ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1556 มิใช่พวกเดียวกันอีก
ในยุคสถาปนาเทพโบราณตอนต้น สำนักของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษสายเหนือพิสุทธิ์รุ่งเรือง สั่งสอนไม่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์ จนมีคำกล่าวว่าหมื่นเซียนมาเยือน
นอกจากเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ เจ้าแม่จินหลิง เจ้าแม่อู๋ตัง เหล่ายอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์แล้ว ยังมีเจ็ดเซียนรับใช้ฟังคำสอน นับถือเทวกษัตริย์รัตนวิเศษเป็นอาจารย์ ล้วนเป็นบุคคลระดับผู้ปกครองทั้งสิ้น
เซียนหัวมังกรกับเซียนงาวิญญาณเป็นสองคนในนี้ แยกเป็นสิงโตขนเขียวกับช้างเผือกหกงากลายพันธุ์ที่ฝึกฝนจนมีผลสำเร็จในยุคโบราณตอนต้น
เพียงแต่ว่าในสงครามสถาปนาเทพช่วงปลายยุคโบราณตอนต้น เหนือพิสุทธิ์ถูกนิกายอื่นๆ ร่วมมือกันทำลาย ผู้สืบทอดส่วนใหญ่ในสำนักล้มตาย
เซียนหัวมังกรกับเซียนงาวิญญาณแม้จะไม่ได้ประสบภัยพิบัติขึ้นสู่ทำเนียบเซียน แต่ถูกเทวกษัตริย์เหวินซู่กว่างฝ่ากับผู่เสี่ยนจินหยินแห่งหยกพิสุทธิ์จับกุม บังคับให้กลับร่างเดิม ตกเป็นพาหนะ
ภายหลังเทวกษัตริย์เหวินซู่กว่างฝ่ากับผู่เสี่ยนจินหยินต่างหันไปนับถือศาสนาพุทธ กลายเป็นมัญชุศรีโพธิสัตว์กับพระสมันตราโพธิสัตว์
ในศาสนาพุทธมีการเรียกชื่อเคาเป็นของตัวเอง ใช้คำว่าพุทธะเรียกมหาชาล ใช้คำว่าโพธิสัตว์เรียกสุญญตา เป็นความเคยชินของสำนักเต๋าที่เปรียบเทียบระดับศาสนาพุทธกับพวกตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นมัญชุศรีโพธิสัตว์หรือว่าสมันตภัทรโพธิสัตว์ ความจริงล้วนเป็นตัวตนชั้นมหาชาลที่สำเร็จมรรควิถี
เซียนหัวมังกรกับเซียนงาวิญญาณต่างติดตามพวกเขาเข้าสู่ศาสนาพุทธ ยังคงแยกกันเป็นพาหนะของพวกเขา ภายหลังชนชาวโลกต่างเรียกสิงโตเขียวกับช้างเผือก ไม่เรียกชื่อของพวกเขาอีก
ครั้งอดีตปีศาจสองตนนี้ไม่ว่าจะเป็นจอมปีศาจ หรือผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์สำนักเต๋า ล้วนเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในฟ้าดิน
กาลเวลาหลังการสถาปนาเทพเจ้าสำหรับพวกเขา ย่อมเป็นความอัปยศอันยิ่งใหญ่ และวันคืนที่ทรมาน
น่าเสียดายที่ไม่มีใครปลดปล่อยพวกเขาได้
บรมครูสามพิสุทธิ์ล้วนหลุดพ้น ถึงแม้เหล่าจวินยังอยู่ กลับไม่เคยถามไถ่
เซียนหัวมังกรกับเซียนงาวิญญาณสามารถเป็นอิสระได้ เป็นเพราะเรื่องราวหลังจากยุคโบราณตอนกลางจบลง
ตอนนั้นพระศรีอริยเมตไตรยเปลี่ยนคำสอนบนแดนสุขาวดีอภิรดีศูนย์กลางใหม่ สร้างความขัดแย้งบนการบำเพ็ญเพียรระหว่างเหล่าพุทธะ นักบวชในศาสนาพุทธส่วนใหญ่จากไป เข้ากับแดนสุขาวดีตะวันตก
ท่ามกลางความวุ่นวายภายในของศาสนาพุทธเมื่อครั้งนั้น เซียนหัวมังกรกับเซียนงาวิญญาณค่อยได้รับอิสระอีกครั้ง
หลังจากหลุดออกมาได้ พวกเขาก็ไม่ได้ยึดถือตนเป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์แห่งสำนักเต๋าอีก แต่ว่าเข้ากับโลกของเผ่าปีศาจคือเขาดาราทะเลดวงดาว กลายเป็นมหาเทวะเผ่าปีศาจ
