บทที่ 121 บทลงโทษ
หลี่เฟยฮวาอาจจะไม่สนใจ แต่คนที่ห่วงใยเธอจำเป็นต้องใส่ใจ
เหวินเทียนคิดพลางมองนักศึกษาหญิงที่หดตัวอยู่ “เธอเรียนคณะไหน?”
นักศึกษาหญิงพูดอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ เหวินเทียนขมวดคิ้ว “ถ้าไม่พูด ฉันจะพาเธอไปดูทีละคณะจนกว่าจะเจอ!”
สาวน้อยสะดุ้งที่ไหล่ สีหน้าซีดเผือดลงไปอีก
“ฉัน…ฉันเป็นนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ค่ะ” เธอตอบ
“คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์?”เหวินเทียนครุ่นคิดสักพัก ก่อนสีหน้าบึ้งตึงลงไปอีก
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์อยู่ไกลจากคณะวิทยาศาสตร์ขนาดนี้ เธอเพิ่งเลิกเรียนก็วิ่งมาที่นี่เลยเหรอ?”
แต่หญิงสาวผู้นั้นกลับไม่ตอบคำถาม
เหวินเทียนอัดอั้นตันใจ ไม่มีสีหน้าที่ดีต่อสาวที่ใจร้อนเช่นนี้ “เธอรู้ไหมว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่! เธอมีเรื่องแค้นเคืองอะไรกับหลี่เฟยฮวาถึงได้สาดน้ำใส่เธอ?”
หญิงสาววรู้สึกน้อยใจ พยายามแก้ตัวว่า “แต่เธอก็สาดน้ำใส่ฉันเหมือนกัน ฉันก็แค่อยากสั่งสอนเธอเท่านั้น ในฐานะผู้หญิงยุคใหม่แท้ ๆ กลับไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว ทำให้พวกเราผู้หญิงต้องอับอายขายหน้า!”
จนถึงตอนนี้ หญิงสาวคนนั้นก็ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำผิด
เหวินเทียนสูดหายใจลึก พยายามข่มความโกรธในใจเหลือบมองลู่อันหยางที่ยืนดูสถานการณ์อยู่นอกประตู
“ลู่อันหยาง นายไปคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ตามอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอคนนี้มาที”
ลู่อันหยางรีบพยักหน้ารับคำสั่งทันที
ผู้หญิงคนนั้นตกใจ ไม่คิดว่าเหวินเทียนจะยังอยากตามหาอาจารย์ เธอไม่มีแรงจะสนใจหลี่เฟยฮวาอีกแล้ว รีบพูดว่า “อาจารย์คะ หนูผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ อย่าเรียกอาจารย์ของฉันมาเลยนะคะ”
ถ้าอาจารย์รู้เรื่องนี้เข้า เธอจะมีหน้าไปเรียนหนังสือต่อไปได้อย่างไร
เหวินเทียนยังคงทำหน้าเย็นชา “ดีที่รู้ตัว แต่ตอนนี้ขอโทษก็ไม่มีประโยชน์แล้ว คำพูดที่เธอพูดไปเมื่อกี้ เดี๋ยวไปพูดกับอาจารย์ของเธออีกทีล่ะกัน”
ไม่นาน ลู่อันหยางก็พาอาจารย์ของผู้หญิงคนนั้นมาถึง และเพราะรีบวิ่งมา ทั้งลู่อันหยางและอาจารย์ผู้โชคร้ายคนนั้นต่างหอบหายใจ
อาจารย์ของหญิงสาวคนนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้แค่ว่าตอนที่กำลังจะไปกินข้าว จู่ ๆ ก็มีนักศึกษาชายคนหนึ่งปรากฏตัวที่ห้องพักอาจารย์ ถามชื่อแล้วก็ลากตัวเขาออกมาเลย
ในระหว่างทาง เขาได้ยินว่านักศึกษาของตนเองก่อเรื่อง แต่ไม่รู้รายละเอียด พอเข้ามาก็พอดีได้ยินบทสนทนาระหว่างนักศึกษาของตนกับอาจารย์เหวินเทียน ก็ยิ่งทำให้งุนงงเข้าไปใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยอาการเหนื่อยหอบ “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
นักศึกษาหญิงตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ไม่ว่าอาจารย์จะถามอย่างไรก็ไม่ยอมปริปาก
อาจารย์ก็รู้สึกร้อนใจ แต่ลู่อันหยางกลับพูดอย่างไม่พอใจว่า “เมื่อกี้เธอสาดน้ำใส่หลี่เฟยฮวาจนเปียกไปทั้งตัว! แถมยังด่าหลี่เฟยฮวาอีก นักศึกษาหญิงคนนั้นประพฤติไม่เหมาะสมเลยครับ อาจารย์ครับ อาจารย์ว่าควรจัดการอย่างไรดีครับ?”
