“คุณชิโร่คะ คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกใบนี้กันหรือคะ?”
“เงินทอง อำนาจ หรืออะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง”
“ค่ะ ในโลกนี้ก็มีคนตอบแบบนั้นอยู่เหมือนกัน แต่ฉันคิดว่ามันไม่ใช่หรอกนะคะ สิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกนี้คือ ‘ความรัก’ ต่างหากล่ะคะ ไม่ใช่ความรักจอมปลอมฉาบฉวยที่ใครๆ ก็พูดออกมาได้ง่ายๆ แต่เป็นความรักที่ยอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อปกป้องมันไว้อย่างสุดหัวใจต่างหาก”
ตรรกะที่แสนหวานเลี่ยนจนแทบจะสำลัก ไม่เข้ากับบรรยากาศอันแสนตึงเครียดในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย
ผมยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเรื่องที่เธอพูดมาทั้งหมดมันจะไปเกี่ยวโยงกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น ผมเลยได้แต่เงียบกริบฟังเธอพูดต่อไปโดยไม่คิดจะเอ่ยอะไรแทรกขึ้นมา
“ในบ้านหลังนี้ ฉันคือคนที่ปรารถนาความรักมากที่สุดค่ะ แต่ทว่า ท่านพ่อกลับไม่เคยมีแม้แต่เศษเสี้ยวของความรักมอบให้กับฉันเลยแม้แต่น้อย”
“ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นออกมาได้ล่ะ”
“ก็เพราะว่าสิ่งที่ท่านพ่อรักมากที่สุด ไม่ใช่ท่านแม่ ไม่ใช่พวกเราเหล่าลูกสาว แต่เป็นปวงประชาแห่งทาทัลท์นี้ต่างหากล่ะคะ! ฉันใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างท่านพ่อมาเป็นเวลานาน แต่ก็อดที่จะรู้สึกเช่นนั้นไม่ได้จริงๆ”
แววตาของเธอยิ่งมืดมนดำดิ่งลงไปอีก
ลาซูลีเล่าเรื่องราวออกมาด้วยท่าทางราวกับว่าไม่อยากจะหวนรำลึกถึงมันอีกเป็นครั้งที่สอง
ดูเหมือนว่าเธอจะเก็บงำความเกลียดชังที่มีต่อพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเองเอาไว้ในใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
อยากจะรู้จริงๆ ว่าความเกลียดชังอันแสนมากมายมหาศาลขนาดนั้นมันเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
“ถึงอย่างนั้นมันก็ยังพอจะทนรับไหวอยู่นะคะ ถ้าหากว่าท่านพ่อจะยอมแบ่งปันความรักให้กับพวกเราอย่างเท่าเทียมกันบ้าง แต่เรื่องที่น่าขันที่สุดก็คือ มีเพียงฉันคนเดียวเท่านั้นที่โหยหาความรักมากที่สุด แต่กลับไม่เคยได้รับมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว ฉันเป็นถึงลูกสาวคนโตของตระกูลทาทัลท์ และที่สำคัญคือไม่มีพี่น้องที่เป็นผู้ชายเลยสักคน เพราะฉะนั้น ฉันจึงถูกเลี้ยงดูฟูมฟักมาในฐานะเครื่องมือทางการเมืองชิ้นหนึ่งเท่านั้นเองค่ะ! ในวินาทีนั้น ลาซูลี ทาทัลท์ คนเดิมก็ได้ตายจากไปแล้ว”
การที่ตระกูลนี้ไม่มีทายาทที่เป็นบุตรชาย นั่นก็หมายความว่าคนที่ต้องสืบทอดอำนาจต่อก็คือองค์หญิงลาซูลี หรือไม่ก็พระสวามีของเธอนั่นเอง
เพราะฉะนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่องค์หญิงลาซูลีจะต้องถูกเลี้ยงดูอบรมมาโดยได้รับอิทธิพลทางการเมืองอย่างเข้มข้นและหนักหน่วงเป็นพิเศษกว่าใครในบรรดาสี่พี่น้อง
แต่ทว่า นั่นมันเป็นเรื่องที่โหดร้ายทารุณสำหรับเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งมากเกินไป
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะต้องส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการหล่อหลอมบุคลิกภาพและจิตใจของเธออย่างแน่นอน
พอจะเข้าใจแล้วว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เธอบิดเบี้ยวไปได้ถึงขนาดนี้
แต่ถึงอย่างนั้น การที่จะบอกว่านั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอกล้าลงมือก่อเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดนี้ขึ้นมา มันก็ยังคงเป็นสิ่งที่ผมไม่อาจจะยอมรับได้อยู่ดี
“เพราะฉะนั้น ในท้ายที่สุดฉันก็เลยอยากจะลองทดสอบดูสักครั้งค่ะ ถ้าหากว่าท่านพ่อยังคงมีความรักหลงเหลืออยู่ในใจบ้างแม้เพียงเล็กน้อย ฉันก็ยังคงเชื่อมั่นว่าท่านพ่อจะต้องยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมาช่วยฉันที่ถูกลักพาตัวไปด้วยตัวของท่านเองอย่างแน่นอน”
“แต่เขาก็ไม่ได้มาสินะ”
“ค่ะ ท่านพ่อไม่ได้รักฉันเลยจริงๆ แต่ว่านะ เรื่องนี้มันก็ไม่ได้มีแต่เรื่องเลวร้ายไปซะทั้งหมดหรอกนะคะ?”
เธอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มุมปากก็พลันยกยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย มือเรียวสวยก็ยกขึ้นมาทาบแก้มของตัวเองเบาๆ พลางทำหน้าเคลิบเคลิ้มอย่างยั่วยวนใจ
“ก็เพราะว่า คุณมาช่วยฉันยังไงล่ะคะ! ความรู้สึกใจเต้นระรัวตึกตักที่ฉันสัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราได้พบกันมันไม่ใช่เรื่องโกหกเลยแม้แต่น้อย! อ๊า! คุณคือเจ้าชายในฝันของฉันจริงๆ ด้วยสินะคะ! คนที่ทำให้ฉันไม่ใช่แค่ปรารถนาในความรักอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังทำให้ฉันอยากจะมอบความรักทั้งหมดที่มีให้อย่างท่วมท้นอีกด้วย! อ๊า! ชิโร่! ชิโร่! ชิโร่! ชิโร่! หึหึ… แค่ได้เอ่ยชื่อของคุณออกมาเบาๆ ก็แทบจะทำให้ฉันคลุ้มคลั่งจนเสียสติไปแล้วค่ะ!”
บ้าไปแล้ว! นอกจากคำนี้แล้วก็ไม่มีคำไหนที่จะสามารถนำมาใช้อธิบายสถานการณ์ตรงหน้าได้อีกแล้ว!
ทั้งๆ ที่มีผู้บริสุทธิ์ต้องมาล้มตายไปเป็นจำนวนมาก แต่ลาซูลีกลับยังคงมีหน้ามาพูดจาเพ้อเจ้อเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อยู่อีก!
บางทีเธออาจจะมองเห็นแต่โลกในจินตนาการของตัวเองเท่านั้นแล้วก็ได้กระมัง
ความรู้สึกโกรธแค้นที่เคยคุกรุ่นอยู่ในอกเมื่อครู่มันได้มอดดับหายไปจนหมดสิ้นแล้ว
[ระดับความเป็นมิตรและความรักของ “ลาซูลี ทาทัลท์” ที่มีต่อคุณพุ่งทะยานถึง 100 แล้ว! มอบ “พรแห่งรักอันบ้าคลั่ง” ให้แก่คุณ!]
[ยืนยันความรักอันผิดปกติอย่างรุนแรงจากเพศตรงข้าม! มอบ 500pt ให้แก่คุณ!]
[ยืนยันการสนทนากับเพศตรงข้ามเป็นเวลา 5 นาที! มอบ 5pt ให้แก่คุณ!]
