คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 1170 ฉากจบ ปล่อยเรื่องในอดีตพัดผ่านไปกับสายลม
ตอนที่ 1170 ฉากจบ ปล่อยเรื่องในอดีตพัดผ่านไปกับสายลม
สามวันต่อมา ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย
ลั่วหานตรวจอาการเสร็จก็กลับห้องทำงาน ซึ่งระหว่างทางก็ช่วยสอนวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยให้กับนักศึกษาแพทย์ฝึกงานไม่กี่คนด้วย ซึ่งไม่กี่คนนั้นก็วิ่งเข้าแถวอย่างรีบร้อน เป็นหนึ่งแถวที่สวมชุดกราวน์สีขาวที่ถูกลมพัด
ตอนที่เดินมาถึงห้องทำงาน ลั่วหานหยุดฝีเท้าลง แล้วสายตาที่เฉยชาก็เหลือบมองเห็นโม่หรูเฟยที่อยู่เบื้องหน้า โม่หรูเฟยเองก็เผยสายตาตกใจเล็กน้อยเหมือนกัน โดยที่สีหน้ามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังจากหลบสายตาก็ปรับกลับมาเป็นเหมือนกัน
ลั่วหานเอาประวัติของคนไข้ยื่นให้กับเมิ่งชีโจว "เสี่ยวเมิ่ง พวกนายกลับไปรอฉันที่ห้องก่อน"
เมิ่งชีโจวยื่นมือรับ ตอนที่เงยหน้าขึ้นก็เหลือบเห็นโม่หรูเฟยเหมือนกัน ใบหน้านี้เคยปรากฏบนหน้าจอหลายครั้ง ถึงแม้จะผ่านไปแล้ว แต่ยังคงถูกนักข่าวหลายคนจำได้อยู่ แต่โม่หรูเฟยในเบื้องหน้าตอนนี้กับสาวงามบนโปสเตอร์มีความแตกต่างมาก
"ครับ คุณหมอฉู่"
เมิ่งชีโจวและนักศึกษาแพทย์ไม่กี่คนเดินจากระเบียงทางเดินไป ไม่นานเสียงฝีเท้าที่มีแรงก็หายไปจากหน้าประตูลิฟต์
กลุ่มคนหายไป ระเบียงทางเดินเหลือเพียงลั่วหานกับโม่หรูเฟยเพียงสองคน และบรรยากาศรอบข้างก็เริ่มเย็นเฉียบ ทั้งสองคนอยู่ตรงกลางระเบียงทางเดิน โดยที่ไม่มีใครก้าวเท้าก่อน
โม่หรูเฟยสวมชุดผู้ป่วย หน้าสด มีใบหน้ากังวล แถมมีขอบตาดำและเบ้าตาลึกจนมองเห็นได้ชัดเจน บนฝ่ามือของเธอมีร่องรอยแผลสีเขียวคล้ำของการฉีดน้ำเกลืออยู่ ขณะเดียวกันเธอก็กำมือเล็กน้อย และเอามือยัดใส่ในกระเป๋าเสื้อ เพราะเหมือนกับถูกลั่วหานเห็นแล้ว
หลังจากสบตากันอยู่สักพัก ลั่วหานเป็นคนเดินเข้ามาเบื้องหน้าหนึ่งก้าว แล้วเอาเครื่องมือฟังทางการแพทย์ยัดใส่ในกระเป๋าเสื้อขนาดใหญ่ด้านขวา โดยที่ไม่เอามือออกมาด้วย "คุณเป็นยังไงบ้าง?"
เหมือนกับคิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนเริ่มพูดก่อน โม่หรูเฟยอ้าปากมึนงงเล็กน้อย "อ่อ…..สบายดี"
ลั่วหานหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพยายามเผยท่าทางไม่ยั่วโมโหเธอ "ยุ่งอยู่ไหม? อยากไปดื่มกาแฟสักหน่อยไหม?"
โม่หรูเฟยกัดริมฝีปากเล็กน้อย โดยที่ในหัวสมองนึกถึงความแค้นระหว่างกันสองคนอย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่าเธอจะชวนตัวเองไปดื่มกาแฟหรอ? เธอไปได้หรอ? ฉู่ลั่วหานเป็นคนเจ้าบงการ เธอมีเป้าหมายอื่นด้วยหรือเปล่า?
