บทที่ 112 วันแรกของการเข้าเรียน
หลี่เฟยฮวามองหน้าหลวนเฉินนิ่ง ไม่ได้เอ่ยตอบอะไรออกมา
หลวนเฉินเห็นอีกฝ่ายเงียบไป ก็ใจเสียขึ้นมาทันที คิดว่าตัวเองคงจะล้ำเส้นไปแล้ว จึงรีบพูดแก้ตัวแทบไม่ทัน “คือ…ผมไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นนะครับ แค่เห็นว่าคุณคะแนนสูงมากก็เลยอยากรู้เฉย ๆ ว่าปกติคุณเรียนยังไง?”
หลวนเฉินได้แต่คิดในใจ ถึงแม้เขาจะเรียนเก่งมาก เป็นอันดับต้น ๆ ของเมืองไห่เตี้ยนแต่พอเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งแล้วกลับดูไม่โดดเด่นอะไรเลย
“วิธีเรียนอะไรกัน ไม่มีหรอกน่า” หลี่เฟยฮวาตอบอย่างไม่ยี่หระ
หลวนเฉินแอบหน้ามุ่ยในใจ นึกว่าหลี่เฟยฮวาไม่อยากบอกเคล็ดลับเด็ดๆ ให้
หลวนเฉินเห็นท่าทางนั้นก็รู้ทันที รีบบอกอย่างคนยอมแพ้ “โธ่ ก็ฉันไม่มีจริง ๆ นี่นา แต่ถ้าอยากรู้จริง ๆ ก็.. เอ่อ.. ก็แค่ตั้งใจทำข้อสอบเก่าเยอะๆ ก็พอ”
ก็ข้อสอบมันง่ายจะตายไป ทำโจทย์บ่อย ๆ เดี๋ยวก็ทำได้เองแหละหลี่เฟยฮวาคิดในใจ
หลี่เฟยฮวาตอบคำถามอย่างจริงใจ ไม่ได้แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง หลวนเฉินจ้องมองเธออยู่สามวินาทีก่อนจะยอมรับว่าที่จริงแล้วตัวเองไม่ได้ทบทวนบทเรียนอย่างจริงจัง อ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ได้ช่วยอะไร วิธีของหลี่เฟยฮวานี่แหละที่ดีสุด ๆ
หลวนเฉินพยักหน้า “เข้าใจแล้ว” พูดจบเขาก็เดินกลับไปนั่งที่ตัวเอง
สายตานักศึกษาคนอื่นยังคงจับจ้องมาที่หลี่เฟยฮวา เธอช่างดูโดดเด่น แม้เสื้อยืดสีขาวธรรมดา ๆ ที่สวมอยู่ก็ดูเหมือนเปล่งประกายราวกับมีออร่าบางอย่างแผ่ออกมา
นใดนั้น ลู่อันหยางก็วิ่งมาถึงห้องเรียนด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ เขาชะเง้อมองไปรอบ ๆ เพื่อหาหลี่เฟยฮวา และไม่นานก็พบเธอนั่งอยู่ที่มุมห้อง แถวหลังสุด
“หลี่เฟยฮวา!” ลู่อันหยางร้องเรียกเธอด้วยน้ำเสียงดีใจ ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน จากนั้นก็รีบตรงไปนั่งข้าง ๆ เธอทันที
“ทำไมวันนี้คุณมาเร็วจัง?” เขาถามขึ้นทันทีที่นั่งลงข้างเพื่อนสาว
หลี่เฟยฮวาเหลือบมองลู่อันหยางที่ดูเหมือนจะรีบร้อนจนลืมแม้กระทั่งนำหนังสือและอุปกรณ์มา “คุณต่างหากที่มาช้า” เธอตอบกลับอย่างเรียบ ๆ
จังหวะนั้นเอง อาจารย์ก็เข้ามาในห้องพอดี ที่นั่งทุกตัวถูกจับจองเต็มหมดแล้ว ลู่อันหยางแอบหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าแท้จริงแล้ว พวกเขาคือกลุ่มสุดท้ายที่เข้าห้องมา
อาจารย์บนโพเดียมดูหนุ่มมาก ใบหน้าสะอาดสะอ้าน แววตาอ่อนโยน เขาคือม่อชงอวี้ อาจารย์ประจำชั้นปีนี้เอง
ลู่อันหยางเบิกตากว้าง หลี่เฟยฮวาสังเกตเห็นจึงถามว่า “คุณรู้จักอาจารย์ม่อชงอวี้เหรอ?”
