บทที่ 56 หลี่เฟยฮวาเจอโจวเฉิง
หวงหมิงลู่หรี่ตาลง แม้จะไม่ได้เรียนสูง แต่หลายปีมานี้เขาอ่านหนังสือมากมาย
แบบแปลนของหลี่เฟยฮวา เขาเองก็ดูไม่ค่อยออก ยิ่งเต็มไปด้วยภาษาอังกฤษเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่แบบแปลนหนาขนาดนี้ ด้วยความสามารถของหลี่เฟยฮวาคนเดิม ไม่น่าจะวาดออกมาได้
“ฉันจำได้ว่าตอนมัธยมปลายเธอไม่ได้สนใจเรียนเรื่องพวกนี้เลยนี่” หวงหมิงลู่พูดหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
หลี่เฟยฮวาชะงักไป
ใช่แล้ว! ถึงแม้เจ้าของร่างเดิมจะมีผลการเรียนดีในช่วงมัธยมปลาย แต่ก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมายขนาดนั้น แถมยังชอบเที่ยวเล่นอีกต่างหาก!
เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มแผ่นหลังของหลี่เฟยฮวา
ตอนที่มาอยู่ในร่างนี้ใหม่ ๆ เธอกลัวว่าจะถูกจับได้ จึงพยายามเลียนแบบท่าทางของเจ้าของร่างเดิม แต่นิสัยใจคอของเธอกับเจ้าของร่างเดิมนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว จะแกล้งทำได้สักกี่น้ำเชียว
แม้หวงหมิงลู่จะอยู่กับเจ้าของร่างเดิมเพียงสี่เดือน แต่ก็นานพอที่เขาจะรู้จักนิสัยใจคอของเธอเป็นอย่างดี
ตอนนี้เธอกลายเป็นนักแปล แถมยังซ่อมเครื่องจักรได้ วาดแบบแปลนก็เป็น เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ไม่แปลกที่เขาจะสงสัย
แต่ถ้าบอกว่าเธอมาจากอนาคตอีกหลายสิบปีข้างหน้า เขาจะเชื่ออย่างนั้นเหรอ?
หลี่เฟยฮวาสัมผัสได้ถึงสายตาสงสัยของอีกฝ่ายจึงได้แต่โกหกว่า “ถ้าฉันบอกว่าฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณจะเชื่อไหม?”
พอพูดออกไปแล้วก็รู้สึกว่าคำโกหกของตัวเองช่างน่าเหลือเชื่อ
“หลังจากที่ฉินลี่ลี่ผลักฉันตกบันได จริง ๆ แล้วฉันจำอะไรไม่ได้หลายอย่าง ไม่ใช่จำไม่ได้ทั้งหมด แค่บางอย่างมันเลือนราง…” เธอได้แต่ฝืนพูดต่อ
อย่างเช่น เธอจำได้ว่าเจ้าของร่างเดิมทำตัวเกเรไปทั่วทั้งหมู่บ้าน แต่กลับจำไม่ได้ว่าฉินลี่ลี่ผลักตัวเองตกบันได และก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้าของร่างเดิมกับสวี่เฟิงหลิน
ยิ่งอธิบาย หลี่เฟยฮวาก็ยิ่งรู้สึกสับสน สีหน้าซีดเผือดลงเรื่อย ๆ
“รอให้การฝึกใหญ่จบ ฉันจะพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง” หวงหมิงลู่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหันเหมือนนึกอะไรออก
เขาจ้องมองไปที่หัวของหลี่เฟยฮวา ตอนนั้นเพราะหัวแตกต้องเย็บแผล จึงต้องโกนผมออกเล็กน้อย ตอนนี้หญิงสาวปล่อยผมลงมาปิดบังไว้ เขาจึงไม่รู้ว่าแผลหายสนิทแล้วหรือยัง
ที่จริงก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกแปลกใจ ทำไมความจำของหลี่เฟยฮวาถึงได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง คิดว่าปัญหาอาจจะอยู่ตรงนี้
เห็นสีหน้าซีดเซียวของอีกฝ่าย เขาจึงปลอบ “ไม่ต้องกลัว ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรจริง ๆ ฉันจะขายทุกอย่างที่มีเพื่อรักษาเธอ”
หลี่เฟยฮวาที่กำลังสับสนอยู่เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่เธอหูฝาดไปหรือเปล่า?