“นี่… คุณชิโร่คะ… ฉัน… อยากได้คุณเหลือเกินค่ะ”
“โทษทีนะ แต่ฉันกับเธอน่ะ… มันคนละเส้นทางกันแล้วล่ะ”
“อย่างนั้นหรือคะ… น่าเสียดายจังเลยนะคะ… แต่ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกนะคะ”
“ต่อให้เธอจะพูดอีกกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็…”
“ชู่ว์”
เธอใช้นิ้วชี้เรียวสวยแตะที่ริมฝีปากของตัวเองเบาๆ
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมให้ผมพูดอะไรมากไปกว่านี้แล้วสินะ
“จริงสิคะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเดินทางออกจากเมืองนี้ไปแล้วล่ะค่ะ เพราะฉะนั้น… ถ้าหากโชคชะตายังคงเล่นตลกนำพาให้เราได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง… เมื่อนั้น… เราค่อยมาเจอกันใหม่นะคะ”
“เฮ้ย! เรื่องมันยังไม่จบแค่นี้นะโว้ย!”
เธอค่อยๆ หมุนตัวเดินไปยังประตูอย่างเชื่องช้า
แต่ว่า! ผมจำเป็นต้องจับตัวลาซูลีแล้วก็ลากคอเธอมาสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไปให้ได้!
เพราะฉะนั้น! ผมจึงรีบเอื้อมมือออกไปหมายจะคว้าตัวเธอเอาไว้!
ผมวิ่งตามลาซูลีที่เพิ่งจะก้าวออกไปจากห้อง แต่เธอก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว!
ที่โถงทางเดินอันว่างเปล่ามีเพียงร่องรอยของวาร์ปเกทจางๆ หลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หรือว่า… เธอจะหนีไปพร้อมกับกุญแจแห่งกาลเวลาบ้านั่นด้วยกันนะ!
จะให้ผมไปอธิบายเรื่องบ้าๆ นี่กับคนอื่นยังไงดีล่ะเนี่ย!
ทั้งเรื่องที่เครื่องมือเวทโบราณในตำนานถูกขโมยไป! ทั้งแผนการก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนไปทั้งอาณาจักร! และที่สำคัญที่สุดคือความจริงอันน่าตกตะลึงที่ว่าคนที่ลงมือทำเรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี้คือองค์หญิงรัชทายาท! ลูกสาวของกษัตริย์!
ทุกเรื่องมันน่าปวดเศียรเวียนเกล้าไปหมดเลยจริงๆ ให้ตายสิ!
แต่ว่า… อีกไม่นานเรื่องที่องค์หญิงลาซูลีได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยมันก็จะต้องถูกเปิดเผยออกมาสู่สาธารณชนอยู่ดี
ถ้างั้น… ให้ผมที่รู้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดอยู่แล้วเป็นคนไปรายงานเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ความสับสนวุ่นวายมันก็น่าจะน้อยลงกว่าการปล่อยให้คนอื่นไปเจอเองล่ะนะ
ผมรีบมุ่งหน้าตรงไปยังที่พักขององค์กษัตริย์มัคจีในทันที!
ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมานั่งเพลิดเพลินเจริญใจกับอาหารมื้อหรูเลิศรสอะไรทั้งนั้นแล้ว!
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการรีบไปแจ้งสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ให้พระองค์ได้ทรงทราบโดยเร็วที่สุด!
ผมผลักประตูเข้าไปอย่างแรงด้วยความรีบร้อน!
องค์กษัตริย์มัคจีถึงกับสะดุ้งตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน!
เหล่าอัศวินองครักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมระมัดระวังภัยมากขึ้นในทันที มือของพวกเขาจับไปที่ด้ามดาบที่เหน็บอยู่ที่เอวอย่างรวดเร็ว!
ถ้าหากผมพูดอะไรผิดพลาดไปแม้เพียงนิดเดียวในตอนนี้… สิ่งที่รอคอยอยู่ก็คือความตายสถานเดียวเท่านั้น!
แต่ว่า… อารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านเดือดดาลขึ้นมาจากส่วนลึกของก้นบึ้งหัวใจมันทำให้ผมอดที่จะต้องใช้คำพูดที่รุนแรงและตรงไปตรงมาไม่ได้จริงๆ!
“องค์หญิงลาซูลี ทาทัลท์… ได้หนีออกไปตามความต้องการของนางเองแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ลาซูลีรึ!? เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นมาได้!?”
“ทั้งเรื่องเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่! ทั้งเรื่องที่เจ้าดัคมาซมันสามารถหนีออกมาจากคุกใต้ดินได้! ทั้งเรื่องการลักพาตัวองค์หญิงทั้งสี่! ทั้งหมดนั่นมันเป็นแผนการที่องค์หญิงลาซูลีเป็นคนวางเอาไว้เองทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ! พอหม่อมฉันซักไซ้ไล่เลียงความจริงเข้า… นางก็เลยหนีเตลิดเปิดเปิงไป!”
