ตอนที่ 128 รับสมัครคนงาน
หลังมื้ออาหาร ทั้งสองครอบครัวนั่งรวมกันใต้ชายคา รับลมเย็นพลางพูดคุยถึงผลผลิตในปีนี้
ที่ดินของฉินเหยาให้ผลผลิตหมู่ละห้าร้อยจิน นับว่าเป็นปาฏิหาริย์ เพราะที่ดินที่ดีที่สุดของหลิวเหล่าฮั่นกว่าสิบหมู่ ยังให้ผลผลิตเต็มที่แค่หมู่ละสามร้อยยี่สิบจินเท่านั้น
ส่วนที่เหลืออยู่ที่ประมาณสองร้อยแปดสิบจิน ส่วนหมู่ที่อยู่ห่างออกไปและเป็นที่ดินที่แห้งแล้งที่สุด สิบกว่าหมู่ให้ผลผลิตเพียงหมู่ละหนึ่งร้อยหกสิบจินเท่านั้น
ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะที่ดินมีเยอะเกินกว่าจะดูแลได้ทั่วถึง
พอได้ยินแบบนี้ หลิวจี้ก็รู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย “เมียจ๋า เช่นนั้นผลผลิตจากนาข้าวสาลีสองหมู่ของพวกเราเมื่อเดือนสองก็ถือว่าใช้ได้นะ แทบไม่ได้ดูแลเลย แต่ยังได้หมู่ละแปดสิบจินเชียว”
ฉินเหยาจนคำพูด ไม่อยากใส่ใจเขาอีก นางหันไปหาหลิวเหล่าฮั่น แล้วยกเรื่องวิธีปักกล้าข้าวขึ้นมาอีกครั้ง แนะนำให้ลองใช้ในปีหน้า
หลิวเหล่าฮั่นเองก็คิดจะลองอยู่แล้ว ไม่สิ ต้องบอกว่าทั้งหมู่บ้านตระกูลหลิวต่างก็อยากลองทำตามวิธีปักกล้าของฉินเหยา
ใช้วิธีนี้กับที่นาซึ่งมีพื้นที่มากคงเป็นไปไม่ได้ แต่สามารถใช้กับที่ดินที่ดีที่สุดของแต่ละบ้าน หากเพิ่มผลผลิตได้เพียงหมู่ละสิบจิน เมื่อรวมกันหลายสิบหมู่ก็จะได้ข้าวเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยจิน
ยิ่งไปกว่านั้น จากผลผลิตของฉินเหยาปีนี้ ตัวเลขอาจไม่ได้หยุดแค่สิบจินต่อหมู่
หากปีหน้าฝนฟ้าอำนวย การที่ทุกบ้านได้กินอิ่มคงไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิวเหล่าฮั่นและพี่น้องหลิวไป่ทั้งสามต่างก็ตื่นเต้นจนแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่
เมื่อราตรีมาเยือน ทุกคนเหนื่อยล้าจากความวุ่นวายมาทั้งวันจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน
หลิวจี้ต้มน้ำร้อนหลายหม้อ ให้ทุกคนในบ้านอาบน้ำตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะได้นอนหลับอย่างสบาย
เขาเป็นคนสุดท้ายที่อาบน้ำ แถมยังอาบอย่างเชื่องช้าเป็นพิเศษ
