คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 416 เธออยู่ข้างๆ กำลังนอนหลับอย่างสบาย
ตอนที่ 416 เธออยู่ข้างๆ กำลังนอนหลับอย่างสบาย
ตอนที่หยวนชูเฟินกลับมาถึงที่วิลล่ามันก็ดึกมากแล้ว เธอก้าวลงจากรถ เดินโซเซไปมา ระหว่างทางยังได้ยินเสียงเธอสะอื้นร้องไห้อีกด้วย
เสียงสะอื้นของเธอฟังแล้วช่างดูน่าสงสารเหลือเกิน
หยวนชูเฟินกลับมาด้วยสภาพแบบนี้ คนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงอย่างหลงถิง หลงยี่ โจวหยู่เช่น ต่างก็ตื่นตกใจกับภาพที่เห็น พอเห็นภรรยาเดินร้องไห้กลับมา หลงถิงก็วางนิตยสารลง แล้วหันมามองเธอ
ท่าทางที่เย็นชามากับน้ำเสียงที่ฟังดูหงุดหงิด “มีอะไรอีก? ดึกๆ ดื่นๆ ยังร้องไห้อะไรอีก?”
หยวนชูเฟินไม่ได้ตอบเขา แต่กลับร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม “มันช่างน่าหดหู่ยิ่งนัก น่าหดหู่จริงๆ”
พอพูดคำว่าหดหู่ไปสองครั้ง หยวนชูเฟินก็ทรุดลงกับพื้น เอามือปิดหน้า แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาไม่หยุด ตาสองข้างที่บวมอยู่ก่อนแล้วตอนนี้มันยิ่งบวมแดงมากยิ่งขึ้นไปอีก
โจวหยู่เช่นกับหลงยี่หันมาสบตากัน แล้วรีบไปนั่งลงตรงข้างๆ ของหยวนชูเฟิน ถามไปอย่างเป็นห่วงว่า “อาสะใภ้สองคะ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงต้องร้องไห้ขนาดนี้? ร้องจนตาแดงหมดแล้วนะคะ ใครเป็นคนทำให้อาต้องเสียใจขนาดนี้คะ?”
หยวนชูเฟินเห็นโจวหยู่เช่นแสร้งเข้ามาปลอบเธอ เธอจึงเอาหน้าซุกเข้าไปในอ้อมอกของเธอ แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด “เช่นเช่น เธอนี่แหละที่รู้เรื่อง ช่างรู้เรื่องอะไรอย่างนี้ ผู้หญิงที่หลงเอ๋อของเราไปเอามา……มันช่าง……น่าหดหู่ยิงนัก”
เธอไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม ได้แต่พูดวนอยู่อย่างนั้น นั่นยิ่งเพิ่มความสงสัยให้คนพวกนั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก
โจวหยู่เช่นแอบมองท่าทีของหลงถิง แล้วพูดออกมาอย่างอ่อนโยนว่า “อาสะใภ้สองคะ พูดมีซิคะว่าเกิดอะไรขึ้น ลั่วหานทำให้อาเสียใจใช่ไหมคะ?”
ลั่วหานเหรอ?