ตอนนี้เป็นเพราะว่าโถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาวต่อสู้กัน แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจต่างออกเขา ดำเนินการเดินหมากและทำสงคราม
ตอนนี้เซียนงาวิญญาณกับเซียนหัวมังกรต่างเผยโฉม ทำศึกกับผู้เข้มแข็งของศาสนาพุธสายหลักแห่งแดนตะวันตก
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ทราบว่าเจ้าแม่อู๋ตังเคยลองติดต่อกับพวกเขาหรือยัง แต่ดูจากท่าทางในวันนี้ แม้ว่าจะเคยติดต่อ ก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ไม่น่าอภิรมย์นัก
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนมหาภัยพิบัติเมื่อครั้งกระโน้น สำนักเต๋าประสบภัยพิบัติ มหาเทวะเผ่าปีศาจที่ในอกประกอบด้วยความแค้นสองตนนี้ได้ลองโต้กลับหรือไม่ เกรงว่าเป็นเรื่องที่ยากบอกกล่าว
ก่อนหน้านี้คาดเดากันว่า หลังจากพวกเขาเข้าไปในเขาดาราทะเลดวงดาว อาจแสดงท่าทีไม่ช่วยเหลือสองฝ่ายในการต่อสู้ระหว่างสำนักเต๋ากับขุมกำลังอื่นๆ
แต่ดูจากวันนี้ สถานการณ์ตามความเป็นจริงเลวร้ายกว่าที่คิดไว้
เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่บนหัวไหล่ของวานรยักษ์ที่เปลี่ยนมาจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก มองเซียนหัวมังกรกับเซียนงาวิญญาณ “เรื่องราวในอดีต บรมครูสามพิสุทธิ์กระทำอย่างไร ข้าผู้แซ่เยี่ยนไม่ขอยุ่งเกี่ยว พวกท่านสองคนคิดอย่างไรเป็นอิสระส่วนตัว แต่ว่าในมื่อสองท่านพูดแบบนี้ พวกเราก็มิใช่พวกเดียวกันอีกแล้ว”
“กระบี่ลวงเซียน กับกระบี่ลงทัณฑ์เซียนในภายหลัง ขออภัยที่มิอาจมอบให้สองท่าน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ต่างฝ่ายทำเรื่องของตัวเอง หากล่วงเกินก็ขออภัย”
พร้อมกับที่เขาพูด กายทองมหาเทวะที่เปลี่ยนมาจากสวีเฟยกับพ่านพ่านก็พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าแล้ว
“ตรงใจข้าพอดี!” เซียนหัวมังกรตวาดขึ้น ในมือเพิ่มดาบวิเศษเล่มหนึ่ง จากนั้นฟันลง
ประกายดาบนั้นเป็นสีเขียว เงียบงันร้ายกาจ กลับมีเจตจำนงกระบี่จากกระบี่ลงทัณฑ์เซียนหลายส่วนไหลออกมา
เซียนหัวมังกรใช้กระบี่มาตั้งแต่ยุคโบราณตอนต้น ยุคโบราณตอนกลางถึงได้ใช้ดาบ เป็นเพราะเขาแค้นสำนักเต๋า จึงละทิ้งกระบี่ไม่ใช้อีก ตนเปลี่ยนวิชากระบี่เป็นวิชาดาบ แผ้วทางขึ้นมาใหม่
ประกายดาบซัดสาด ถึงกับต้องการรั้งวานรคลั่งที่พุ่งสู่ฟากฟ้าสองตนไว้
เห็นวานรยักษ์สองตนในมือเปล่งแสงสีทอง ต่างผนึกกลายเป็นกระบอง ท่อนหนึ่งต้านกระบี่ของเซียนหัวมังกร อีกท่อนหนึ่งเลี้ยวกลางอากาศ ฟาดใส่ศีรษะของสิงโตเขียว!
“วานรคลั่งเจ้าเล่ห์!” เซียนงาวิญญาณสะบัดงวง พ่นลมออกจมูก “คนอื่นกลัวเจ้า พวกเรากลับไม่กลัว”
หอกยาวเล่มหนึ่ง ปลายหอกมีปราณสีขาวหลายสายไหลเวียน ทำลายล้างสรรพสิ่ง แทงใส่หัวใจของวานรยักษ์ตัวหนึ่ง
เซียนงาวิญญาณกลับใส่ความลี้ลับของกระบี่สังหารเซียนสายเหนือพิสุทธิ์ที่เคยร่ำเรียนเข้าไปในวิชาหอก เกิดเป็นลักษณะเฉพาะตัว
การเปลี่ยนแปลงเหมือนมิได้แยบคายเท่ากระบี่สังหารเซียน แต่ดุเด็ดเผ็ดร้อนยิ่งกว่า!