พรุ่งนี้ก่อนรุ่งสาง เขาต้องตื่นแต่เช้าไปยังตัวอำเภอเพื่อกลับไปเรียนที่สำนักศึกษา ในหอพักของสำนักศึกษาไม่มีห้องอาบน้ำให้เขาอาบ ดังนั้นเขาจึงต้องอาบน้ำให้สะอาดหมดจดทีเดียว จะได้ทนอยู่ไปได้อีกครึ่งเดือน
ฉินเหยากำลังจะเข้าเมืองไปซื้อเนื้อพอดีจึงไปส่งหลิวจี้ครึ่งทาง นางปล่อยเขาลงที่ถนนหลวงนอกตัวเมือง จากนั้นเดินต่ออีกหนึ่งชั่วยามก็จะถึงตัวอำเภอ
เวลายังเช้า ท้องฟ้าเพิ่งจะเริ่มสว่าง หากเดินเร็วสักหน่อยก็ไม่สายแน่นอน
“เดือนหน้ากลับมาบ้าน อย่าลืมนำข้อสอบเก่ากับคำตอบที่ข้าให้เจ้าคัดลอกมาด้วย” ฉินเหยากำชับ
หลิวจี้พยักหน้าด้วยความหมดอาลัย หิ้วห่อผ้าของตนเอง ลากขาก้าวไปข้างหน้าอย่างอิดโรย ง่วงจนแทบลืมตาไม่ขึ้น
ฉินเหยามองส่งเขาจนลับตาแล้วจึงควบม้าเข้าไปในตัวเมือง ตรงไปที่ร้านขายเนื้อ
ซื้อซี่โครงสองจิน หมูสามชั้นสองจินและตับหมูอีกหนึ่งชิ้น เอากลับไปทำน้ำแกงให้ตนเองกับลูกๆ ทั้งสี่บำรุงร่างกาย
เพียงแต่ว่าฝีมือการทำอาหารของฉินเหยา น้ำแกงตับหมูกับผักที่นางปรุงมักจะมีรสชาติประหลาดอยู่เสมอ นางดื่มไปครึ่งชามแล้วก็วางถ้วย หันไปคีบหมูผัดกินแทน
นำซี่โครงไปใส่ไว้ในกระบอกไม้ไผ่ยาวแล้วนำไปแช่ในถังน้ำเย็น วางไว้ในที่ร่ม จะเก็บได้นานขึ้นอีกวันหนึ่ง นางกะจะใช้ตุ๋นน้ำแกงวันพรุ่งนี้ตอนเย็น
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ นางกำชับให้เด็กๆ ในบ้านช่วยกันเกลี่ยข้าวออกตากแดด แล้วจึงเร่งฝีเท้าไปบ้านช่างไม้หลิว
บ้านเขาเองก็มีที่นาเยอะเช่นกัน แต่คนในครอบครัวเองก็เยอะด้วย หลังจากใช้เวลาห้าวันเก็บเกี่ยว ก็ค่อยมีเวลาว่างบ้าง
ทั้งสองปรึกษากันแล้วเริ่มรับสมัครคนงาน ต้องรีบสร้างแผนกการผลิตให้เร็วที่สุด
จะให้แข็งแรงมากก็คงไม่ได้ แต่โรงเรือนกันลมกันฝนสักหลังต้องมีแน่
ฉินเหยาคิดรูปแบบไว้นานแล้ว เมื่อคลี่แบบแปลนออก ช่างไม้หลิวก็รีบชะโงกหน้ามาดู เป็นอาคารที่มีโครงสร้างล้อมสี่ด้าน ตรงกลางเปิดโล่ง
ทั้งสี่ด้านสร้างเป็นห้องสี่เหลี่ยมยาว มีหลังคาคลุม และล้อมรอบทั้งหมด โดยแบ่งเป็นสองห้องสำหรับแปรรูปไม้ หนึ่งห้องสำหรับผึ่งสีให้แห้ง และอีกหนึ่งห้องสำหรับทำหินโม่
ลานกว้างตรงกลางไว้ใช้กองพวกหินได้และยังสามารถสร้างห้องเพิ่มอีกห้องไว้เป็นโรงอาหารของคนงาน
