ตอนที่ 43 ตั้งครรภ์
วันเวลาล่วงเลยผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิสิ้นสุดลง ฤดูร้อนก็มาเยือน สายลมพัดโชยปะทะเข้าใบหน้าก็ค่อย ๆ อบอุ่นขึ้น
แผงขายอาหารเช้าของลี่หรงไม่ขายซาลาเปาอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากยากที่จะนึ่งในหม้อเหล็ก
ลี่หรงซื้อเครื่องเทศมาจำนวนมากและเริ่มทำพะโล้อีกครั้ง พลางคิดถึงเถ้าแก่ร้านขายขนมที่เคยบอกว่าเขาไม่ได้กินพะโล้ที่เธอทำมานานแล้ว พะโล้ส่วนใหญ่ที่ทำ จ้าวชิงซงจะขายมันให้กับลูกค้าประจำเท่านั้น
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะถูกนำไปขายใน ‘ตลาดการค้าเสรี’
ตอนที่เธอมาที่นี่เป็นฤดูใบไม้ร่วง ไม่รู้เลยว่าฤดูร้อนของที่นี่จะร้อนขนาดไหน
ภายในเดือนกรกฎาคม รู้สึกราวกับตนกำลังอยู่ในเตาอบ หากยืนอยู่ข้างนอกสักสองสามนาที ใบหน้าคงเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเม็ดใหญ่เท่ากับเมล็ดถั่วเหลืองไหลอาบออกมาแน่ ๆ
ลี่หรงใช้ผ้าเช็ดตัวชุบน้ำเพื่อเช็ดเหงื่อ ความเย็นนี้ทำให้เธอรู้สึกสบายตัวเป็นครั้งแรกหลังจากทนร้อนมาอย่างยาวนาน
หลังจากที่ครอบครัวของจ้าวชิงหลิ่วสร้างบ้านใหม่ พวกเขาก็ย้ายไปอยู่ที่นั่น เมื่อหลานน้อยสองคนไม่อยู่ ความสดใสคึกคักก็น้อยลง
ลี่หรงเหลือบมองนาฬิกา ตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว แต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ในช่วงที่กลางวันยาว กลางคืนสั้น กว่าชาวบ้านจะเลิกงานก็ค่ำมืดหมดแล้ว ทำให้บ้านยิ่งเงียบสงบมากขึ้นไปอีก
อาจเป็นเพราะสภาพอากาศที่ร้อนระอุ ทำให้ช่วงนี้ลี่หรงไม่รู้สึกอยากอาหาร เธอจึงไม่คิดจะหุ้งข้าว แต่เลือกนวดแป้ง ทำซุปบะหมี่ที่กินแล้วสดชื่นแทน
จ้าวชิงซงกลับมาจากข้างนอกพร้อมกับปลาที่อยู่ในมือ
ก่อนที่ลี่หรงจะเอ่ยถาม เขาก็อธิบายว่า “ครั้งนี้ผมไม่ได้ไปตกปลา ซ่งเสี่ยวซานเอามาให้น่ะครับ”
“อ๋อ” ลี่หรงเข้ามาดู “ปลาตายหรือยังคะ คืนนี้ฉันทำบะหมี่แล้ว ไม่อยากทำอาหารแล้ว ถ้ามันยังไม่ตายก็เอาไปใส่อ่างไว้ก่อน เก็บไว้ทำพรุ่งนี้แล้วกันค่ะ”
“น่าจะยังไม่ตายนะ มันยังดีดดิ้นอยู่เลยตอนเอาลงน้ำ”
“งั้นก็ปล่อยไว้ในอ่างก่อนเถอะค่ะ”
ที่บ้านมีจักรเย็บผ้า ลี่หรงจึงทำเสื้อกั๊กและกางเกงขาสั้นหลายตัวให้ตัวเองใส่ตอนอยู่ในบ้าน
ตอนเย็นหลังจากอาบน้ำเสร็จ ความเหนียวเหนอะหนะบนร่างกายถูกชะล้าง ลี่หรงสวมเสื้อกั๊กตัวเล็กล้มตัวนอนลงบนเตียงเตา แล้วใช้พัดมาพัดลมให้ตัวเอง
คืนนี้ก็ไม่ต่างจากก่อนหน้า แต่ลี่หรงกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเฉย ๆ และยังคงมีความรู้สึกหดหู่ผสมกันด้วย จนกระทั่งจ้าวชิงซงเข้ามาหาในห้อง จิตใจเธอก็ยังคงหดหู่
จ้าวชิงซงสังเกตเห็นความหงุดหงิดของอีกฝ่าย จึงปีนขึ้นไปบนเตียงเตา ก่อนหยิบพัดมาพัดให้ลี่หรงแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นครับ คุณดูไม่ค่อยร่าเริงเลย”
“ไม่รู้สิคะ แค่รู้สึกหงุดหงิด บางทีคงเป็นเพราะร้อนเกินไปหรือเปล่า?”