ลู่อันหยางพยักหน้า “รู้จักสิ รู้จักดีเลยล่ะ พ่อเขากับพ่อผมเป็นเพื่อนสนิทกัน ตอนเด็ก ๆ พ่อเล่าว่าอาจารย์ม่อชงอวี้ ขี้โรค ตัวซีดเป็นไก่ต้ม แต่ไม่คิดว่าโตมาจะได้เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้าเข้าใจ ที่แท้ก็รู้จักกันมาก่อนนี่เอง
ลู่อันหยางรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อยเพราะตอนเด็ก ๆ เขาสนิทกับม่อชงอวี้ มาก นึกไม่ถึงว่าสิบปีผ่านไป ลูกชายเพื่อนพ่อที่เคยเล่นในวัยเด็กจะกลายมาเป็นอาจารย์ของเขา
ม่อชงอวี้แนะนำตัวเองเสร็จ ก็เริ่มให้นักศึกษาแนะนำตัว เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของที่นี่ แน่นอนว่าไม่ใช่การแนะนำตัวครั้งเดียวจบ
แต่นี่เป็นครั้งแรกของนักศึกษาส่วนใหญ่ พวกเขาจึงดูตื่นเต้น พูดติด ๆ ขัด ๆ บ้างม่อชงอวยี้ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังคอยให้กำลังใจอยู่เรื่อย ๆ
หลี่เฟยฮวากับลู่อันหยางนั่งอยู่แถวหลังสุด รออยู่เกือบสี่สิบกว่านาทีจะถึงคิว
ลู่อันหยางแนะนำตัวอย่างเป็นธรรมชาติ แทรกมุกตลกสำเนียงบ้านเกิดเป็นระยะ ทำเอาคนทั้งห้องฮากันใหญ่
หลี่เฟยฮวาคิดในใจ นี่สินะที่เขาเรียกว่า ‘สัตว์สังคม’
ถ้าชาติที่แล้วอาจารย์ของเธอไม่ประสบอุบัติเหตุ พ่อแม่ไม่ตาย เขาคงยืนพูดอยู่บนนั้นอย่างมั่นใจ ไม่ก็คงกำลังต่อปากต่อคำกับนักธุรกิจอยู่ก็ได้
ตอนนี้โชคชะตาของอาจารย์เปลี่ยนไปแล้ว เธอภาวนาให้อาจารย์มีความสุขกับงานวิจัย แต่ถ้าวันหนึ่งเขาอยากจะเปลี่ยนเส้นทาง เธอก็เคารพการตัดสินใจของเขา
ในที่สุดก็ถึงคิวของหลี่เฟยฮวาเธอลุกขึ้นยืน เดินไปที่โพเดียมอย่างสงบ แนะนำตัวอย่างสั้น ๆ
แม้จะเป็นการแนะนำตัวที่เรียบง่าย แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่สะดุดตาหลี่เฟยฮวา จึงดึงดูดความสนใจจากคนทั้งห้อง มีคนตะโกนแซวให้เธอแสดงความสามารถพิเศษ
หลี่เฟยฮวาทำหน้าลำบากใจ ให้เเธออยู่ห้องแล็บทั้งคืนยังง่ายกว่าอีก ไม่ใช่ว่าเธอทำไม่ได้ แต่สถานการณ์แบบนี้มันน่าอายเกินไป
โชคดีที่ม่อชงอวี้ไม่ได้บังคับและปล่อยให้เธอกลับไปนั่งที่
หลังจากนั้น อาจารย์ก็เขียนตารางเรียนลงบนกระดาน นักศึกษาที่เตรียมตัวมาแล้วก็หยิบสมุดขึ้นมาจด ส่วนลู่อันหยางลืมเอาสมุดมา โชคดีที่หลี่เฟยฮวาพกมาเผื่อ เขาจึงได้ลอกตารางเรียน
ม่อชงอวี้พูดเรื่องต่าง ๆ จนใกล้เที่ยง หลี่เฟยฮวาคิดว่ากลับไปกินข้าวที่โรงอาหารเลยดีกว่า จึงชวนลู่อันหยางไปด้วยกัน
แต่ยังไม่ทันก้าวออกจากห้องก็เจอเสี่ยวหลิวกับชิงเหลียนเสียก่อน
หลี่เฟยฮวาแอบหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าจะต้องมาอยู่ห้องเดียวกับสองคนนี้
“หลี่เฟยฮวาแต่งงานแล้วชีวิตดี๊ดีสินะ” ชิงเหลียนพูดพลางมองลู่อันหยา
ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่รู้ว่ากำลังประเมินอะไรอยู่
หลี่เฟยฮวารู้ทันความคิดของชิงเหลียนแต่ไม่อยากมีเรื่อง ยิ่งคนรอบข้างมองมาที่พวกเขายิ่งทำให้ไม่อยากเป็นจุดสนใจ
“ลู่อันหยางเป็นเพื่อนฉัน” เธอพูด
ชิงเหลียน หัวเราะเยาะในลำคอ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างไม่ใยดี
ลู่อันหยางถึงกับพูดไม่ออก มองตามแผ่นหลังของทั้งสองไป
“ผู้หญิงคนนั่นเป็นใครเหรอ?”