ลู่อันหยางเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา โดยไม่คิดจะปิดบังอะไรเลย
เมื่ออาจารย์ได้ฟังก็ขมวดคิ้วแน่น แล้วดุนักศึกษาของตัวเองอย่างหนัก
นักศึกษาหญิงถูกดุจนน้ำตาคลอ แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าตัวเองผิดตรงไหน
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวคนนั้นก็ยังคงพูดว่า
“แต่ว่าหลี่เฟยฮวา ไม่รักนวลสงวนตัวก่อน…”
“ไม่รักนวลสงวนตัว? เธอเห็นกับตาตัวเองหรือ? ไม่เห็นไม่มีหลักฐานแต่กล่าวหา นั่นเรียกว่าใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์นะ!” อาจารย์โกรธจัดจนตวาดออกมา
นักศึกษาหญิงหดคอลง ท่าทางอ่อนลงไปบ้าง “แต่มันเขียนไว้ในโปสเตอร์ที่ติดอยู่กระดานข่าวค่ะ!”
“แค่เขียนไว้ก็เป็นความจริงเหรอ?”
อาจารย์ผู้มาใหม่ไม่ใช่คนโง่ ชื่อเสียงของหลี่เฟยฮวาแม้แต่อาจารย์คณะคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ก็ยังเคยได้ยิน เขาไม่รู้ว่าเป็นคนอย่างไร แต่เรื่องนี้มหาวิทยาลัยจะต้องให้คำอธิบายกับหลี่เฟยฮวาแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น โปสเตอร์ใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่รู้ว่าใครตั้งใจทำแบบนี้
“รีบขอโทษ หลี่เฟยฮวาเร็ว”
หลี่เฟยฮวาจึงพูดว่า “อาจารย์คะ ไม่มีจำเป็นต้องให้เธอขอโทษค่ะ”
จากนั้นเหวินเทียนก็พูดเสริมว่า “ขอโทษแล้วจะมีประโยชน์อะไร คุณดูเธอเหมือนคนที่สำนึกผิดหรือไง”
อาจารย์ของนักศึกษาหญิงจึงพูดว่า “งั้นพวกเรารายงานไปที่มหาวิทยาลัยดีไหมครับ?””
เหวินเทียนพูดว่า “เรื่องนี้ต้องให้มหาวิทยาลัยรู้แน่นอน เมื่อกี้นักศึกษาคนนี้พูดไม่ทันไรก็สาดน้ำ วันนี้สาดน้ำ แล้วพรุ่งนี้ล่ะ น้ำร้อนหรือน้ำกรดดี แต่ หลี่เฟยฮวาก็สาดกลับไปเหมือนกันและยังเป็นนักศึกษาใหม่ทั้งคู่ ผมขอตัดสินว่าหลี่เฟยฮวาเขียนบทวิจารณ์ตนเอง 500 ตัวอักษร ส่วนนักศึกษาคนนี้… ก็เขียน 7,000 ตัวอักษรแล้วกัน”
อาจารย์ที่ปรึกษา “…”
นักศึกษาหญิง “…”
อาจารย์ทำอะไรไม่ได้ เรื่องนี้นักศึกษาของตัวเองทำไม่ถูกอยู่แล้ว เขาก็โกรธมากเหมือนกัน จึงพูดว่า “7,000 ตัวอักษรไม่พอครับ เขียนบทวิจารณ์ตนเอง 10,000 ตัวอักษร เพราะการกระทำของเธอนั้นช่างไม่เหมาะสมเอาเสียเลย”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันไปทางนักศึกษาหญิงที่หน้าซีดเผือด แล้วกล่าวว่า “ฉันจำได้ว่าเธอเป็นคนในท้องถิ่นของมหาวิทยาลัยปักกิ่งใช่ไหม พรุ่งนี้ให้พ่อแม่ของเธอมาที่นี่หน่อย ฉันต้องคุยกับพวกเขา”
นักศึกษาหญิงคนนั้นร่างกายสั่นเทาเหมือนจะล้มลงในทันที แต่ไม่ทันได้พูดอะไรมากก็ถูกอาจารย์ลากตัวออกไปแล้ว
หลังจากห้องทำงานเงียบลงเหวินเทียนจึงค่อย ๆ ลุกขึ้น
แม้เขาจะอายุจะเข้าหลักห้าแล้ว แต่ยังดูกระฉับกระเฉงและมีแววตาเฉียบคม เขากล่าวว่า “หลี่เฟยฮวา เรื่องนี้เธอคงจะเจ็บปวดมากสินะ”
เหวินเทียนพอจะเข้าใจว่า หลี่เฟยฮวาเป็นคนแบบไหน
แม้เขาจะไม่ได้อ่านเนื้อหาในโปสเตอร์นั่น แต่เขารู้ดีว่าความสัมพันธ์เธอกับสามีเป็นยังไง เธอโทรหาหวงหมิงลู่ทุกวัน ส่วนหวงหมิงลู่ก็กลัวว่าภรรยาตนจะกินไม่ดี ถึงขนาดทำอาหารใส่โหลใหญ่มาให้
สิ่งเหล่านี้คนนอกอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดี
“เรื่องไร้สาระพวกนั้นไม่ต้องสนใจหรอก ทางมหาวิทยาลัยคงจะสืบหาความจริงได้เร็ว ๆ นี้แหละ” เหวินเทียนปลอบใจหลี่เฟยฮวา
เขากลัวว่าเธอจะคิดมาก จึงพูดอีกหลายเรื่อง สุดท้ายก็กลายเป็นว่าเขา หลี่เฟยฮวาและลู่อันตงหยางไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน
หลี่เฟยฮวาสั่งผัดหมี่ซั่วอีกตามเคย
ลู่อันตงหยางมองดูแวบหนึ่ง แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “หลี่เฟยฮวา คุณยังไม่เบื่อจริง ๆ เหรอ?”
หลี่เฟยฮวาชื่นชอบผัดหมี่ซั่วเป็นพิเศษ นอกจากเส้นหมี่ มีเนื้อสับนิดหน่อยและผักใบเขียวแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นเลย แต่รสชาติก็อร่อยจริง ๆ
ลู่อันหยางกินไปสองครั้งก็เปลี่ยนไปลองรสชาติอื่นแล้ว มีแต่หลี่เฟยฮวา เท่านั้นที่กินติดต่อกันมาหลายวันแล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เฟยฮวาก็มองดูเส้นหมี่ในชามของตัวเอง แล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง “อืม”
คงจะไม่มีวันเบื่อไปชั่วชีวิตเลย
เหวินเทียนมีสอนตอนบ่าย พอกินข้าวเสร็จก็กลับไปที่สำนักงาน ส่วนหลี่เฟยฮวากลับไปนอนที่หอพักครึ่งชั่วโมง ตอนบ่ายก็ไปเรียนต่อ
อาจเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเที่ยงวันนี้ทำให้เพื่อนนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยรู้ หลี่เฟยฮวารู้สึกว่าสายตาที่จ้องมองตัวเองอย่างสงสัยบนถนนเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า แต่เธอไม่สนใจ ต่อจากนี้จะทำอะไรก็ทำไป
ดูเหมือนว่าเรื่องในโปสเตอร์จะไม่มีผลกระทบต่อเธอเลย
ในช่วงนี้ชิงเหลียนและเสี่ยวหลิวก็ไม่ได้พูดอะไรกับหลี่เฟยฮวาเลยสักคำ เพียงแต่มองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทนไม่ไหวหรืออย่างไร ตอนกลางคืนเสี่ยวหลิวมองเห็นสีหน้าไม่แยแสของหลี่เฟยฮวาแล้วรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
โดยทั่วไปแล้วชิงเหลียนจะเป็นคนพูดมากกว่า ส่วนเสี่ยวหลิวทุกครั้งที่พูดจะเหมือนดอกบัวขาวบริสุทธิ์ เพราะปกติจะไม่พูดก่อน แต่เน้นเป็นคำพูดที่เติมฟืนเข้ากองไฟ
MANGA DISCUSSION