เสียงรบกวนจากห้องโถงดังไปทั่ว จนหลงจื๋อต้องเดินออกจากห้องมา แล้วเห็นเข้ากับภาพที่เกิดขึ้น หยวนชูเฟินกำลังร้องไห้ฟูมฟาย และในน้ำเสียงยังแฝงด้วยความไม่รักดีของลูกสะใภ้
สองมือของหลงจื๋อล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็เดินลงบันไดมา ไม่ได้ถามอะไร เพียงแค่รอดูว่าเธอจะพูดอะไรออกมา
ความอดทนของหลงถิงมีจำกัด ไม่รอเธอหยุดร้องไห้ เขาจึงได้ถามไปว่า “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พูดมา สะใภ้ของหลงเซียวมันทำอะไรเธอ”
ดวงตาที่บวมปูดของหยวนชูเฟินกำลังมีน้ำตาไหลรินลงมา เช็ดยังไงก็เช็ดไม่หมด ด้วยมือที่กำลังสั่นรัว “วันที่หลงเอ๋อไปเมืองเจียงเฉิง ฉันก็เป็นห่วงว่าลั่วหานต้องอยู่คนเดียว ฉันจึงไปเยี่ยมเธอ แต่ใครจะไปรู้หล่ะว่าเธอจะพูดว่า ฉันตั้งใจไปกีดกันพวกเขา เลยตั้งใจส่งหลงเอ๋อไปที่เมืองเจียงเฉิง แล้วยังถามฉันอีกว่า……ฮือๆ อยากจะแยกพวกเขาออกจากกันเหมือนตอนนั้นใช่ไหม? ผู้หญิงคนนี้……กลับรื้อฟื้นเรื่องพวกนั้นขึ้นมาอีกแล้ว……”
ยิ่งเธอพูดมากก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น สุดท้ายก็แทบจะล้มฟุบลงกับโซฟาไปเลย “ไม่คิดเลยว่าเธอยังจะโกรธเกลียดฉันเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่ มันทำให้ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไปแล้ว”
“ครั้งนี้ที่หลงเซียวต้องไปที่เมืองเจียงเฉิง ไปทีก็ตั้งหลายวัน ฉันรู้ดีว่าเธอต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะเอามันมาระบายกับฉันแบบนี้”
“อีกอย่าง ตอนนี้หลงเอ๋อก็ยังเป็นประธานของMBK บริษัทของเธอถูกคนอื่นรังแก แต่เธอกลับโบ้ยมาที่ฉัน ฉันเป็นแค่แม่บ้านธรรมดาคนหนึ่ง แล้วฉันจะไปรู้เรื่องธุรกิจได้ยังไงหล่ะ”
หยวนชูเฟินพูดอยู่นาน ในที่สุดก็วกเข้าหาหลงเซียวจนได้ และมันก็ดูเหมือนเป็นแค่การถกเถียงกันของผู้หญิงสองคนเท่านั้น แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย
“อาสะใภ้สองคะ อาหยุดร้องเถอะค่ะ ผู้หญิงอย่างลั่วหานมันก็เกินไปจริงๆ การที่หลงเซียวต้องไปเมืองเจียงเฉิงนั้นอาสองเป็นคนสั่งไปเอง มันเป็นเพราะหน้าที่การงานหนิคะ”
หลงยี่เม้มปาก จากนั้นก็แสร้งทำเป็นเข้ามาพูดบ้างเหมือนกัน “อาสะใภ้สองครับ อาอย่าไปใส่ใจผู้หญิงอย่างนั้นเลยครับ คนอย่างฉู่ลั่วหานมีค่าอะไร? ก็แค่ของเล่นของหลงเซียวเท่านั้นเอง!”
หลงจื๋อสบถออกมา “พี่ครับ คำพูดแบบนี้ของพี่ผมฟังแล้วไม่ชอบใจเลยครับ! และผมคิดว่าพี่ใหญ่ยิ่งต้องไม่ชอบแน่เลยครับ!”
หลงจื๋อรีบเงยหน้าขึ้น ตกใจเมื่อได้เห็นหลงจื๋อยืนอยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
แววตาของหลงถิงดูโมโหมากกว่าตอนแรกอีก จากนั้นก็ “ปั้ง” ตบมือลงบนที่จับโซฟา “เหลวไหล!! มันเป็นแค่ผู้หญิง! จะไปรู้เรื่องอะไร! เรื่องนี้ถือว่าจบเท่านี้ ห้ามใครพูดถึงมันอีก!”
เขาทำให้เสียงร้องไห้ของหยวนชูเฟินหยุดลงในทันที ในห้องโถงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
แต่หลงจื๋อกลับกำหมัดแน่น เพราะพี่ใหญ่สูญเสียตำแหน่งประธานในบริษัทไปชั่วคราว ก็มีคนกล้าแอบมารังควานบริษัทของพี่สะใภ้เหรอนี่?
และที่สำคัญคือ……พอคิดถึงเรื่องนี้หลงจื๋อก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา เขาต้องหาทางทำให้พี่ใหญ่กลับมาให้เร็วที่สุดให้ได้
พอคนอื่นไปแล้ว หลงจื๋อก็เข้าไปพยุงหยวนชูเฟิน ระหว่างพวกเขาสองคนไม่ค่อยมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันสักเท่าไหร่ หลงจื๋อก้มหน้าลงอย่างเกรงๆ “แม่ครับ แม่สบายใจได้เลยครับ ผมจะคืนตำแหน่งให้พี่ใหญ่แน่นอน ผมไม่เคยคิดที่จะแย่งอะไรจากพี่ใหญ่เลยครับ ของของพี่ใหญ่ ยังไงมันก็เป็นของพี่ใหญ่ครับ”
หยวนชูเฟินเช็ดน้ำตาออก กำมือของหลงจื๋อ จากนั้นก็พยักหน้า “หลงจื๋อ เมื่อก่อนแม่ทำกับเธอ……เฮ้อ ขอบคุณเธอมากเลยนะ แม่เองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน แม่ไม่คิดเลยว่าพี่สะใภ้เขาจะ……”
“แม่ครับ แม่ไม่ต้องทำอย่างนี้หรอกครับ ผมรู้ว่าพี่สะใภ้ไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอก”
เขาเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มันอาจจะจริง แต่เรื่องที่ไม่จริงน่าจะมีมากกว่านะ?
