คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่1039 ทำจนสุด
“…” หลินซีเหวินพูดไม่ออก!
ดังนั้นจะบอกว่าแผนการที่หม่ามี๊วางไว้แต่แรกมันผิด คิดไม่ถึงว่าจะชักศึกเข้าบ้าน ตอนนี้มันจึงได้แว้งกัด!
หลินเหว่ยเย่เห็นความเศร้าโศกและโมโหของลูกสาวแล้วในใจก็เขาก็หนักอึ้ง “ซีเหวิน…เรื่องนี้ต้องโทษแด๊ดดี้เอง แด๊ดดี้ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้”
หลินซีเหวินส่ายหน้าน้ำตาไหลออกมาพร้อมการเคลื่อนไหวของเธอและลอยไปที่ใบหน้าของเธอยิ้มอย่างขมขื่น “แด๊ดดี้ หม่ามี๊ วางแผนอะไรไว้หนูจะไม่รู้ได้ยังไงคะ? ตอนแรกแด๊ดดี้กับหม่ามี๊เห็นด้วยกับการที่ให้จ้าวไห่เซิงเข้าถือหุ้น คงจะคิดว่าจับเสือมือเปล่าใช่ไหมคะ? จากวิธีของหม่ามี๊คือคิดจะใช้เงินของเขา จากนั้นก็หาทางไล่คนออกไป ใช่ไหมคะ?”
ในส่วนลึกของเธอเธอไม่ชอบความขัดแย้งทางการค้าและกลยุทธ์นองเลือด และเธอก็เกลียดกลอุบายแบบนี้!
และเคล็ดลับที่น่ารังเกียจที่สุดก็ถูกใช้โดยพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ!
แล้วจะไม่ทำให้เธอผิดหวังและเจ็บปวดได้อย่างไร!
ลูกสาวพูดจาเถรตรงเกินไปจนทำให้หลินเหว่ยเย่ไม่รู้ว่าจะรับมันอย่างไรถึงจะดี “ซีเหวิน เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมลูก…” พูดจาแย่ขนาดนี้
“ตอนนี้จะมาหาว่าหนูปากเสีย? ในเมื่อไม่ทำเรื่องให้มันดี ๆ แต่แรก คิดเพียงแต่เวลาที่จะเล่นตุกติกแล้วทำไมไม่คิดถึงวันอย่างนี้บ้าง? ของสะสมที่วางไว้ในบ้าน ทำไมไม่ขายมันไปซะ?”
หลินซีเหวินจำได้ว่าที่บ้านมีห้องเก็บของขนาดใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยสมบัติของพ่อและแม่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีหลายชิ้นที่เป็นที่มีแค่ชิ้นเดียวหามูลค่าไม่ได้
พวกเขากลับยอมเห็นบริษัทขาดทุนและไม่ขายของพวกนั้นทิ้งไป
หลินซีเหวินไม่เข้าใจเลยว่า พ่อแม่ของเธอคิดอะไรกันแน่? เธอไม่เข้าใจเลยจริง ๆ!
เธอโกรธมาก โกรธเสียจนอยากร้องไห้
“เรื่องนี้…”
คิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะมีความคิดที่ละเอียดลออมากกว่าที่เขาคิดไว้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะคิดถึงเรื่องนี้
สิ่งของพวกนั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นแผลเป็นที่มือของหลินเหว่ยเย่ พลิกไปพลิกมามันก็เจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เรื่องนี้อะไรคะ? หรือว่าของพวกนี้ผิดกฎหมาย? ไม่สะดวกที่จะหยิบออกมา?”
คำพูดของหลินซีเหวินในตอนนี้จะเรียกว่าประชดประชันก็ได้ น้อยครั้งมากที่เธอจะพูดจากับพ่อแม่แบบนี้ ในสายตาเธอ…อย่างน้อยก็เคย พ่อของเธอเป็นคนคงแก่เรียนฉลาดและสง่างามเขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจเขามักจะเฉยเมยและอยู่เหนือคนธรรมดามานานแล้ว
แม้แต่พ่อแท้ ๆ ของตัวเองยังเชื่อไม่ได้ มองไม่ออก เธอจะยังเชื่อใครได้อีก?