“เพื่อนร่วมห้อง มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย” หลี่เฟยฮวาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฟัง
ลู่อันหยางฟังแล้วได้แต่ส่ายหน้า “หา?เรื่องแค่นี้เองเหรอ?”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้าอย่างเหนื่อยใจ
ลู่อันหยางมองตามแผ่นหลังของสองสาวอีกครั้ง “เพี้ยนชะมัด”
วันนี้หลี่เฟยฮวา สั่งผัดผักหนึ่งอย่าง เธอไม่ได้ลำบากเรื่องเงินจึงไม่เคยยอมอดอยาก
หลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็แยกย้ายกันกลับห้อง เพราะวันนี้ไม่มีเรียนแล้ว เธอจึงตั้งใจจะกลับไปอ่านหนังสือที่ห้อง
พอถึงห้องพัก เพื่อนร่วมห้องคนอื่นก็กลับมาแล้ว และเจอ ลู่ซือเจี้ยโยนตัวเองลงบนเตียง “โอ้ย ทำไมวิชาเราถึงอยู่เช้าหมดเลยเนี่ย” เธอคร่ำครางพลางมองตารางเรียนในมือ
ตู้จื่อเถิงรีบปลอบ “ไม่เป็นไรหรอก ปีหนึ่งก็แบบนี้แหละปีสูง ๆ ไปก็เรียนน้อยลงแล้ว”
เยว่ซูเม่ยพยักหน้าเห็นด้วย
แต่ลู่ซือเจี้ยก็ยังดูหดหู่ “หลี่เฟยฮวา แล้วเธอเรียนอะไรบ้าง?”
หลี่เฟยฮวาเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ “ก็ทั่ว ๆ ไปแหละ”
ลู่ซือเจี้ยลุกขึ้นจากเตียงเดินมาดูตารางเรียนของเธอ ที่ติดอยู่บนโต๊ะ ตารางเรียนของเธอแน่นเอี๊ยดจนแทบไม่มีช่องว่าง
“…” ลู่ซือเจี้ยนิ่งเงียบไป แบบนี้เรียกว่าทั่วไปเหรอ?
เอาเถอะ… อย่างน้อยวันพุธบ่ายก็ว่างสองคาบติด
ลู่ซือเจี้ยถอนหายใจจู่ ๆ คลาสแปดโมงเช้าของตัวเองก็ดูไม่เลวร้ายอีกต่อไป
หลี่เฟยฮวาเห็นท่าทางของ ลู่ซือเจี้ยก็อดขำไม่ได้ “ไม่หนักหรอก ฉันชอบอ่านหนังสือ เรื่องเรียนน่ะสบายมาก”
อะไรที่ใช้สมองน่ะ ง่ายจะตาย!
ทันใดนั้น ชิงเหลียนกับเสี่ยวหลิวก็เดินเข้ามาในห้อง ทั้งสองมองหลี่เฟยฮวาแวบหนึ่งก่อนจะแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง
บรรยากาศในห้องเงียบลงทันที
หลี่เฟยฮวาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เธอกลับไปจดจ่อกับการอ่านหนังสือจนถึงเวลาที่ต้องโทรหาหวงหมิงลู่ เมื่อถึงเวลา เธอเก็บหนังสือแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ตู้โทรศัพท์เพื่อโทรหาอีกฝ่าย
หวงหมิงลู่เพิ่งซ้อมเสร็จ เขารู้ดีว่าในวันนี้หลี่เฟยฮวาต้องโทรมาแน่ ๆ จึงรีบมาที่สำนักงานทันที
ไม่นานนัก เขาก็รีบคว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมา และได้ยินเสียงหวาน ๆ ของหลี่เฟยฮวาดังขึ้นที่ปลายสาย แม้ว่าสำนักงานจะไม่เงียบสนิท แต่เสียงหายใจแผ่วเบาของภรรยาเขาก็ได้ยินชัดเจน
หวงหมิงลู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “อยู่ที่หอเป็นไงบ้าง?”
MANGA DISCUSSION