เมื่อสังเกตท่าทาง ลั่วหานก็สามารถคาดเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เลยยิ้มจางๆ "โรงพยาบาลมีร้านกาแฟอยู่ข้างล่าง"
ความหมายคือมีคนสัญจรไปมา เธอคิดว่าฉันสามารถทำอะไรเธอได้หรอ?
สุดท้ายโม่หรูเฟยก็นั่งลงบนตำแหน่งติดหน้าต่างของร้านกาแฟ นอกหน้าต่างมีพันธ์ุไม้อุดมสมบูรณ์ในฤดูร้อน ต้นกุหลาบจันทร์เพาะปลูกเต็มพื้นที่ โดยตรงกลางมีดอกพุดซ้อนจำนวนมาก ดอกยังไม่ร่วงรา แต่ดอกสีขาวอันบริสุทธิ์ผลิบานระหว่างใบไม้เขียว ขนาดมีกระจกกั้นเหมือนกับสามารถได้กลิ่นหอมของดอกไม้อย่างนั้น
เธอยังจำได้ว่าฉู่ลั่วหานชอบดอกพุดซ้อนที่สุด ขนาดกลิ่นตัวบนตัวของเธอยังเป็นกลิ่นดอกพุดซ้อนจางๆเลย
ฮ่าฮ่า เธอนึกถึงเรื่องเหล่านี้ทำไมกัน?
"กาแฟของเธอ คาปูชิโน่เพิ่มนมสองเท่า ไม่ใส่น้ำตาล ใช่ไหม?"
อันที่จริงเมื่อก่อนนานมากแล้วทั้งสองคนเคยเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน เคยดื่มกาแฟด้วยกันหลายครั้งมากด้วย เพื่อรักษาสุขภาพร่างกาย โม่หรูเฟยเลยดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาลมาโดยตลอด ส่วนใหญ่จะเป็นเติมนม
โม่หรูเฟยยื่นมือรับแก้วกาแฟ แล้วข้นเบาๆ พร้อมกับก้มหน้ามองเงาของตัวเองจากข้างในแก้ว "อันที่จริงฉันก็ชอบดื่มหวานเหมือนกัน แต่เพราะเมื่อก่อนกลัวอ้วนเท่านั้น"
ลั่วหานยกแก้วกาแฟของตัวเองขึ้น แล้วยิ้มแย้ม โดยไม่ได้พูดอะไรเลย
โม่หรูเฟยเม้มปากจิบกาแฟหนึ่งคำ โดยที่มีสีหน้าตกใจช็อกมาก พร้อมกับจ้องมองลั่วหานที่อยู่ตรงข้ามด้วยสายตาแปลกใจขึ้น "เธอใส่น้ำตาลให้ฉันหรอ?"
ลั่วหานเป่ากาแฟของตัวเองเล็กน้อย พยักหน้าและพูดว่า "เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรอ?"