หลังจากนั้นไม่นานหลินเหว่ยเย่ก็ถอนหายใจ “หนูตามพ่อมา”
หลังจากนั้นไม่กี่นาที หลินซีเหวินก็เดินเข้าไปภายในห้องเก็บของของพ่อเธอ ภายในมีภาพประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาดคนดังเครื่องปั้นดินเผาเซรามิกและเครื่องประดับ
ภายใต้แสงป้องกันดวงตาสิ่งเหล่านี้จะถูกคั่นด้วยฝาแก้วและแต่ละชิ้นจะระบุราคาต่อหน่วยไว้อย่างเงียบ ๆ
หลินเหว่ยเย่สัมผัสหม้อดินสองหูใบหนึ่งเส้นที่วาดอย่างประณีตตกแต่งหม้อให้เป็นรูปน้ำเต้าอย่างชาญฉลาดโดยมีรอยแตกละเอียดมากซึ่งดูเก่ามาก
“นี่คือสมบัติที่พ่อซื้อมาในราคาสูงเมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้นใช้เงินไปห้าสิบล้าน”
หลินซีเหวินพยักหน้า “แล้วยังไงคะ?”
“ตอนนี้ เจ้าของสิ่งนี้มีมูลค่าสูงสุดเพียงราวยี่สิบล้าน ถ้าหากพ่อขายมันไปตอนนี้ ก็จะขาดทุนสามสิบล้าน แล้วลูกคิดว่าพ่อจะขายได้เหรอ?”
หลินเหว่ยเย่มองไปที่ลูกสาวของเขาอย่างนุ่มนวลทำอะไรไม่ถูกและถอนหายใจ
หลินซีเหวินอึ้งไป ราคาตกมากขนาดนั้นเลย? !
เป็นไปได้ไง?
ของเก่าและงานศิลปะไม่เพิ่มมูลค่าเมื่อเวลาผ่านไปหรอกเหรอ? แล้วทำไมของบ้านเธอถึงได้ราคาตกล่ะ?
หลินเหว่ยเย่หยิบชุดน้ำชาที่ทำมาอย่างดีอีกชุดหนึ่งถ้วยและจานรองสีฟ้าแต่ละใบโปร่งแสงราวกับเคลือบสีและผู้สร้างได้เขียนไว้ซึ่งเป็นผลงานของหวางยงย่านปรมาจารย์ด้านเซรามิกร่วมสมัยที่มีชื่อเสียง
“ชุดน้ำชา พ่อเสียเงินไปสามล้านเพื่อซื้อมันมา ตอนนี้ต่อให้ตั้งราคาสักล้านก็ยังกลัวว่าจะไม่มีใครซื้อ”
หลินซีเหวิน: “…”
“หวางยงย่าน สร้างผลงานที่ดีขึ้นในเวลาต่อมาเกรดและระดับได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นมากและยิ่งจำนวนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกลดคุณค่ามากขึ้นเท่านั้น”
หลินซีเหวิน: “…”
หลินเหว่ยเย่แสดงสมบัติล้ำค่าให้ลูกสาวดูอีกหลายสิบชิ้น ทุกชิ้นมาพร้อมกับคำอธิบายเดียวกัน: มูลค่าลด ราคาตก ชดใช้เงิน
พูดจนตอนหลัง หลินซีเหวินเองก็หมดหวังไปแล้ว
หลินเหว่ยเย่อยู่ตรงหน้าภาพอักษรประดิษฐ์และชื่นชมภาพเหล่านั้นทุกตัวอักษร “ตลาดงานศิลปะอยู่ที่จุดสูงสุดเมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้นทุกคนมองว่าจีนในแง่ดีว่าเป็นโลกแห่งงานศิลปะ แต่…”
เขาพูดขึ้นอย่างหมดหนทาง “ไม่มีใครคิดว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า ร้อยเท่า โดยเฉพาะในเมืองในเขตชั้นหนึ่งและชั้นสอง ในอดีตผู้ที่เสพงานศิลปะได้หันไปหาอสังหาริมทรัพย์ ปรากฏว่าคนที่สามารถซื้องานศิลปะราคาต่ำต้องติดดอยในอสังหาฯ”
อธิบายถึงตรงนี้ เขาหันกลับมองสินค้าที่ไม่เป็นที่นิยม “แด๊ดดี้เฝ้ารอให้ตลาดศิลปะกลับมาฟื้นตัว แต่ห้าปีผ่านไป ยิ่งรอ ความหวังยิ่งริบหรี่ ราคาของก็ยิ่งถูกลง”
หลินซีเหวินลองเชื่อมข้อมูลระหว่างงานศิลปะเข้ากับอสังหาฯ เธอแล้วได้แต่อึ้ง แต่ไม่นานก็ตระหนักได้ว่าเงินทุนในตลาดมีอยู่ในหลายรูปแบบ อีกทั้งยังเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่
เงินอยู่ที่นั่นและโดยพื้นฐานแล้วรายได้จะคงที่ เมื่อการลงทุนขนาดใหญ่ในอสังหาฯ การลงทุนอื่นจะลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์สร้างรายได้ โดยธรรมชาติย่อมไม่มีใครต้องการที่จะเชยชมงานศิลปะ
เป็นผลให้ราคาที่อยู่อาศัยสูงขึ้นและงานศิลปะมีราคาถูกลง
“แต่ถ้าแด๊ดดี้เก็บไว้และครอบครองเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมาก บริษัทจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้แด๊ดดี้คิดจะทำยังไง? หลินซีเหวินคิดไปคิดมาก็ยังคงโมโห!