___
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องให้ท้องฟ้าฝั่งตะวันออกสว่างขึ้น เมืองหลวงถูกทะเลหมอกปกคลุมเอาไว้ ทำให้เมืองที่แสนวุ่นวายนี้ดูสดชื่นขึ้นมาเลย
เช้าตรู่ค่อยๆ สว่างขึ้นย้อมท้องฟ้าอันสวยงามฝั่งตะวันออกให้งดงามดั่งภาพวาด
ถังจิ้นเหยียนตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ หลังเหงื่อออกมาทั้งคืน ตอนนี้ไข้ของเขาลดลงแล้ว เหลือเพียงแค่ความอ่อนเพลียเท่านั้น เขาเปิดผ้าห่มออก หรี่ตามองไปยังโซฟาที่อยู่ในห้อง แล้วต้องชะงักกับสิ่งที่เห็น
บนโซฟา ลั่วหานนอนขดตัวด้วยขาที่เรียวยาวอยู่ตรงนั้น หัวหนุนอยู่บนหมอน โดยมีผ้าห่มแฟลนเนลคลุมอยู่ ผ้าห่มสีครีมช่างดูอบอุ่นเหลือเกิน บวกกับไอแดดที่สาดส่อง ย้อมสีของผ้าห่มจนทำให้ผิวของเธอดูอบอุ่นมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ว่า ลั่วหานกลับเป็นคนที่นอนไม่ค่อยเรียบร้อย ผ้าห่มผืนออกจะใหญ่กลับถูกเธอเปิดออกเกินครึ่ง ส่วนใหญ่ก็ลงไปกองอยู่กับพื้น เหลือแค่ส่วนเล็กที่เธอใช้มือทับไว้ตรงหน้าท้องเพียงเท่านั้น
พอเห็นท่านอนของเธอแล้ว เขาก็ทนไม่ไหวต้องขำออกมา
โบราณว่าไว้ ถ้าไม่มีเรื่องทุกข์ใจเราก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบาย เธอเองก็คงกำลังเป็นอย่างนั้นอยู่สินะ นอนหลับอย่างสบายใจ ตื่นมาพร้อมกับรอยยิ้ม ท่องอยู่ในความฝันที่แสนหวาน ไม่มีใครมาทำให้กลัว
ขนาดลั่วหานที่นอนอยู่บนโซฟานั้นดูหลับลึกมาก และถังจิ้นเหยียนเองก็ทำตัวเงียบที่สุดแล้ว แต่เธอก็ยังตื่นจนได้
“จิ้นเหยียน? คุณลุกขึ้นมาทำไมคะ? ดีขึ้นบ้างไหม?” เธอเปิดผ้าห่มออก ตายังปรืออยู่เลย
ถังจิ้นเหยียนยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ทำให้ใบหน้าของเขาดูน่าหลงไหลยิ่งนัก “ครับ ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ถ้าผมยังไม่ดีขึ้นละก็คนต่อไปที่จะทรุดลงคงจะเป็นคุณแล้วหล่ะครับ แล้วทำไมถึงไปนอนอยู่บนโซฟาได้หล่ะครับ? ข้างๆ ก็มีห้องว่าง อันที่จริง ตอนนี้ผมกับเจิ้งซิ่วหยาไม่ได้นอนห้องเดียวกัน ห้องข้างๆ ถึงจะเป็นห้องของผมจริงๆ ครับ”
หือ?
ยังเช้าอยู่เลย มาอธิบายแบบนี้มันจำเป็นด้วยเหรอ?
ลั่วหานเบะปาก พับผ้าห่มแล้วเอาไปเก็บไว้ในชั้น “อุตส่าห์ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วยังต้องแยกกันนอนอีกเหรอคะ? จิ้นเหยียน คุณนี่มัน……ฝึกฝนได้ดีจริงๆ!”
