บทที่ 71 เอาปัญญาและความกล้าหาญเข้าสู้
ทว่าพวกเขาสนใจศักดิ์ศรีเธอเสียที่ไหน กลับบีบให้เธอเดินออกไป
แม่ลูกใจเชื่อมถึงกัน แม้อันอันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าเมื่อเห็นแม่ถูกพาตัวไป ร่างกายก็พลอยเอียงไปทางลี่หรง แล้วร้องไห้เสียงดัง “อุแว้! แมะ… แง!”
“ไม่เป็นไร ลูกรักไม่ต้องร้อง แม่จะกลับมาหานะ” ลี่หรงมองแม่จ้าวที่ทำสีหน้าร้อนรน “แม่คะ ไม่เป็นไร หลังจากจ้าวชิงซงกลับมาก็ค่อยบอกกับเขา… ”
แม่จ้าวพยักหน้าอย่างแรง
ลี่หรงถูกพาตัวไปแล้ว แม่จ้าวอุ้มเด็กน้อยให้นั่งไม่ได้เลย จึงหยิบที่คาดหลัง แล้วมัดอันอันขึ้นมาบนตัวพลางพร่ำบอก “ไม่ร้องนะไม่ร้อง… ย่าจะพาไปเรียกปู่หลาน อีกหน่อยพวกเขาก็กลับมากันแล้ว เฮ้อ… นี่ก็ไม่รู้เลยว่าพ่อหลานยุ่งอะไรนัก…”
เจ้าตัวน้อยยังคงคร่ำครวญ แม่จ้าวปวดใจเสียจนแทบแย่ เดินพลางตบตูดเขาไป หวังจะปลอบใจเจ้าตัวน้อยได้บ้าง
ระหว่างทางที่จ้าวเจี้ยนกั๋ว ลูกชายและลูกสะใภ้กลับบ้านหลังเลิกงาน พวกเขาเดินไปถึงทางเข้าหมู่บ้านก็พบแม้จ้าวที่กำลังรีบเร่งฝีเท้า
จ้าวเจี้ยนกั๋วมองหลานชายที่เธอแบกอยู่ด้านหน้าร้องไห้จนเหนื่อยหอบ จึงคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าตัวน้อย เขาขมวดคิ้ว “ทำไมรีบร้อนวิ่งมาแบบนั้นล่ะ แล้วทำไมอันอันร้องไห้หนักขนาดนั้นกัน?”
แม่จ้าวสูดหายใจ พยายามสลัดความเหนื่อยล้าทิ้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงกระชั้น “ภรรยาเจ้ารอง ถูกผู้ใหญ่บ้านจับตัวไปแล้ว!”
“อะไรนะ!?” จ้าวเจี้ยนกั๋วคว้ามือแม่จ้าว “ไป กลับบ้านก่อน”
จ้าวชิงหยางสีหน้าหม่นหมอง เขาสบตากับภรรยา แล้วเร่งฝีเท้ากลับบ้านตามสองสามีภรรยาเฒ่าตระกูลจ้าวไป
ด้วยเพราะมีผู้ใหญ่ที่คุ้นหน้าหลายคน อันอันจึงค่อย ๆ ร้องไห้เบาลง
“เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อประตูลานถูกปิด พ่อจ้าวก็ถามอย่างรีบร้อน
จู่ ๆ ทำไมผู้ใหญ่บ้านถึงมาล่ะ?
ยังพาตัวลี่หรงไปอีก
แม่จ้าวส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้ คนพวกนั้นเข้ามาก็ลื้อของ แล้วก็วิ่งไปที่ห้องครัว แล้วลื้อไข่ไก่ตะกร้าหนึ่งจากครัวของบ้านเจ้ารองออกมา”
เพราะคนที่พวกเขาพามานั้นทิ้งตะกร้าไข่ลงพื้นด้วย ทำให้ตอนนี้ไข่ไก่จึงแตกไปหนึ่งในสามส่วน เรี่ยราดเต็มพื้นครัวไปหมด
แม่จ้าวสูดหายใจอย่างปวดใจ “ก่อเวรก่อกรรมจริง ๆ ไข่ไก่ดี ๆ ถูกทำลายกลายเป็นอะไรไปแล้ว!”