โม่หรูเฟยรู้สึกทิ่มแทงใจมาก เลยวางกาแฟลงไม่ดื่มอีก "คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าเธอจะเข้าใจฉันมากขนาดนี้"
ยิ่งคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่เธอถูกญาติพี่น้องตีตัวออกห่าง คนที่มาดื่มกาแฟกับเธอจะเป็นฉู่ลั่วหาน
ตอนนี้เธอเป็นนักโทษผู้ต้องขังเท่านั้น ทั้งสองคน……
ไม่อยากหวนนึกถึงอดีตอันน่าเจ็บปวด
ไม่นานพนักงานบริการก็เดินมาเสิร์ฟขนมหวานสองจาน จานแรกเป็นเค้กชาเขียวมัจฉะ จานที่สองเป็นเค้กช็อกโกแลต โดยวางเบื้องหน้าของลั่วหานและโม่หรูเฟย
"ฉันยังจำได้ว่า เธอกับฉันชอบกินขนมหวานเหมือนกัน" ลั่วหานหยิบมีดขึ้น แล้วเริ่มตัดส่วนของตัวเอง
โม่หรูเฟยก้มหน้าลง ขนมหวานเบื้องหน้ายิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดใจเกินต้านทาน
ใช่ อันที่จริงแล้วเธอชอบกินขนมหวานมาก แต่เธอเป็นคนอ้วนง่าย กินนิดเดียวก็อ้วน ถึงแม้จะกินของและปริมาณเหมือนกันกับลั่วหาน แต่ร่างกายของฉู่ลั่วหานไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แต่เธอกลับน้ำหนักขึ้น
สิ่งนี้ทรมานเธอมานาน และเธอก็เคยประชดประชันลั่วหานเพราะเรื่องนี้หลายครั้งมาก
"เมื่อก่อนไม่กล้ากิน ตอนนี้อยากกินก็กินไม่ได้" โม่หรูเฟยตัดเค้กขนาดเล็ก แล้วป้อนเข้าปาก รสชาติอันหอมหวานแผ่กระจายในลิ้น ชั่วพริบตากระตุ้นให้นึกถึงความทรงจำจำนวนมาก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เรียบง่ายและมีความสุข
แต่ตัวเองในตอนนั้นแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย
ตอนนี้เพิ่งรู้สึกว่า ตัวเองไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้น นั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต
ใครต่างก็เคยอายุยี่สิบปี วัยรุ่นวัยสดใส วัยไม่มีอะไรกังวล ไม่มีอะไรบังคับ ผ่อนคลายร่าเริง
เพียงแต่ตัวเองตอนอายุยี่สิบปีนั้น เป็นคนทะเยอทะยาน ต้องการให้โลกหมุนรอบตัวเอง และต้องทุกอย่างบนโลก
ต่อมาเพิ่งเข้าใจว่า การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขของตัวเอง คือการเก็บเกี่ยวทุกอย่างบนโลก น่าเสียดายก็คือเหตุผลหลายอย่างเป็นเพราะสำนึกส่ายเกินไป ตอนที่คิดอยากกลับไปแก้ไขก็ไม่สามารถย้อนอายุกลับคืนแล้ว
ถึงแม้ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดาย แต่โม่หรูเฟยก็ยังอ้าปากกินเค้กรสชาติหวาน เมื่อลิ้นถูกรสชาติหวานสัมผัส ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นทันที "อร่อยมาก ขอบคุณ"
ลั่วหานเอาเค้กส่วนของตัวเองวางในจานของเธอ "เมื่อก่อนเธอชอบกินของของฉัน ลองชิมดูสิเค้กของฉันอร่อยกว่าหรือเปล่า"
เมื่อก่อน ตอนที่ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันนั้น หากลั่วหานซื้อเสื้อที่ตัวเองชอบได้ โม่หรูเฟยก็จะสวมเสื้อก่อนเธอเสมอ ทั้งสองคนซื้อกระเป๋าและเครื่องประดับแบบเดียวกันจำนวนไม่น้อยเลย บางครั้งลั่วหานซื้อกระเป๋าใบสองพัน เธอก็จะซื้อใบสองหมื่น ซึ่งเป็นกระเป๋าแบบเดียวกัน แต่คุณภาพดีกว่าของลั่วหานมาก
ต่อมา หลงเซียวก็ปรากฏ……
โม่หรูเฟยกินขนมเค้กในช้อนหมด และตักเค้กรสชาเขียวมัจฉะมากิน แต่เธอกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย "ฉันไม่ชอบรสชาตินี้"
แต่ลั่วหานกลับมีท่าทางดีใจมาก เหมือนกับว่าเธอกินขนมหวานที่ไม่ธรรมดา แต่เป็นอาหารล้ำค่าที่งดงามที่สุดในชีวิต "ดูเหมือนว่าของของฉันก็ไม่ได้ดีทั้งหมดเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไม่เหมาะกับเธอ จริงไหม?"
โม่หรูเฟยกัดช้อน แล้วกินเค้กต่อไป "เธอต้องการพูดอะไรกับฉันหรอ?"
คำพูดนี้เหมือนกับทำร้ายจิตใจของเธอ หากไม่พูดอธิบาย แล้วเธอจะปล่อยวางยังไง?