“แกกล้าดียังไงมากล่าววาจาดูหมิ่นองค์หญิงลาซูลีต่อหน้าฝ่าบาทเยี่ยงนี้!”
อัศวินคนหนึ่งทนไม่ไหวอีกต่อไป ชักดาบออกมาจากฝักอย่างรวดเร็ว!
ผมสามารถตอบสนองต่อความเร็วระดับนั้นได้อย่างสบายๆ
แต่ว่า… ผมเลือกที่จะไม่หลบ
ผมใช้มือเปล่าคว้าดาบเล่มนั้นเอาไว้แน่นโดยไม่สนใจเลยว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่!
เลือดสีแดงสดที่หยดติ๋งๆ ลงสู่พื้น… กับบรรยากาศอันแสนตึงเครียดที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งห้อง…
ผมยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ก็เพราะว่าพระองค์ไม่ได้ทรงดูแลเอาใจใส่พระธิดาของพระองค์เองให้ดีพออย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ! เรื่องมันถึงได้ลงเอยกลายเป็นแบบนี้! ถ้าหากพระองค์ทรงใส่ใจดูแลนางให้มากกว่านี้แม้เพียงสักเล็กน้อย…”
นี่มันเป็นเพียงแค่เรื่องเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ของผมเท่านั้น
ผมไม่รู้เลยเหมือนกันว่าถ้าหากพระองค์ทรงดูแลเอาใจใส่นางในฐานะลูกสาวคนหนึ่งอย่างดีจริงๆ แล้ว… เรื่องราวเลวร้ายแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้นจริงๆ รึเปล่า
แต่ว่า… ในตอนนี้ผมไม่มีหนทางอื่นใดที่จะสามารถระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจนี้ออกมาได้อีกแล้ว… นอกจากจะต้องโทษว่าเป็นความผิดของพระองค์ท่านนั่นแหละ…
“เป็นความผิดของข้างั้นรึ… ถ้าเจ้าถึงกับกล่าวหาข้าถึงขนาดนั้น… มันก็อาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็ได้กระมัง… แต่ว่านะ… ต่อให้จะเป็นลูกสาวของข้าเองก็ตาม… ความผิดที่ได้พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปมากมายขนาดนั้นมันช่างหนักหนาสาหัสเกินกว่าจะให้อภัยได้จริงๆ”
เป็นเหตุผลที่ถูกต้องและชอบธรรมที่สุด
ไม่ว่าจะมีเหตุผลร้อยแปดพันเก้าอะไรก็ตาม… ก็ไม่ควรที่จะไปพรากชีวิตของคนอื่นเขา
นั่นมันคือสัจธรรมอันเที่ยงแท้ที่ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเพียงใดหรือจะไปอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้… มันก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“วันพรุ่งนี้… หลังจากที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว… หากพบว่าคนร้ายตัวจริงคือองค์หญิงลาซูลีจริงดังว่า… ก็ให้ประกาศจับตายสถานเดียวเท่านั้น!”
การที่ทรงมีรับสั่งให้ประกาศจับตายสถานเดียวเท่านั้น… บางทีนั่นอาจจะเป็นความเมตตาครั้งสุดท้ายที่ผู้เป็นพ่อคนหนึ่งจะสามารถมอบให้กับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองได้กระมัง…
สีหน้าขององค์กษัตริย์มัคจีในตอนนี้นั้นสลับสับเปลี่ยนไปมาระหว่างความโกรธแค้นชิงชังกับความเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้ง
แนวทางปฏิบัติในอนาคตได้ถูกกำหนดขึ้นแล้ว
ออกเดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปกำจัดจอมมารผู้ชั่วร้าย
ระหว่างเส้นทางการเดินทางนั้น… ก็ต้องตามจับตัวองค์หญิงลาซูลีให้ได้
แล้วก็… ทำให้นางต้องชดใช้ในความผิดบาปทั้งหมดที่ได้ก่อเอาไว้
ต่อให้… นางจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อชดใช้มันก็ตาม…
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION