเหอตะโกนลั่นด้วยความโมโห “บ้านเรามีของดีๆ หน่อยเจ้าก็จะเอามาผลาญจนหมด อาสะใภ้สามของเจ้าให้มาแค่สองก้อนเท่านั้น ท่านย่ากับอาสะใภ้รองเจ้ายังไม่กล้าใช้เลย เจ้าเด็กเหลือขอ ถ้าแตะมันอีกครั้ง เจ้าจะได้เห็นดีกับข้าแน่!”
ฉินเหยาและต้าหลางเอ้อร์หลางที่ยืนเป็นเด็กดีอยู่ข้างๆ มองสบตากัน ก่อนนางจะส่งสัญญาณทางสายตาให้สองพี่น้อง
ต้าหลางกับเอ้อร์หลางผลักกันไปมาเล็กน้อย สุดท้ายเอ้อร์หลางก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ รีบวิ่งเข้าไปในครัวแล้วลากจินเป่าออกมา
“พี่จินเป่า พวกเราไปเล่นที่ทุ่งนากันเถอะ!”
ในทุ่งนามีโคลนกับฟางข้าว สามารถปั้นเตาดิน จุดไฟและเล่นเป็นพ่อแม่ลูกได้ ตั้งแต่เด็กเล็กสามสี่ขวบ ไปจนถึงเด็กโตสิบสองสิบสามปีล้วนชอบเล่นกันทั้งนั้น
ดวงตาของจินเป่าสว่างวาบขึ้นมาทันที แต่ก่อนจะออกไปก็ยังไม่ลืมหันไปสั่งจินฮวา “พอคั่วเกาลัดเสร็จแล้ว เรียกพวกเราด้วยล่ะ!”
จินฮวารับคำเสียงหนึ่ง ก่อนจะหันไปสบตากับซื่อเหนียง ทั้งสองพี่น้องคิดในใจ ในที่สุดเจ้าก็ไปเสียที
นางจางมองทรายแห้งๆ ในหม้อแล้วหันไปบอกให้นางเหอนำเอาน้ำมันมาใส่ นางเหอตกใจ “ต้องใส่น้ำมันด้วยหรือ หม้อใบใหญ่เช่นนี้ ใส่นิดเดียวคงไม่พอแน่ๆ”
ฉินเหยาหยิบเหรียญสิบเหรียญออกจากอกเสื้ออย่างใจกว้าง บอกให้ต้าหลางไปซื้อน้ำมันครึ่งจินมาจากพ่อค้าหาบเร่หลิว
คนหนุ่มสาวมักเคลื่อนไหวรวดเร็ว ไม่กี่นาทีต้าหลางก็กลับมาพร้อมน้ำมัน นางจางเททั้งหมดลงในหม้อเพื่อให้ทรายร้อนทั่วกัน
จากนั้นก็ใส่เกาลัดที่กรีดเป็นรูปกากบาทล่วงหน้าแล้วลงไป คั่วพลิกไปมาให้ความร้อนกระจายทั่ว
ไม่นาน กลิ่นหอมก็ลอยฟุ้งไปทั่ว ทำเอาแฝดชายหญิงและจินฮวาที่เฝ้าดูอยู่ต้องกลืนน้ำลายลงคอเงียบๆ
ฉินเหยาแม้จะรักษาท่าทีไว้ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ในที่สุด ภายใต้การคั่วสลับกันของนางจางและนางเหอ เกาลัดทั้งหมดก็สุก แม้จะไม่ได้ใช้ทรายเหล็กคั่ว แต่ก็ดูดีไม่น้อย
ทรายช่วยให้เกาลัดได้รับความร้อนทั่วถึง ไม่ไหม้เกรียม แต่เนื้อข้างในกลับสุกกำลังดี
นางจางใช้ตะหลิวตักเกาลัดร้อนๆ ใส่ลงในตะกร้าไม้ไผ่ เพราะอากาศหนาวเย็นเพียงเป่าเพียงเล็กน้อยก็คลายร้อนแล้ว
ภายใต้สายตารอคอยของทุกคน ฉินเหยาหยิบเกาลัดขึ้นมา แกะเปลือกออกแล้วโยนเข้าปากทันที
ฉินเหยายกนิ้วโป้งขึ้น “อร่อย! พวกเจ้าลองชิมดู รสชาติไม่ต่างจากที่ขายในอำเภอเลย”
แม้ว่านางเองก็ไม่เคยกินเกาลัดคั่วจากอำเภอมาก่อน แต่รสชาติที่อยู่ในปากตอนนี้ก็เหมือนกับที่นางจำได้
เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็ไม่อาจอดกลั้นอีกต่อไป ต่างคนต่างหยิบเกาลัดขึ้นมาลองชิม เด็กเล็กสามคนยังไม่ชำนาญในการกัดเปลือกก็เลยกัดทั้งเปลือกเข้าไปก่อน เคี้ยวเอาเนื้อแป้งนุ่มหวานข้างในแล้วค่อยบ้วนเปลือกออกมา
นางเหอคิดว่าอาหารใดก็ตามที่ใส่น้ำมันมากพอ ย่อมอร่อยเสมอ ยิ่งเป็นเกาลัดที่คั่วเองกับมือแบบนี้ จะไม่อร่อยได้อย่างไร
พอลองชิมหนึ่งคำก็พบว่าหอมหวานจริงๆ พอหมดลูกหนึ่งก็หยิบอีกลูกเข้าปากไม่หยุด
นางจางมองดูทุกคนกินกันอย่างมีความสุขก็อดขำไม่ได้ นางตักเกาลัดทั้งหมดออกจากทราย คัดทรายออก แล้วใส่ตะกร้าไม้ไผ่เตรียมจะให้ทุกคนยกเข้าไปกินในบ้าน
แต่การกินอยู่ในบ้านจะสนุกสู้กินในลานบ้านได้อย่างไร ไม่มีใครขยับไปไหน ต่างพากันล้อมรอบเตา ค่อยๆ แกะกินทีละลูกอย่างเพลิดเพลิน
นางจางเห็นดังนั้นก็ปล่อยเลยตามเลย เดินเข้าบ้านไปหาฟางผืนใหญ่มาปิดตะกร้าไว้ กันไม่ให้ไอร้อนหายไปเร็วเกินไป
จินฮวากินไปเจ็ดแปดลูกแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่าต้องไปเรียกจินเป่า นางจึงพาแฝดชายหญิงไปด้วยกัน แต่ละคนล้วงเกาลัดคั่วใส่เต็มกระเป๋าก่อนจะออกจากบ้าน
“ไปอวดกันอีกแล้ว เจ้าคอยดูเถอะ อีกไม่นานคงกลับมาพร้อมเสื้อว่างเปล่า” นางชิวส่ายหน้าอย่างจนใจ พลางยิ้มให้ฉินเหยา
ฉินเหยาไม่ใส่ใจ เด็กๆ ก็ต้องมีสังคมของพวกเขาเหมือนกันนั่นแหละ “ยังมีเหลืออีกตั้งครึ่งอ่าง กินหมดแล้วค่อยคั่วใหม่”
พอได้ยินเช่นนั้น นางจางกับนางเหอที่แขนปวดล้าอยู่แล้วถึงกับสะท้าน
นางเหอเอ่ยออกมาตรงๆ อย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าเชียวนะ! หากวันพรุ่งแขนข้าควงตะหลิวไม่ไหวจนทำให้ทุกคนในโรงงานอดข้าว เจ้าห้ามมาโทษข้าเชียว!”
………………..
MANGA DISCUSSION