เหอซิ่งหยิบตะกร้าเก็บไข่ไก่สภาพดีขึ้นมา
จ้าวชิงหยางขมวดคิ้วแน่น สีหน้าหม่นหมอง “แม่ พวกเขาพูดอะไรอีกไหมครับ?”
“บอกว่าจะพาเสี่ยวหรงกลับไปสอบสวน” แม่จ้าวพูดอย่างร้อนใจเล็กน้อย “จริงสิ! พวกเขาบอกว่าเธอ ‘ทำการค้า!’”
พ่อจ้าวถอนหายใจ “เข้าบ้านคิดหาวิธีกันก่อนเถอะ แล้วค่อยกว่ากันหลังจากเจ้ารองกลับมา”
จ้าวชิงหยาง “พ่อกับแม่อยู่ที่บ้านเถอะครับ ผมจะไปตามเจ้ารองกลับมา ไม่อย่างนั้นถ้ารอเขากลับมาก็คงค่ำแล้ว ถึงตอนนั้นคนอื่นคงกลับบ้านกันหมดแล้ว น้องสะใภ้ต้องถูกขังอยู่ในนั้นทั้งคืน เรามาดูกันว่าวันนี้จะพาเธอออกมาได้หรือเปล่า”
พ่อจ้าว “งั้นก็ได้ แกรีบไปเร็ว ขี่จักรยานของภรรยาเจ้ารองไปเถอะ”
“ครับ” จ้าวชิงหยางไสจักรยาน ‘เฟยเกอ’ ของลี่หรงออกไป
เขาขี่จักรยานเป็น บางครั้งเมื่อมีเรื่องด่วนอะไร ก็ขอยืมรถจากลี่หรง ทั้งยังขี่จนชินมืออีกด้วย
จ้าวชิงหยางมุ่งตรงไปในตัวอำเภอ เขาไม่รู้เรื่องที่จ้าวชิงซงเปิดฟาร์มเลี้ยงหมู ทว่าเขารู้จักรังลับ จ้าวชิงซงเคยบอกเขาสมัยก่อนที่พาเขาไปทำงานว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ให้ไปหาที่นั่น
เขาเคาะประตู เสียงหญิงสาวดังมาจากด้านใน เสียงนั้นระแวดระวังมาก “ใครน่ะ?”
“ฉันสกุลซิ่ง”
ด้านในเงียบไปชั่วครู่ “หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า”
จ้าวชิงหยาง “ขึ้นเขาไปล่าเสือ”
นี่เป็นรหัสลับที่จ้าวชิงซงบอกเขา จากนั้นจะมีคนมาเปิดประตูก็ต่อเมื่อพูดรหัสได้ถูกต้อง
ไม่นานนักประตูก็เปิดออก
หญิงสาวคนหนึ่งยื่นศีรษะออกมา ปรายตามองด้านหลังจ้าวชิงหยาง แล้วพูดเสียงเบา “เข้ามาสิ”
จ้าวชิงหยางไสจักรยานเข้าไป
“มีเรื่องอะไร?” หญิงสาวถาม
“ผมมาหาจ้าวชิงซง ผมเป็นพี่ชายของเขา” จ้าวชิงหยางสีหน้าตึงเครียด “เกิดเรื่องที่บ้านแล้ว!”
หญิงสาวให้เขานั่งลง แล้วพูดขึ้น “เสี่ยวจ้าวจะมาช้าหน่อย”
จ้าวชิงหยางนั่งติดเสียที่ไหน เขาพูด “ตามตัวเขากลับมาตอนนี้เลยได้ไหม?”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? รีบร้อนขนาดนั้นเชียว”
“ภรรยาของเขาถูกจับตัวไป! ถูกกล่าวหาว่าเธอ ‘ทำการค้า’”
เมื่อหญิงสาวได้ยินก็เปลี่ยนสีหน้าในพริบตา “โอ้ตายจริง! ทำยังไงดีล่ะเนี่ย”
“คุณท่าน!” หญิงสาวตะโกนเข้าไปในห้อง สักพักผู้ชายคนหนึ่งก็เดินออกมา
จ้าวชิงหยางเล่าสาเหตุให้ฟังอีกครั้ง ชายหนุ่มเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะพูด “เอาแบบนี้ คุณกลับบ้านไปก่อน ผมจะไปบอกจ้างชิงซงให้เขากลับบ้านทันที”
จ้าวชิงหยางพยักหน้าพร้อมพูด “ขอบคุณมากครับ”
เขาเพิ่งจะถึงบ้านได้ไม่นาน จ้าวชิงซงก็เดินทางกลับมาด้วยความเหนื่อยล้า
คนบ้านตระกูลจ้าวนั่งอยู่ในห้องโถง จ้าวชิงซงพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน แล้วถามอย่างร้อนใจว่า “พวกผู้ใหญ่บ้านมากันตอนไหนครับ?”