เท่านั้นยังไม่พอ แต่ละห้องยังถูกแบ่งเป็นหลายส่วน มีทั้งส่วนไสไม้ เลื่อยไม้ ประกอบชิ้นส่วน ลงสี และตรวจสอบคุณภาพ
แต่ละพื้นที่มีป้ายแขวนไว้ โดยระบุว่าเป็นแผนกการผลิตอะไร แบ่งเขตอย่างชัดเจน
ส่วนงานหินมีขั้นตอนง่ายกว่ามาก มีเพียงการเจียรแผ่นโม่กับการแกะลายจึงใช้แค่ห้องเดียวก็เพียงพอ
ช่างไม้หลิวดูแบบแปลนหลายรอบ อดอุทานออกมาไม่ได้ว่ายอดเยี่ยม
แต่เขายังมีจุดที่ไม่เข้าใจ ชี้ไปที่ป้ายเล็กๆ ที่เขียนว่าแผนกการผลิตแล้วถาม “เหตุใดต้องเรียกว่าแผนกการผลิตด้วย”
ฉินเหยาชะงัก “เอ่อ… งั้นท่านคิดว่าควรเรียกว่าอะไรดีหรือ ฝ่ายอะไรสักอย่างหรือ”
นางลอกระบบสายการผลิตจากยุคปัจจุบันมาโดยตรง ลืมคิดไปว่าต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัย คำว่าแผนกการผลิตดูไม่เหมาะกับยุคโบราณจริงๆ
ช่างไม้หลิวเองก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง “เรียกฝ่ายก็ฟังดูไม่ดี งั้นเรียกว่าแผนกการผลิตตามเดิมเถอะ”
“จริงสิ ก่อนหน้านี้สายการผลิตที่เจ้าพูดถึง ใช่เหมือนในแบบแผนนี้หรือไม่ แต่ละคนทำหน้าที่เฉพาะ ไม่ต้องเรียนรู้ไปเสียทุกอย่าง แค่เรียนรู้งานเฉพาะอย่างก็ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น”
ฉินเหยาพยักหน้า “ใช่ หมายความว่าอย่างนั้นแหละ”
ช่างไม้หลิวพึมพำคำว่าสายการผลิตสามคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าคำนี้เหมาะสมอย่างยิ่ง
เมื่อมีแบบแปลนแล้ว ช่างไม้หลิวก็รู้ว่าต้องเตรียมวัสดุอะไร จากนั้นจึงนำคนงานสองคนที่เคยจ้างก่อนหน้านี้ไปขนวัสดุไม้ที่เก็บไว้ในลานบ้านไปยังสถานที่ก่อสร้างโรงงานใหม่
ตั้งขาตั้งสามขา วางท่อนไม้ยาวลงไป หยิบเครื่องมือขึ้นมาแล้วเริ่มแปรรูปไม้ เพื่อเตรียมสร้างโรงงานต่อไป
ฉินเหยาหยิบป้ายประกาศรับสมัครงานที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ มุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำกลางหมู่บ้าน เลือกก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งแล้วปีนขึ้นไปยืน
วางป้ายไว้ด้านหน้าแล้วเปล่งเสียงก้อง “โรงโม่น้ำรับสมัครคนงานแล้ว!”