ลั่วหานยิ้มแย้ม "ตอนนี้เธอแก้ไขตัวเองแล้ว และไม่ทำเรื่องโง่อีก เดียวผ่านไปอีกไม่กี่ปีทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง ถึงตอนนั้นลูกสาวของเธอก็เติบใหญ่เหมือนกัน และเธอสามารถอยู่ด้วยกันกับเธอ ชีวิตยังสามารถเริ่มต้นใหม่ได้"
โม่หรูเฟยกินเค้กต่อไป แต่รอยยิ้มกลับเปลี่ยนเป็นเสียดสี "ฉู่ลั่วหาน เธอยังคงเป็นเหมือนเดิมเสมอ ใครก็พูดได้ เธอไม่เคยติดคุก แล้วเธอจะเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง?"
ลั่วหานอ่านความรู้สึกของเธอออก แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร "ฉันไม่เคยติดคุก แต่ฉันนอนพิงอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบปี ทั้งร่างกายขยับตัวไม่ได้ ฉันยังเสียโฉม สูญเสียทุกอย่าง ซึ่งพอๆกับเธอเลย"
"……" โม่หรูเฟยนิ่งเงียบชั่วขณะ และไม่ขยับตัวอยู่หลายนาที
"ถ้าหากเธอชอบกิน ต่อไปฉันจะเอาไปฝากเธอ" ลั่วหานไม่พูดหัวข้อเรื่องที่ทั้งสองคนไม่สบายใจแล้ว
โม่หรูเฟยเองก็ยิ้มและพูดว่า "เธอดูฉันสิ?"
นึกถึงเรื่องตลกที่พี่น้องชอบเล่นกัน หากเธอติดคุก ฉันจะส่งอาหารกล่องให้กับเธอ!
คิดไม่ถึง……
"เธอไม่อยากให้ฉันไปหรอ? ถ้าไม่อยาก ฉันไม่ไปก็ได้" ลั่วหานรู้ว่าเธออยากให้ตัวเองไปแน่ เพราะนอกจากเธอแล้ว เหมือนกับไม่มีคนไปเยี่ยมเธอแล้ว
เธอเคยได้ยินมาว่า พ่อแม่ของโม่หรูเฟยพาเด็กไปจากเมืองหลวงแล้ว เหมือนกับต้องการตัดขาดกับลูกสาวคนนี้ด้วย
"ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ในเมื่อเธออยากมาเยี่ยมฉัน รบกวนช่วยส่งอย่างอื่นมาให้ฉันด้วย"
"เธอยังต้องการอะไรอีกหรอ? หากสามารถเอาไปได้ ฉันจะพยายามเอาไปให้เธอนะ"
กฎระเบียบข้างในเข้มงวดมาก มีสิ่งของหลายอย่างไม่สามารถพาไปได้
โม่หรูเฟยครุ่นคิดสักพัก แล้วยื่นมือลูบจอนผมอันสั้นเล็กน้อย "ส่งหนังสือให้ฉันหน่อย เมื่อก่อนฉันไม่ตั้งใจเรียน พึ่งพาแต่ความสวยของตัวเอง เพราะครอบครัวไม่ขาดแคลนเรื่องเงิน เลยคิดว่าสามารถสุขสบายตลอดชีวิต ต่อไป….."
"ได้สิ!"
นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เธออยากเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ดังนั้นทักษะพื้นฐานขาดไม่ได้
ลั่วหานรู้สึกดีใจที่ชวนโม่หรูเฟยดื่มกาแฟ ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่รู้ว่าตอนนี้โม่หรูเฟยเปลี่ยนแปลงมากแล้ว
ในเมื่อเธอคิดได้แล้ว เช่นนั้นปล่อยเรื่องในอดีตพัดผ่านไปกับสายลมเถอะ!
หลังจากพบกับโม่หรูเฟยเสร็จ ลั่วหานก็กลับห้องทำงาน และพบว่าการประชุมใกล้จบแล้ว
เมิ่งชีโจวชี้บนนาฬิกาข้อมือด้วยสีหน้าจนปัญญา "อาจารย์ฉู่ครับ คุณออกไปหนึ่งชั่วโมงเต็มเลยนะครับ"
ลั่วหานหันหน้ามองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง แล้วพยักหน้าหัวเราะเล็กน้อย "ดูเหมือนว่าเวลาบนนาฬิกาของพวกเราสองคนตรงกัน"
ชั่วพริบตาเมิ่งชีโจวและนักศึกษาแพทย์ฝึกงานไม่กี่คนที่อยู่ในห้องประชุมก็หัวเราะดังขึ้น และไม่มีอารมณ์ทะเลาะกันเลย!
หลังจบการประชุม พวกเขาก็ทำการผ่าตัดต่อเส้นเลือดกับผู้ป่วยโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิดคนหนึ่ง การผ่าตัดประเภทนี้ลั่วหานแทบไม่ทำการผ่าตัดแล้ว แต่เพื่อชี้แนะแก่นักศึกษาแพทย์ฝึกงาน เลยต้องลงมือผ่าตัดด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันก็ให้พวกเขาปฏิบัติด้วย
ในบรรดานักศึกษาฝึกงานไม่กี่คนนั้น เมิ่งชีโจวเป็นคนที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่สุด ลั่วหานเลยตั้งใจสั่งสอนเขาเป็นพิเศษ
"เสี่ยวเมิ่ง เดียวนายมาเป็นผู้ช่วยของฉันนะ"
เมิ่งชีโจวยักคิ้วเล็กน้อย แล้วก้มโค้งแสดงท่าทางทำความเคารพเกินจริงขึ้น "ขอรับ!"
ถึงแม้มีคุณสมบัติเพียบพร้อม แต่เด็กคนนี้อวดดีมาก โดยเฉพาะปากนั่น เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ก็สามารถมัดใจพยาบาลแผนกหัวใจหลายคนแล้ว
ลั่วหานใช้ห้องผ่าตัดแรก ส่วนถังจิ้นเหยียนใช้ห้องผ่าตัดที่สอง ทั้งสองคนพบกันโดยมิได้นัดหมายที่ตรงประตู พร้อมกับสวมชุดผ่าตัดเรียบร้อย
ถังจิ้นเหยียนมองประเมินลั่วหาน แล้วยิ้มจางๆขึ้น "มาประลองกันไหมว่าใครเสร็จเร็วกว่ากัน?"
ลั่วหานทำปากมุ่ย "ฉันไม่ประลองความเร็วกับคุณหรอก ไม่ใช่การแข่งขันวิ่งหนึ่งร้อยเมตรสักหน่อย"
เมิ่งชีโจวกระโดดออกมาทันที แล้วยิ้มแย้มทักทายถังจิ้นเหยียน "รองคณบดี พวกเรามาประลองหน้าตากันดีกว่า! ในห้องของพวกผมล้วนเป็นสาวสวยหนุ่มหล่อหมดเลย!"
ถังจิ้นเหยียนรู้จักเป็นอย่างดี เลยพูดอย่างถ่อมตัวว่า "เรื่องนี้คงประลองไม่ได้หรอก คุณหมอฉู่ของพวกคุณคนเดียวก็บดบังความสวยของพวกเราครึ่งโรงพยาบาลหวาเซี่ยแล้ว"
"ฮ่าฮ่า!" เมิ่งชีโจวยังไม่พอใจเลยพูดต่อว่า " รองคณบดี ผมได้ยินมาว่าเมื่อก่อนคุณตามจีบคุณหมอฉู่หรอ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ?"
ลั่วหานเหยียบเท้าของเขาหนึ่งที "ตั้งใจผ่าตัดดีๆ มาสอบถามอะไร!"
ถังจิ้นเหยียนไม่ได้ถือสา แต่ยิ้มและพูดความจริงว่า "คุณหมอเมิ่งเป็นคนขี้สงสัยดีจังเลยนะครับ ผมคิดว่าเอาความสงสัยนี้ไปใช้ด้านการศึกษาจะดีกว่านะครับ ในอนาคตคงสามารถเป็นหมอที่ดีอย่างคุณหมอฉู่ได้แน่"
พูดจบ ถังจิ้นเหยียนก็เดินเข้าห้องผ่าตัด ส่วนลั่วหานแอบยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปเหมือนกัน
เมิ่งชีโจวรู้สึกว่าคำพูดนี้แทงใจดำมาก โธ่ รองคณบดีนี่ก็ปากร้ายเหมือนกันนะเนี่ย!
ทำได้แน่นอน เขาต้องพยายาม!