แม่จ้าว “กลางวัน ฉันกำลังทำอาหาร จู่ ๆ คนพวกนั้นก็เข้ามาถามหาเสี่ยวหรง …”
เมื่อฟังแม่จ้าวย้อนความจบ จ้าวชิงซงก็ขมวดคิ้วเข้มทันที คิดแผนการรับมือในหัวไม่หยุด
“ป้อ… ป้อ แม้ะ ฮือ.. ไม่ ม่ายเจอ …” อันอันร้องใส่จ้าวชิงซง
เจ้าตัวน้อยสูดจมูก ปลายจมูกแดงก่ำ ช่างดูน่าสงสารมาก
จ้าวชิงซงหงุดหงิดใจ ปรายตามองเจ้าตัวน้อย ข่มอารณ์ฉุนเฉียวในใจ แล้วอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมา “ไม่ต้องร้องนะครับลูก”
คงเป็นเพราะสัญชาตญาณพ่อลูก เมื่ออันอันถูกจ้าวชิงซงอุ้ม เพียงทำเสียงปลอบ มือเล็กก็จับเสื้อของจ้าวชิงซงพลางสูดจมูก ไม่เปล่งเสียงร้องไห้งอแงอีก
ตามความคิดของแม่จ้าว
สาเหตุใหญ่คงมาจากเรื่องไข่ไก่
ถูกจับตัวไปแบบนี้ ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
จ้าวชิงซงไม่สามารถนั่งอยู่เฉยได้ ลี่หรงจะเจอเข้ากับอะไร ชายหนุ่มไม่อยากจะคิด ใครจะรู้ว่าพวกเขามีวิธีการน่ากลัวอะไรบ้าง
อย่าว่าแต่จะปัดข้อกล่าวหา ‘ทำการค้า’ ของภรรยาทิ้งได้หรือเปล่า ตอนนี้การพาลี่หรงออกมาก่อนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
จ้าวชิงซงส่งเจ้าตัวน้อยให้แม่จ้าวอุ้ม “ผมจะออกไปตามหาเธอครับ”
อันอันดึงเสื้อของจ้าวชิงซงไม่ปล่อย
จ้างชิงซงกลั้นใจแกะมือของเจ้าตัวน้อยออก รับปากพร้อมพูดปลอบโยน “พ่อสัญญาว่าจะพาแม่กลับ ตกลงไหม?”
“เอิ้ก …” เจ้าตัวน้อยคล้ายจะฟังเข้าใจ ทำให้จ้าวชิงซงปลีกตัวออกมาอย่างราบรื่น
จ้าวชิงซงรีบไปโทรศัพท์ที่สหกรณ์ในตัวอำเภอก่อน แล้วค่อยไปหาคนของที่ทำการไปรษณีย์
สุดท้ายก็รีบไปที่สันติบาลอย่างไม่หยุดหย่อน เพื่อไปพบหลี่เฉิงจวินสหายร่วมรบสมัยก่อน แล้วเล่าเรื่องให้เขาฟังคร่าว ๆ
“เฮ้อ… เรื่องที่จะให้ฉันช่วยพาภรรยาของนายออกมาน่ะไม่มีปัญหา แต่การจับโจรต้องจับของกลางด้วย ถึงตอนนั้นพวกนายก็ต้องคิดหาวิธีกำจัดไข่ไก่พวกนั้นด้วยก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไร พี่หลี่ พี่ช่วยพาคนออกมาก่อน เรื่องที่เหลือผมจะคิดหาวิธีเองครับ”
หลี่เฉิงจวินพยักหน้า “พวกนายคงจะถูกใครบางคนหลอกแล้ว ตอนนี้นโยบายนั้นก็คลายความเข้มงวดลงไปมาก เรื่องที่ไปจับคนถึงบ้านมีน้อยมาก พอกลับไปก็ลองคิดดูให้ดี”
จ้าวชิงซงเม้มปาก “อืม”
เมื่อถึงสถานที่
พวกคนที่พาตัวลี่หรงมา โดยมีผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านต้าเจียงเป็นหัวหน้า พวกเขากำลังคิดว่าจะสอบสวนลี่หรงอย่างไรอยู่ด้านนอก
หญิงสาวเพียงคนเดียวทำเสียงฮึดฮัด “แค่บอกว่าเธอทำการค้าจึงทำให้ถูกจับตัวมา ไข่ไก่ตั้งมากมายขนาดนั้นจะเอามาใช้ทำอะไร ใช้หัวแม่เท้าคิดก็ยังได้”
หญิงสาวคนนี้ก็คือคนที่รื้อไข่ไก่ออกมาจากครัวลี่หรงเมื่อครู่
เจตนาร้ายที่เธอมีต่อลี่หรงนั้นมีมหาศาล
จ้าวเจี้ยนสุ่ยคือผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านต้าเจียง แต่หญิงสาวกลับมาจากหมู่บ้านอื่น
หลายปีมานี้ความกระตือรือร้นในการจับ ‘พวกทำการค้า’ ไม่ได้เข้มข้นมากขนาดนั้นแล้ว กำลังทั้งหมดพุ่งไปที่การกำหนดผลผลิตที่ผลิตร่วมกับทางการเกษตรไปใช้ในแต่ละครัวเสียมากกว่า
ทำให้คนที่รับผิดชอบทางด้านนี้ผ่อนคลายลงเรื่อย ๆ ถึงขั้นที่บทลงโทษกลายเป็นของประดับไปอย่างช้า ๆ
แรกเริ่มที่จับ ‘พวกทำการค้า’ ยังมี ‘พวกหัวขบถ’ โดยผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้นำ หลังจากเริ่มค่อย ๆ ซาลงก็ไม่ได้จับ ‘พวกทำการค้า’ หรือ ‘พวกหัวขบถ’ ได้มากขนาดนั้นอีก บทบาทของผู้ใหญ่บ้านจึงลดลงอย่างมากตามไปด้วย
เรื่องในหมู่บ้านก็ไปหาเลขาธิการพรรคประจำหมู่บ้านเสียมากกว่า
ด้านการผลิตก็มีหัวหน้ากองการผลิตดูแลอยู่
ผู้ใหญ่บ้านกลับไม่มีบทบาทอะไรสำคัญ
จ้าวเจี้ยนสุ่ยที่เงียบอยู่นานถูกสหายร่วมงานที่เคยจับ ‘พวกทำการค้า’ ด้วยกันมาก่อนมาหาถึงบ้าน และบอกว่ามีคน ‘รายงาน’ ว่าหมู่บ้านต้าเจียงของพวกเขามีคน ‘ทำการค้า’
ช่วงไม่กี่ปีแรกมีการจับกุมเข้มงวดขนาดนั้น จ้าวเจี้ยนสุ่ยไม่อยากเชื่อจริง ๆ ว่าจะมีคนกล้าทำเรื่องนี้อีก?
จ้าวเจี้ยนสุ่ยถามอีกไม่กี่ประโยค ก็ได้รู้ว่าเป็นลี่หรง สีหน้านั้นลังเลยิ่งกว่าเดิม “นั่นเป็นยุวชนหญิงของหมู่บ้านเรา และสามีของเธอยังปลดประจำการกลับมาด้วย ข้อมูลไม่ผิดใช่ไหม?”
หญิงสาวพูดโดยมีหลักฐานแน่ชัด “ข้อมูลเชื่อถือได้ ยิ่งเป็นคนที่มีสถานะแบบนี้ จะละเว้นไม่ได้ หากพิจารณาออกมาเป็นคดีใหญ่ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น”
เขาตื่นตัวขึ้นในพริบตา “จริงเหรอ?”
ดังนั้นจ้าวเจี้ยนสุ่ยจึงไปที่หน่วยองค์กรกับหญิงสาว เรียกคนมาไม่กี่คน…
จ้าวชิงซงที่ได้ยินหญิงสาวพยายามตั้งข้อหาลี่หรง เขาก็มีสีหน้าหมองลงชั่วขณะ แล้วเปิดปากพูดอย่างเคร่งขรึม “ยัดข้อหาได้ดีนี่!”
หญิงสาวหันหน้ามาก็เห็นจ้าวชิงซง แม้จะไม่รู้จักเขา ทว่าเมื่อมองดูร่างสูงกำยำของเขาและสีหน้าบูดบึ้งของอีกฝ่าย จากการแต่งตัวของคนที่ยืนอยู่ข้างกายก็เหมือนจะเป็นเจ้าพนักงานที่มีตำแหน่ง แค่คิดก็รู้แล้วว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา เธอขยับริมฝีปาก แต่ไม่ได้พูดอะไร
เธอไม่รู้จัก แต่จ้าวเจี้ยนสุ่ยรู้จัก
เมื่อผู้ใหญ่บ้านเห็นจ้าวชิงซงก็รู้สึกหวั่นใจเล็กน้อยอย่างไม่มีสาเหตุ ทว่าเมื่อนึกถึงคำพูดของหญิงสาว เขาก็กัดฟัน “จ้าวชิงซง พวกเราแค่มีธุระนิดหน่อยกับภรรยาของคุณเท่านั้น บางเรื่องตรวจสอบให้ชัดเจนจะดีกว่า”
“โอ้!” จ้าวชิงซงไม่เล่นด้วย แล้วพูดไปตรง ๆ “ภรรยาของผมอยู่บ้านทั้งวัน จะมีธุระอะไรได้ คุณอยากตรวจสอบงั้นก็ควรทำอย่างตรงไปตรงมา แต่นี่มันเรื่องอะไรกัน กลับจับตัวมาโดยไม่สนถูกสนผิด เมื่อครู่ได้ยินพวกคุณคุยกัน ไหนคิดจะยัดข้อหาอีก เหตุผลแบบนี้มีที่ไหนกัน?”
จ้าวเจี้ยนสุ่ยสีหน้าเริ่มขมขื่น ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ที่เขาร่วมกันจับกุมคนทำผิด ตอนนั้นเขายังมีบารมีอยู่มาก มาตอนนี้กลับถูกชายหนุ่มสวนกลับจนพูดไม่ออก เขาได้แต่ปรายตามองหญิงสาว
หญิงสาวพิจารณาจ้าวชิงซงสักพัก ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายสวมเสื้อธรรมดา รองเท้าปลดระวางที่ขาดรุ่ยบนเท้ายังเปื้อนโคลนอยู่ จนไปถึงหนามของวัชพืชยังติดเต็มขากางเกง
เมื่อได้ยินจ้าวชิงซงเอาแต่เรียกภรรยา ก็รู้ว่าเขาเป็นสามีของลี่หรง
สายตาของหญิงสาวเป็นประกาย คนผู้นั้นบอกให้เธอเลี่ยงผู้ชายของลี่หรง จุดประสงค์หลักคือดึงลี่หรงที่ร่วมมือกับโรงงานเหล็ก ให้เผยคนบงการออกมาจะดีที่สุด
เมื่อเห็นชาวนาลุยโคลนขาพิการอย่างจ้าวชิงซง สายตาของเธอก็เหยียดหยามขึ้น ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นกังวลอะไร
เธอพูด “พวกเราไม่ได้ไม่สนถูกสนผิด แต่มีคนรายงานมาต่างหาก”
“จดหมายรายงานล่ะ?”
“เอาให้นายดูไม่ได้หรอก” หญิงสาวปรายตามองเขา “จะดีที่สุด เราควรเลี่ยงความสงสัยจากสมาชิกในครอบครัว”
“งั้นผมดูได้ไหม” หลี่เฉิงจวินเปิดปากพูดไปตรง ๆ
แม้หลี่เฉิงจวินจะดูไม่ธรรมดา หญิงสาวก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตานักจึงถาม “คุณเป็นใครอีก?”
หลี่เฉิงจวิน “คุณไม่มีคุณสมบัติที่จะถาม ให้หัวหน้าหวงของพวกคุณออกมาจะดีกว่า”
หัวหน้าหวงชื่อจริงหวงซิ่งจื้อ รับหน้าที่ดูแล ‘กองจับกุมและสอบสวน’ จ้าวเจี้ยนสุ่ยและคนพวกนี้สังกัดอยู่ใน ‘กองจับกุมและสอบสวน’
หลี่เฉิงจวินเรียกหัวหน้าหวงออกมา หญิงสาวกับจ้าวเจี้ยนสุ่ยเปลี่ยนสีหน้า คนผู้นี้เป็นใครกันแน่?
MANGA DISCUSSION