เธอโมโหจะตายอยู่แล้ว!
“ตอนนี้ แด๊ดดี้กำลังมองหาผู้ซื้อที่เหมาะสมที่สุดหากขายได้ทั้งหมดปัญหาด้านเงินทุนของบริษัทจะได้รับการแก้ไข” หลินเหว่ยเย่พูดอย่างขาดความมั่นใจอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งวงการเป็นแบบนี้ใครจะซื้อได้?
ทันใดนั้นแววตาของหลินซีเหวินก็เป็นประการ “แด๊ดดี้ คนที่แด๊ดดี้เคยคิดว่าจะเป็นผู้ซื้อคงไม่ใช่หลงถิงนะคะ?”
คำพูดนั้นกระทบเข้าไปในหัวของหลินเหว่ยเย่อย่างจัง!
เธอสามารถคาดการณ์ได้ถึงขั้นนี้เลยเหรอ?
เมื่อเห็นเขามีปฏิกิริยาแบบนี้ หลินซีเหวินยิ่งมั่นใจ มุมปากเธอยกยิ้มอย่างไม่เต็มที่นัก “แต่ทำไมแด๊ดดี้ถึงไม่ได้คิดว่าเขาไม่สามารถจะทำแบบนั้นได้แล้ว”
หลินเหว่ยเย่แทบจะหดหู่ “ซีเหวิน ทำไมลูกยิ่งพูดจายิ่งไม่มีสัมมาคารวะ? ลูกกำลังพูดกับใครอยู่น่ะ?”
หลินซีเหวินหัวเราะหึ ๆ “ไม่ให้หนูพูด? ถ้าไม่พูดให้เข้าใจแล้วจะแก้ปัญหายังไงคะ?”
“ได้ ลูกพูด มีวิธีอะไร” หลินเหว่ยเย่หมดหนทางจะจัดการกับลูกสาว ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่อยากคิดร้ายกับเธอ
“ถ้าขายพวกมันออกไปทั้งหมดก็พอใช่ไหมคะ?” หลินซีเหวินไม่ได้รู้สึกถึงคุณค่าใด ๆ ของสิ่งของล้ำค่าเหล่านี้ เธอเพียงต้องการจะหาเงิน
“ใกล้เคียง แต่ราคาจะต้องไม่ต่ำเกินไป” หลินเหว่ยเย่ย้ำอย่างปวดใจ
หลินซีเหวินกัดฟันของเธอ
อยากจะให้ม้าวิ่ง แต่ไม่อยากจะให้ม้ากินหญ้า ฝันไปรึเปล่า
“หนูคิดหาวิธี แต่ปัญหาของบริษัทหลินซื่อ ภายในบริษัทหลินซื่อจัดการ แด๊ดดี้อย่ายุ่งกับแผนการของสามีหนู” หลินซีเหวินกลัวว่าผู้เป็นพ่อจะวางแผนและหลงจื๋อต้องทนทุกข์ จึงต้องปกป้องเขาทุกทาง
หลินเหว่ยเย่รู้ซึ้งแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าลูกผู้หญิงแต่งออก!
เขาโกรธจนไม่มีอะไรให้โกรธ “ได้”
เมื่อคำพูดถูกพูดออกไปแล้ว ในใจหลินซีเหวินกลับยังไม่รู้จะทำยังไง
สิ่งของมากมายขนาดนั้น คิดคำนวณแล้วมูลค่าต้องมีเป็นพันล้าน ใครจะมาซื้อพวกมัน? ซื้อไปก็มีแต่ขาดทุน
หัวโต
หลินซีเหวินกลับเข้าไปดูคุณนายหลิน เธอตื่นแล้ว
“หม่ามี๊ พักผ่อนให้ดี ๆ หนูกลับก่อน หนูจะหาทางแก้ไขปัญหาที่บ้าน หม่ามี๊ไม่ต้องกลัวนะคะ”
คำสัญญาที่น่าเชื่อถือของหลินซีเหวิน ทันใดนั้นมันทำให้เธอเติบโตจากเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ กลายเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถอยู่คนเดียวได้
การเปลี่ยนแปลงของเธอทำให้เธอตกใจดีใจและเป็นทุกข์
“ซีเหวิน หนูมีวิธีอะไร? มันเป็นจำนวนไม่น้อยเลยหนูรู้ไหม?” คุณนายหลินพยายามจะลุกขึ้นนั่งแต่ถูกหลินซีเหวินกดไหล่ไว้
“หม่ามี๊ มันต้องมีหนทางค่ะ ดูว่าพวกเราจะทำอะไรได้ แต่หนูจะไม่เป็นเหมือนแด๊ดดี้กับหม่ามี๊ค่ะ”
ทัศนคติที่เธอมีต่อแด๊ดดี้และหม่ามี๊ เรียกได้ว่าตีกลับไปร้อยแปดสิบองศา
เมื่อก่อนทั้งรักและเคารพ ตอนนี้ทั้งผิดหวังและไม่พอใจ
เธอไม่อยู่กินข้าว หลินซีเหวินขับรถออกไปจากวิลล่าโรมัน
แต่ว่า เธอจะไปหาใครได้?