ถังจิ้นเหยียนค่อยๆ ก้าวเท้าไป พยุงตัวเองออกจากห้องนอนไป “เมื่อคืนเธอไม่ได้กลับมาเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ ฉันว่าที่โรงพักคงจะยุ่งมากแน่ๆ เลย ถึงไม่ได้กลับมาทั้งคืนเลย เมื่อคืนก็โทรมารอบหนึ่งแล้วค่ะ บอกว่าจะไปหาหลักฐานที่ไหนไม่รู้”
“คุณหิวรึยังครับ? ในห้องครัวมีแปรงสีฟันใหม่อยู่ เดี๋ยวผมไปเตรียมอาหารเช้าให้นะครับ” ถังจิ้นเหยียนพูดจบก็จะไปห้องครัวเลย
“ฉันว่าไม่ต้องก็ได้มั้ง? ป่วยจนสภาพแบบนี้แล้วยังจะทำอาหารอีกเหรอคะ? คุณพักเถอะ เดี๋ยวฉันไปทำเอง คุณเป็นคนไข้ คนไข้ต้องพักผ่อน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเองค่ะ OK?”
ถังจิ้นเหยียนก็ไม่ได้ปฏิเสธ ได้แต่พยักหน้าอย่างดูสง่า “ครับ”
ลั่วหานล้างหน้าแปรงฟันอย่างง่ายๆ จากนั้นก็ไปทำอาหาร
ถังจิ้นเหยียนมองดูเธอสวมผ้ากันเปื้อนจากนอกห้องครัว ร่างกายที่ผอมบางกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในห้องครัว โดยหันแผ่นหลังให้เขาในขณะที่เธอกำลังยุ่งอยู่
สิ่งที่เขาไขว่คว้ามาโดยตลอด ผู้หญิงคนที่เขาสามารถคิดถึงได้ทั้งวันทั้งคืน แล้ววันนี้เธอคนนั้นก็กำลังมาอยู่ในครัวของเขาแล้ว กำลังประกอบอาหารให้เขากิน ภาพแบบนี้เขาเคยจินตนาการมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
ไม่นึกเลยว่าหลังจากที่เขาตัดสินใจปล่อยมือ โชคชะตาก็ยอมให้เขาได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้จนได้
และในตอนนี้ ระหว่างทั้งคู่ก็ได้มีลำธารเส้นหนึ่งขวางกั้นอยู่ เธออยู่ใกล้มาก แต่ก็ไกลมากเหมือนกัน
ลั่วหานกำไข่ไว้ในมือ แล้วหันกลับมาถามเขาว่า “คุณชอบกินไข่เจียวหรือว่าไข่ดาวเหรอคะ?”
ถังจิ้นเหยียนอึ้งไปแป๊บหนึ่ง เขาเผลอคิดไปว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้เป็นภรรยาของตัวเอง เขาตื่นตระหนกแล้วเขาคิดมากไป มั่วแล้ว “คุณทำอะไรมาผมก็กินหมดแหละครับ”
“โอเคค่ะ งั้นก็ไข่ดาวแล้วกันนะคะ ฉันทำอาหารรสจางๆ ดีกว่า คุณลองไปวัดอุณหภูมิดูค่ะ ถ้ายังมีไข้อยู่เดี๋ยวฉันจะฉีดยาให้ใหม่ค่ะ”
ฉีดยาเหรอ?
ถังจิ้นเหยียน “……ไม่ต้องแล้วครับ ผมไม่มีไข้แล้ว”
___
ตอนเช้าของเมืองเจียงเฉิง แสงแดดพยายามที่จะเจาะทะลุก้อนเมฆออกมา แต่น่าเสียดายที่ต่อให้มันพยายามมากเพียงใดมันก็ยังเป็นแค่สภาพอากาศที่ไม่ดีเอาซะเลย
หลงเซียวที่แต่งตัวเรียบร้อยกำลังนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวที่ตั้งอยู่ในห้องนอน ใช้มือข้างหนึ่งวางไว้ตรงขมับในขณะที่กำลังอ่านเอกสารบางอย่างอยู่ เขาดูเหนื่อยล้า
เจิ้งซิ่วหยากุมขมับอย่างมึนๆ งงๆ พยายามลืมตาขึ้น แต่พอเธอลืมตาขึ้นมาเห็นหลงเซียว เธอก็ได้สติขึ้นมาทันที!