เธออยากจะถามหวงหมิงลู่จริง ๆ ว่าเขาไม่สงสัยบ้างเหรอ ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?
ในเมื่อเธอกับเจ้าของร่างเดิมแทบจะเป็นคนละคนกันเลย
ราวกับได้ยินเสียงในใจ หวงหมิงลู่มองเธอแล้วพูดต่อ “เธอไม่ได้ฉลาดขึ้นมาหรอก ก่อนเข้ามัธยมปลาย เธอเรียนเก่งมาก พ่อของเธอมักจะชมเธอต่อหน้าฉันบ่อย ๆ ”
หลี่เฟยฮวาขมวดคิ้ว
เจ้าของร่างเดิมเรียนเก่งมากตอนมัธยมต้น? งั้นทำไมพอถึงมัธยมปลายถึงได้แย่ลง?
ระหว่างนั้น… เกิดอะไรขึ้น?
“จริงเหรอ… งั้นคงจะเป็นอย่างที่คุณพูดนั่นแหละ”
หลี่เฟยฮวาได้แต่เก็บความสงสัยเหล่านั้นไว้ในใจ บางทีถ้าเธอได้เจอกับคนรู้จักสมัยมัธยมปลายมากขึ้น เธออาจจะรู้ความจริงเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมในตอนนั้นก็เป็นได้
……
เช้าวันใหม่มาถึงพร้อมกับแสงแดดอ่อน ๆ ชวนให้สมองปลอดโปร่ง แต่ไม่ใช่กับหลี่เฟยฮวาที่ยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องราวเมื่อวานจนปวดหัวตุบ ๆ
วันนี้เธอต้องไปโรงสีข้าวอู่ซินตามที่นัดหมาย จึงตื่นแต่เช้าตรู่
ข้าวที่หุงสุกใหม่ ๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่ม ซุปไข่ร้อน ๆ ถูกวางบนโต๊ะเป็นมื้อเช้าให้หลี่เฟยฮวา
หลี่เฟยฮวาแอบอมยิ้ม ก้อนหินหนักอึ้งในใจเบาหวิวลง เธอยังคงไม่กล้าเล่าเรื่องการข้ามเวลามาให้หวงหมิงลู่ฟัง ไม่รู้ว่าเขาจะรับได้หรือเปล่า ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน ถ้าถึงเวลาจริง ๆ ค่อยเล่าให้ฟังก็ยังไม่สาย
อย่างมากสุดก็คงโดนหาว่าเพี้ยน!
หลี่เฟยฮวาคิดในใจพลางตักข้าวเข้าปากคำโต
หวงหมิงลู่แอบมองเธอเป็นระยะ ๆ เห็นว่าเธอไม่คิดมากเรื่องเมื่อวาน เขาก็เบาใจ
หลังมื้อเช้าแสนอร่อย เขาก็ไปส่งเธอขึ้นรถโดยสาร ส่วนตัวเองก็ตรงดิ่งไปฝึกซ้อมที่สนาม
วันนี้คนบนรถเยอะเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะใกล้จะถึงวันหยุดปีใหม่ หลี่เฟยฮวาลงจากรถด้วยอาการมึน ๆ จึงยืนพักหายใจสักครู่ ก่อนจะเดินตรงไปยังโรงสีข้าว
ยามรักษาความปลอดภัยจำเธอได้เป็นอย่างดี จึงโบกมือให้เธอเข้าไปโดยไม่ต้องแลกบัตร
หลี่เฟยฮวาเดินตรงไปยังสำนักงานที่นัดหมายไว้ และทันทีที่ไปถึง อู่ไฉวั่งก็เดินออกมารับพอดี
“หลี่เฟยฮวา เธอมาถึงสักที ฉันเกือบจะโทรไปตามพอดี” อู่ไฉวั่งต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้ม
“ขอโทษนะคะ วันนี้คนบนรถเยอะมาก ฉันเลยเมารถนิดหน่อย” หลี่เฟยฮวากล่าวขอโทษ
“ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง ถ้ารู้สึกไม่สบาย กลับบ้านไปพักก่อนก็ได้นะ ฉันจะไปส่งแล้วค่อยมาวันอื่น” อู่ไฉวั่งถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังมีธุระช่วงบ่าย ไม่อยากรบกวนเถ้าแก่หรอก” หญิงสาวรีบปฏิเสธ