ชั่วพริบตา ชาวบ้านที่กำลังพลิกข้าวตากแดดอยู่ในลานกว้างต่างเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกัน
ชาวบ้านต่างคาดหวังเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนที่ฉินเหยาเช่าพื้นที่รกร้างไปแล้ว
ดังนั้น พอฉินเหยาประกาศจำนวนตำแหน่งและเงื่อนไขเสร็จ คนในลานกว้างก็ลดลงไปกว่าครึ่ง ต่างรีบวิ่งกลับบ้านหรือไปยังทุ่งนาเพื่อแจ้งข่าวให้คนในครอบครัว
สำหรับงานที่ใช้แรงมาก ฝ่ายโรงหินโม่ ฉินเหยาตั้งใจรับสมัครคนงานชายแปดคน
สี่คนทำหน้าที่ขุดและขนหิน อีกสี่คนรับผิดชอบการเจียรและสกัด
คนขุดหินค่าจ้างวันละสิบสองเหวิน รวมอาหารเช้าและกลางวัน
ช่างเจียรและช่างสกัดค่าจ้างวันละสิบเหวิน รวมอาหารเช้าและกลางวัน
ฝ่ายโรงทำกังหันน้ำต้องการช่างฝีมือสิบคน ไม่จำกัดเพศ ค่าจ้างวันละสิบสองเหวิน รวมอาหารเช้าและกลางวัน
รับสมัครพ่อครัวหรือแม่ครัวหนึ่งคน รับผิดชอบอาหารสองมื้อ ไม่จำกัดเพศ ค่าจ้างเดือนละสามร้อยเหวิน
ในอนาคตอาจมีการปรับจำนวนคนงานตามความเหมาะสม ขณะนี้กำหนดไว้ที่สิบแปดคน
ชาวบ้านสนใจแต่ค่าจ้างเป็นหลัก ส่วนเงื่อนไข ‘ไม่จำกัดเพศ’ กลับถูกมองข้ามไปโดยสิ้นเชิง
ดังนั้น ในบรรดาผู้สมัครจึงมีสตรีเพียงสองคน
หนึ่งคือนางเหอ อีกคนคืออวิ๋นเหนียงบ้านพ่อค้าหาบเร่หลิว
พอเห็นอวิ๋นเหนียง นางเหอก็คิดว่านางต้องมาสมัครเป็นแม่ครัวแน่ๆ
นางจึงหันไปเหน็บแนมอีกฝ่ายทันที “ร้านเล็กๆ ที่บ้านของเจ้าไม่ต้องดูแลแล้วหรือ ถึงมีเวลามาทำอาหารให้คนอื่น แค่รูปร่างเล็กๆ แบบเจ้า กระทะเหล็กใบใหญ่คงยกไม่ขึ้นกระมัง”
อวิ๋นเหนียงตอบอย่างจนใจ “พี่สะใภ้ วางใจเถอะ ข้าไม่ได้มาแย่งตำแหน่งแม่ครัว ข้ามาสมัครเป็นช่างไม้”
นางเหอตกใจมาก “เจ้าทำงานไม้เป็นด้วยหรือ”
อวิ๋นเหนียงพยักหน้ากล่าวอย่างมั่นใจ “พ่อข้าเป็นช่างไม้ ข้าเห็นมาตั้งแต่เด็ก ตอนอยู่บ้านแม่ข้า ข้าก็เคยช่วยพ่อทำโต๊ะเก้าอี้ทุกวัน”
แต่แม้ว่าภายนอกจะดูมั่นใจ ทว่าเมื่อบุรุษที่มาสมัครงานช่างไม้คนอื่นๆ หันมามอง นางก็เริ่มตื่นเต้นจนเผลอกำแขนเสื้อแน่น หายใจติดขัดและรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย
นางเพียงได้ยินว่าค่าจ้างวันละสิบสองเหวิน มีอาหารให้สองมื้อและไม่จำกัดเพศ คิดว่าตนเองเคยเรียนรู้จากบิดามาบ้างจึงตัดสินใจมาสมัครโดยไม่รู้ตัว
ปกติแล้ว สตรีไม่มีโอกาสรับจ้างทำงาน หากมีก็ต้องไปทำงานเป็นสาวใช้หรือบ่าวเฒ่าในตัวอำเภอที่ไกลโพ้น ไม่ต้องพูดถึงว่าครอบครัวสามีจะอนุญาตหรือไม่ นางเองยังไม่กล้าด้วยซ้ำ
แต่ครั้งนี้เป็นงานที่ทำอยู่ใกล้บ้านและยังเป็นตำแหน่งช่างไม้จริงจังด้วย นางจึงเกิดหุนหันนึกอยากลองขึ้นมา!
สาเหตุที่นางกล้าตัดสินใจเช่นนี้… ก็เพราะคนที่รับสมัครงานคือฉินเหยา
เมื่อมีฉินเหยาอยู่ นางก็ไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป
MANGA DISCUSSION