หมอกที่เต็มฟ้ากับสภาพอากาศข้างนอกที่อึมครึม แต่ข้างหน้าต่างที่เขานั่งอยู่กลับดูสดใสขึ้นมาทันที
เขาแค่นั่งอยู่อย่างนั้น แต่กลับแต่ก็ยังดูดีได้ขนาดนี้
“คุณหลงเซียวคะ……ทำไมคุณถึง……”
พอได้ยินเสียงเธอ หลงเซียวก็วางงานในมือลง ลุกขึ้นมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “คุณเป็นอะไรครับ?”
พอถูกเขาถามมาอย่างนี้ เจิ้งซิ่วหยาก็รู้สึกสะท้านไปทั้งตัว ยื่นมือมาเพื่อที่จะจับมือเขาไว้ แต่หลงเซียวก็เดินไปยกน้ำมาให้เธอ “เมื่อคืนตอนคุณอยู่ในงานดนตรีคุณดื่มเยอะไปหน่อย ตอนผมไปถึงคุณก็เมามากแล้ว”
เจิ้งซิ่วหยาเอามือกุมขมับและพยายามคิดทบทวน เธอดื่มจนเมาเหรอ?
“คุณมาด้วยเหรอคะ?” เจิ้งซิ่วหยารอคอยคำตอบของเขาด้วยสายตาที่เป็นประกาย
หลงเซียวพยักหน้า แล้วยืนน้ำให้เธอ “ครับ เมื่อคืนผมมีประชุม เลยไปสาย แต่คุณก็เมาแล้ว ถ้าจะส่งคุณกลับบ้านก็กลัวจะทำให้พ่อแม่ของคุณเป็นห่วง จึงต้องพาคุณมาที่โรงแรม คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ”
“ไม่เลยค่ะ!” เธอรีบตอบปฏิเสธไปในทันที แถมยังเอามือปิดปากแล้วแอบยิ้มด้วยซ้ำ “ฉันมีความสุขมากเลยค่ะ ที่คุณพาฉันมาที่ห้องของคุณ ฉันดีใจมากจริงๆ นะคะ……คุณ เมื่อคืนคุณอยู่ในห้องกับฉันตลอดทั้งคืนเลยเหรอคะ?”
อยู่กับเธอเหรอ? ฮึ!
“คุณดื่มมากไปผมกลัวกลางดึกคุณจะเป็นอะไรไป จึงเฝ้าอยู่ในห้องทั้งคืน คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ” หลงเซียวตอบไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เจิ้งซิ่วหยาถือแก้วที่หลงเซียวยื่นให้ด้วยความหลงใหล ทำเหมือนกับว่ามันยังหลงเหลือความอบอุ่นของเขาอยู่อย่างไงอย่างนั้น “ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ เมื่อคืนฉันไม่น่าดื่มเยอะขนาดนั้นเลย ทำให้อดสนุกกับงานดนตรีของเราสองคนเลย ต่อไปฉันจะไม่เป็นอย่างนี้อีกแล้วค่ะ”
หลงเซียวไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าต่อไปเธอจะทำตัวยังไง “ไม่ต้องใส่ใจไปครับ แค่คุณมีความสุขก็พอแล้วครับ ผมต้องไปประชุมที่บริษัทนะครับ แต่ผมได้บอกให้ทางโรงแรมเตรียมอาหารเช้าไว้ให้คุณแล้ว ทานอาหารเช้าก่อนค่อยกลับนะครับ”
คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คุณมีความสุขก็พอแล้ว คำพูดที่เรียบเฉยเหล่านี้เจิ้งซิ่วหยาสามารถแปลมันออกมาได้หลายร้อยความหมายเลย
เจิ้งซิ่วหยาดีใจจนดอกไม้ในใจบานสะพรั่งแล้ว “ค่ะ ฉันเชื่อฟังคุณค่ะ จะเชื่อฟังทุกอย่างเลยค่ะ”
หลงเซียวเก็บเอกสาร โลหะที่อยู่ในแขนเสื้อสะท้อนแสงออกมา “เชื่อฟังผมทั้งหมดเหรอ? เอาจริงเหรอครับเนี่ย?”
“ใช่ค่ะ! ฉันจะเชื่อฟังคุณทุกอย่างเลย! คุณพูดอะไรฉันเชื่ออย่างนั้น!”