อู่ไฉวั่งเห็นท่าทางหนักแน่นแบบนั้นจึงไม่ได้คะยั้นคะยอเธอต่อ
เขาพาหลี่เฟยฮวามาถึงหน้าห้องทำงาน แต่ยังไม่ทันจะเข้าไป ทั้งสองก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นยามติดอาวุธยืนเฝ้าอยู่ถึงห้าคน
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง บรรยากาศเคร่งขรึมก็โถมเข้ามาทันที หลี่เฟยฮวาเห็นชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนโซฟา สัญชาตญาณของเธอบอกว่านี่คือ โจวเฉิง
โจวเฉิงในชาตินี้ดูหนุ่มกว่าที่เธอคิดไว้มาก แม้จะมีริ้วรอยตามกาลเวลาปรากฏอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงดูดีในชุดจงซานสีดำ
เธอกำลังจ้องมองเขา ในขณะที่เขาก็พิจารณาเธอเช่นกัน
เขาลุกขึ้นยืน แล้วแนะนำตัวกับเธอ แม้ใบหน้าของเขาจะเรียบเฉย แต่ในใจกลับประทับใจหญิงสาวตรงหน้าไม่น้อย
อู่ไฉวั่งคงไม่ได้บอกเธอว่าเขาดึงตัวใครมาพบ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังดูสงบนิ่ง ไม่มีท่าทางหวาดกลัวแม้แต่น้อย
ถ้าหลี่เฟยฮวารู้ว่าโจวเฉิงคิดอะไร คงได้แต่ขำแห้ง ๆ ในใจ
แม้เธอจะตายตั้งแต่อายุยังน้อยในชาติก่อน แต่เธอก็ผ่านอะไรมามาก ทั้งทำงานวิจัยกับอาจารย์ นำเสนองานวิจัย ได้เจอผู้ใหญ่ในแวดวงต่าง ๆ มากมาย
พอเจอคนระดับโจวเฉิงบ่อย ๆ ก็เลยเฉย ๆ ไปแล้ว
หลี่เฟยฮวาไม่รีรอ เธอหยิบแบบแปลนที่เตรียมมาด้วยออกมาวางบนโต๊ะทันที
เมื่อเห็นแบบแปลนหนาเตอะ ดวงตาของโจวเฉิงก็เบิกกว้าง เขาหยิบมันขึ้นมาดูอย่างพิจารณา
แบบแปลนของหลี่เฟยฮวาวาดอย่างละเอียด
โจวเฉิงใช้เวลาพลิกดูอยู่ครึ่งชั่วโมงโดยไม่พูดอะไรออกมา ยิ่งดูนานเท่าไหร่ ความตกตะลึงในแววตาก็ยิ่งชัดเจน
“สหายหลี่เฟยฮวา นี่คุณ… นี่คุณวาดมันขึ้นมาเองทั้งหมดเลยเหรอครับ?” เขาถามเสียงสั่นเล็กน้อย
ไม่แปลกที่เขาจะตื่นเต้น เพราะแบบแปลนที่เห็นมันสมบูรณ์แบบมาก เขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะแค่ร่างแบบคร่าว ๆ มาให้ดูเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าเธอจะลงรายละเอียดขนาดนี้
แม้แต่กลไกต่าง ๆ เธอก็วาดออกมาอย่างชัดเจน พร้อมทั้งเขียนคำอธิบายกำกับไว้ทุกจุด
ท้ายแบบแปลน เธอยังเขียนรายงานสรุปสั้น ๆ ไว้ด้วย โดยมีอยู่หนึ่งย่อที่ทำให้โจวเฉิงสะดุดตา
ระบบกำจัดฝุ่นของโรงงานในประเทศยังไม่ค่อยดีนัก แต่หลี่เฟยฮวากลับระบุว่า อุปกรณ์ที่เธอออกแบบสามารถกำจัดฝุ่นได้ถึงสองครั้ง ช่วยลดอันตรายต่อสุขภาพของคนงานได้เป็นอย่างมาก
“ข้อมูลทั้งหมดนี้ฉันรวบรวมมาด้วยตัวเอง แต่ยังไม่เคยทดลองทำจริงค่ะ” เธอพูดอย่างซื่อสัตย์
ถึงแม้เธอจะมั่นใจในฝีมือตัวเอง แต่ในฐานะนักวิจัย เธอจะไม่มีทางพูดอะไรโดยปราศจากการทดลอง
MANGA DISCUSSION