เธอจะคิดหาทางยังไง?
หลงจื๋อเหรอ?
เขาจะมีเงินเยอะขนาดนั้น?
สูบเลือดเขาจนหมดเขาก็ยังไม่เงินเยอะขนาดนั้น นับอะไรกับหลงถิง…
หลินซีเหวินก้มหัวหนัก ๆ ของเธอลงไปที่พวงมาลัย เข้าสู่ความหมดหนทางและยุ่งเหยิง
เธอกรองทุกรายชื่อที่รู้จักและคนที่จะมีเงินอยู่หนึ่งรอบ หลินซีเหวินพบว่ามีเพียงคนเดียว…
ผ่านไปนาน เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และจ้องไปที่สมุดรายชื่อที่ใช้สัญลักษณ์ใบพัดอากาศ “พี่ใหญ่หลงเซียว” สี่คำนี้
หรือว่าจะต้องไปถึงขั้นนั้นแล้ว?
หลังจากครุ่นคิดอยู่นานหลินซีเหวินก็ไม่ได้โทรออก แต่หมุนกุญแจรถและตั้งพิกัดไปที่อาคาร MBK
……
“ท่านเซียว ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและความช่วยเหลือ ผมมีผลลัพธ์ปัจจุบันได้ ล้วนเป็นเคล็ดลับที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดของคุณ!”
ในสาย น้ำเสียงของจ้าวไห่เซิงแทบจะไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นของเขาไว้ได้
หลงเซียวกลับมีสีหน้านิ่งไร้อารมณ์ “ความสามารถของประธานจ้าวนั้นโดดเด่นและเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหลงเซียวสักนิด”
จ้าวไห่เซิงมีกึ๋นไม่เบา เขาสามารถตัดโซ่ทุนของบริษัทหลินซื่อให้ขาดได้ ไร้ความปรานีจริง ๆ
แม้แต่หญิงสุดแกร่งที่เป็นประธานบริษัทหลินซื่อยังสามารถโกรธจนเป็นลมล้มพับในห้องทำงานได้ ทำให้เขาจะต้องมองในมุมใหม่จริง ๆ
“ไม่ ๆ ๆ จะพูดแบบนั้นไม่ได้ ผมสามารถเข้าไปในบริษัทหลินซื่อได้ ล้วนเป็น…” จ้าวไห่เซิงตื่นเต้นเกินไปจนเกือบจะพูดมันออกมาทั้งหมด
การคุยโทรศัพท์ครั้งนี้ เขาอยากจะขอบคุณหลงเซียวที่ช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนคนทางนั้นจะไม่ได้คิดแบบนี้
หลงเซียวพูดอย่างเรียบเฉย “ประธานจ้าว การทำธุรกิจไม่ใช่การทำเพียงครั้งเดียว อนาคตยังอีกยาวไกล ตัดแหล่งที่มา เงินก็จะหายไป”
“ใช่ ๆ ๆ ท่านเซียวคุณพูดถูก ก่อนที่ผมจะควบคุมทุกอย่างในบริษัทหลินซื่อ จะต้องระวัง”
หึ!
เมื่อวางโทรศัพท์หลงเซียวก็ขมุบขมิบที่มุมปาก
โลภมากลาภหาย ยังคิดจะฮุบบริษัทหลินซื่อ? ไอ้จ้าวไห่เซิงคนนี้คิดจะเอาให้สุดไปเลย
ตอนนี้เอง โทรศัพท์ภายในดังขึ้นจากโต๊ะเลขา
“ท่านประธานคะ คุณหลินซีเหวินทายาทบริษัทหลินซื่อขอเข้าพบค่ะ คุณจะพบไหมคะ?”
หลงเซียวละสายตาไปจากโทรศัพท์ที่มีหน้าจอสีดำ เขาไม่ได้คาดหวังว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ “ให้เธอเข้ามา”