“อาจจะเป็นแบบนั้น พรุ่งนี้คุณไม่ต้องทำพะโล้นะครับ ผมจะไปดูอาหารสัตว์ที่ตัวเมือง อยากไปด้วยกันไหม?”
“ดูอาหารสัตว์อะไรหรอคะ?” ลี่หรงถาม ก่อนผลักจ้าวชิงซงเบา ๆ “ตัวคุณร้อนเหมือนเตาหลอมเลย อยู่ห่างจากฉันจะดีกว่าค่ะ”
จ้าวชิงซงที่จู่ ๆ โดนดุจึงหัวเราะออกมา “ซื้ออาหารหมูครับ คราวนี้ต้องซื้อเยอะหน่อย โรงงานได้ลูกหมูเพิ่มมาอีกสองสามตัว หากจะรอเชือดตอนช่วงปีใหม่ ก็ต้องขุนให้มากขึ้นถึงจะตัวอวบอ้วนได้น้ำหนัก”
ลี่หรงรู้ว่าจ้าวชิงซงมักจะไปทำงานข้างนอก แต่เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำงานเกี่ยวข้องกับฟาร์มสุกร
ขณะนี้บุคคลทั่วไปไม่สามารถเลี้ยงหมูได้ และหมูทุกตัวในหมู่บ้านเป็นหน้าที่ของกลุ่มผู้รับผิดชอบ
ลี่หรงได้ยินมาว่าฟาร์มสุกรที่จ้าวชิงซงกล่าวถึงนั้น เลี้ยงกันแบบส่วนตัว หากถูกจับได้ โทษจะร้ายแรงกว่าการทำธุรกิจใน ‘ตลาดการค้าเสรี’ เสียอีก
หัวใจของลี่หรงสั่นสะท้าน “ฟาร์มสุกรเกี่ยวข้องอะไรกับคุณคะ?”
จ้าวชิงซงพูดด้วยใบหน้าที่เฉยเมย ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงบางสิ่งที่ไม่ได้สลักสำคัญ “มีบางอย่างเกิดขึ้นกับฟาร์มหมูเมื่อไม่นานมานี้น่ะ ทำให้ธุรกิจชะงักไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ผมกับเพื่อนจึงร่วมหุ้นส่วนกัน”
ลี่หรงอยู่สับสน “ห๊า! คุณไม่เห็นเคยพูดเรื่องใหญ่แบบนี้กับฉันเลย!”
“ผมบอกคุณแล้วนะครับ”
“เมื่อไหร่คะ?” ลี่หรงขมวดคิ้ว ทำไมตัวเองกลับจำอะไรไม่ได้เลย
“ก่อนหน้านี้ ผมขอเบิกเงินจากคุณมามากกว่าสองพันไม่ใช่เหรอครับ?”
ลี่หรงใช้สมองครุ่นคิดครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกได้ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องเช่นนี้
คืนนั้นหลังจากเสร็จงาน ลี่หรงรู้สึกล้าไม่น้อย พอได้ยินจ้าวชิงซงพูดถึงเพื่อนของเขาและขอเบิกเงินมากกว่าสองพัน ลี่หรงคงเกิดอาการมึนงงเล็กน้อย คิดว่ามีเรื่องเดือดร้อนบางอย่างเกิดขึ้นกับเพื่อนของเขา จึงบอกให้จ้าวชิงซงเอาเงินไปได้เลย
จ้าวชิงซงเอาเงินออกไปในวันรุ่งขึ้น และลี่หรงก็ไม่เคยถามอีกเลย ไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะใช้เงินนั้น เพื่อสร้างฟาร์มสุกรร่วมกับคนอื่น
ลี่หรงรู้สึกปวดหัว “คุณกล้าหาญมาก!”
“ไม่เท่าไหร่อะไรหรอกครับ” จ้าวชิงซงกล่าว “เราต่างคุ้นเคยกับงานในฟาร์มสุกร ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เจ้าของคนก่อนขาดทุนหนักจากโรคไข้หวัดหมู และไม่ได้คิดจะทำอีกต่อไป พวกผมก็เลยรับช่วงต่อ”
“มันขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะ เรื่องเป็นแบบนี้ ฉันเองก็คงขอให้คุณเลิกทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะคะ” ลี่หรงกล่าว “งั้นคุณระวังตัวด้วยแล้วกันค่ะ”
“เข้าใจแล้วครับที่รัก” จ้าวชิงซงวางพัดไว้ข้าง ๆ แล้วโน้มตัวไปข้างหน้า “เรามาคุยเรื่องอื่นกันเถอะครับ”
“อืม… อย่ามาทับฉันนะ” จู่ ๆ ลี่หรงก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ช่องท้องส่วนล่าง และรู้สึกเวียนหัว “คุณจะทำตอนฉันเจ็บแปลบที่ท้องอยู่งั้นเหรอคะ?”