วานรยักษ์ที่เปลี่ยนมาจากพ่านพ่านหาได้เกรงกลัวไม่ ยกกระบองสารพัดนึกที่เกิดจากแสงทองในมือขึ้นต้านหอกยาว
หอกยาวสภาวะอ่อนโทรมลง วานรยักษ์พลิกตัวกระโดด หลบพ้นคมหอกที่เกิดจากการเจาะทะลวงนั้น
หลังจากแก้ไขแรงกดดันจากเซียนงาวิญญาณ แรงกดดันที่เซียนหัวมังกรเข่นฆ่าใส่กายทองมหาเทวะอีกร่างหนึ่งก็ลดลงมาก
ถึงแม้กายทองมหาเทวะจะมีพลังแข็งแกร่ง แต่อย่างไรยังอยู่ในระดับสุญญตา ยากจะเล่นงานยอดฝีมือชั้นมหาชาลผู้มากประสบการณ์อย่างเซียนหัวมังกร
ทว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีกระบองสารพัดนึกของจริงอยู่ในมือ ยากจะสร้างการคุกคามสังหารทำร้ายแก่มหาเทวะเผ่าปีศาจ
อีกด้านหนึ่ง ฉวีซูบุตรกระบี่หกวิถีสีหน้าไร้อารมณ์ ออกกระบี่สร้างสังสารวัฏ
เกาชิงเสวียนถือกระบี่ลวงเซียนเข้าปะทะ รับมือฉวีซู
เทียบกับการใช้กระบี่ผนึกเซียนตอนอยู่บนโลกน้ำพุหยกแล้ว ขณะกาชิงเสวียนควบคุมกระบี่ลวงเซียน เคลื่อนย้ายมิติเวลาราบรื่นกว่าเดิม แทบเทียบเท่ากับความสามารถคงอยู่ทุกที่ของมหาชาล ส่งผลดีต่อการต่อสู้กับฉวีซูที่เป็นพุทธะ
ทว่าถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีกระบี่ราชพุทธะที่ร่วมมือกับฉวีซูได้เหมาะสมที่สุดอยู่ใกล้ๆ แต่ว่ารอบๆ ล้วนเป็นจอมปีศาจ ปราณปีศาจบังท้องฟ้าคลุมตะวัน ถึงขั้นกลบฝังเขตมารแห่งนั้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ การเปลี่ยนแปลงวิชากระบี่ของฉวีซูถึงกับชักนำปราณปีศาจรอบๆ ตัวเกาชิงเสวียนให้กลายเป็นวิถีเดรัจฉานแห่งสังสารวัฏหกวิถี
ฉวีซูกระบี่หนึ่งเร็วกว่ากระบี่หนึ่ง สะกดการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนแปลงมิติเวลาของเกาชิงเสวียน ต้องการบังคับให้นางลงไปยังวิถีเดรัจฉาน!
เกาชิงเสวียนฟันประกายกระบี่ ล่องลอยยากกำหนด แสงสีแดงก่ำบัดเดี๋ยวอยู่นอกบัดเดี๋ยวอยู่ใน ทำให้ฉวีซูคว้าจับไม่ได้
ทว่ากายทองมหาเทวะยากจะทำร้ายมหาเทวะเผ่าปีศาจได้อย่างแท้จริง
ด้านนี้ถ้าหากว่าฉวีซูไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว กระบี่ลวงเซียนในมือเกาชิงเสวียนกลับไม่เกรงใจ
เพียงแต่ฉวีซูเหมือนมองข้ามเรื่องนี้ และมิได้มีความคิดตั้งใจลดพลังในแก่นเซียนของเกาชิงเสวียน กลับแสดงความแน่วแน่ที่ต่อให้ต้องบาดเจ็บเพราะกระบี่ลวงเซียน ก็ต้องการสังหารศัตรูให้จงได้ออกมา!
เกาชิงเสวียนเป็นแค่การเริ่มต้น เยี่ยนจ้าวเกอกับกายทองมหาเทวะที่ด้านข้างเขากลับเป็นเป้าหมายท้ายสุดของฉวีซู
เพียงแต่ว่าฉวีซูไม่สูญเสียความเยือกเย็น การลงมือยังคงมีลำดับขั้นตอน
แต่ว่าศัตรูที่สังหารกระบี่ราชพุทธะอาจารย์ของเขาอยู่ตรงหน้า ขณะที่ฉวีซูเยือกเย็นเหมือนเดิม จิตสังหารในใจก็บรรลุถึงระดับสูงสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน!
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าใจเย็นเช่นกัน หลังจากตรวจสอบละเอียดแล้วว่ารอบๆ ไม่มีศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่อีก ก็หมุนตัวกระโดดเข้าไปในรูหูของวานรยักษ์ที่เปลี่ยนมาจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
จากนั้นวานรยักษ์ตนนี้ก็เงยหน้าส่งเสียงกู่ร้อง หยิบกระบองสารพัดนึกที่แท้จริงออกมาฟาดใส่คู่ต่อสู้สามคนที่อยู่ตรงหน้า
“มาได้ดี! รอเจ้าอยู่พอดี!” ดาบและหอกในมือถึงแม้ว่าจะถูกปัดออก แต่เซียนหัวมังกรกับเซียนงาวิญญาณส่งเสียงคำรามพร้อมกัน
ตนหนึ่งอ้าปาก
ตนหนึ่งสะบัดงวง