ใบหน้าและริมฝีปากของลี่หรงซีดลง จ้าวชิงซงผงะถอยออกมา ความรู้สึกวาบหวามในใจของเขาหายไปทันที ก่อนถามอย่างร้อนรนว่า “คุณเป็นยังไงบ้าง ปวดท้องเหรอครับ หรือเพราะเป็นประจำเดือนหรือเปล่า?”
“ไม่รู้เหมือนกัน คงไม่ใช่ประจำเดือนค่ะ” ลี่หรงส่งเสียงร้อง ความเจ็บปวดเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
จ้าวชิงซงรู้ดีว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวแล้ว แต่เขาเพิ่งถามคำถามนั้นไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ตนเพิ่งตระหนักได้ และกังวลเรื่องที่อาจเกิดขึ้นกับลี่หรง เขาจึงเอาเสื้อมาสวมให้อีกฝ่าย “ผมจะพาคุณไปหาหมอที่โรงพยาบาล”
ลมจะอบอุ่นขึ้นในคืนฤดูร้อน บนถนนไม่ค่อยมีคนสัญจรมากนัก แสงจันทร์ตกกระทบพื้นจนเป็นสีขาว ถนนหนทางพลันสว่างโดยไม่ต้องใช้แสงไฟ
จ้าวชิงซงแบกลี่หรงไว้บนหลัง แล้วรีบเดินไปที่โรงพยาบาล
ในเวลานี้ หมอปิดประตูเข้านอนไปแล้ว จ้าวชิงซงจึงเคาะประตูอย่างแรง พลางตะโกนเรียก “หมอ! หมอ!”
หมอมักจะคุ้นชินกับเหตุด่วนกลางดึกจึงรีบเปิดประตูให้เข้าไปโดยไม่โกรธ
เขาถามถึงอาการของลี่หรง เธอจึงเล่าว่า จู่ ๆ ตนเองก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา
หมอใช้เครื่องตรวจฟังเสียงหัวใจของลี่หรงสองสามครั้ง แล้วถามว่า “เดือนนี้ประจำเดือนมาหรือยังครับ?”
ลี่หรงและจ้าวชิงซงมองหน้ากัน เธอก็พูดว่า “ไม่มาค่ะ”
หมออายุราวสี่สิบห้าสิบปียื่นมือออกมาสัมผัสชีพจรของลี่หรง พลันมีสีหน้าสงบลง “หนุ่มสาวทั้งสอง นี่คือสัญญาณว่าภรรยากำลังตั้งครรภ์ ควรระวังให้มากขึ้นในเวลานี้ แล้วก็ห้ามมีเพศสัมพันธ์ในช่วงสามเดือนแรกนะครับ”
หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว ลี่หรงก็ยังคงรู้สึกเหมือนกำลังเดินบนเมฆ
เหมือนกำลังฝันไป
“ท้องแล้วเหรอ?”
ผ่านมาครึ่งปีแล้วที่พวกเขามีเพศสัมพันธ์กันครั้งแรก ลี่หรงยังคงคิดว่าจะไปตรวจที่โรงพยาบาล หากไม่มีความคืบหน้าเรื่องทารก
จ้าวชิงซงเองก็งุนงงเล็กน้อยเช่นกัน เมื่อเขาได้ยินเสียงของภรรยาก็กลับมารู้สึกตัว แล้วตอบว่า “นั่นคือสิ่งที่หมอบอกครับ”
เขาอยากจะสัมผัสลี่หรง แต่เขาไม่กล้าเพราะกลัวว่าจะกระทบกระเทือนอีกฝ่าย จึงได้แต่ดึงมือที่ยื่นออกไปจับขากางเกงตัวเอง ทันใดนั้นเขาก็พูดว่า “ที่รัก คุณรู้สึกไม่สบายใจตรงไหนหรือเปล่า เมื่อกี้ผมดีใจมากจนลืมถามหมอว่าทำไมคุณถึงปวดท้อง”
ลี่หรงกอดเขาแล้วพูดว่า “เอาเถอะ ถ้าหมอบอกว่าเป็นเรื่องปกติก็อย่าไปกวนเขาเลยค่ะ เมื่อกี้คุณเกือบทำอะไรแย่ ๆ ลงไปแล้ว ลูกก็เลยส่งสัญญาณป้องกันตัวเองกลับมา ถ้าไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดของฉัน ตอนนี้เราคงอยู่บนเตียงกันแล้ว”
จ้าวชิงซงจับท้ายท้อยตัวเองด้วยความเขินอาย “อย่างที่คาดไว้เลย ลูกของเราฉลาดตั้งแต่ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ”
MANGA DISCUSSION