บทที่ 4 จูบเขาอย่างดูดดื่ม
เมื่อได้ยินเสียงหนักแน่นของฉือฮวน สืออวี่ไป๋ก็หลับตาและกำหมัดแน่น
ร่องรอยความเจ็บปวดแล่นผ่านแววตาของชายหนุ่ม
“สืออวี่ไป๋ ถึงคุณจะไม่ยกโทษให้ฉัน แต่ต้องให้สือเยี่ยนกินข้าวฝีมือฉันนะ”
“คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็น คุณจะทนให้เขาอดอาหารได้ยังไง?”
“วันนี้ฉันเพิ่งทำอาหารเป็นครั้งแรก แล้วก็อยากคุยกันดี ๆ แต่ไม่เคยคิดว่าเฉิงจื่อเฉียนจะมาพูดแบบนี้”
“สิ่งที่เขาพูดล้วนไม่จริง! ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้น…”
‘แอ๊ด!’ ประตูเปิดออกพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาของสืออวี่ไป๋ยื่นออกมา
“…เอามานี่”
เสียงของเขาแหบพร่าขณะกล่าวเช่นนั้น
ฉือฮวนรู้สึกดีจนตัวแทบลอย พลันยิ้มแป้น ดวงตาเปล่งประกายสดใสดั่งดาวดวงน้อย
หัวใจของสืออวี่ไป๋พลันเต้นผิดจังหวะไป ก่อนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
ฉือฮวนรีบยื่นถาดอาหารให้
สืออวี่ไป๋ก้มดูอาหารหมูตุ๋นสไลด์เป็นแผ่นบาง ๆ เคียงเครื่องด้วยไข่คนสีทองอร่ามดูนุ่มลิ้น และมันฝรั่งทอดราดซอส ไม่ว่าดูยังไงก็ไม่เหมือนฝีมือของฉือฮวน
จากนั้นเขาก็เงยหน้ามองเธอ
ฉือฮวนกำมือแน่นด้วยความวิตก
สืออวี่ไป๋เห็นตุ่มพองบนฝ่ามือของเธอซึ่งเกิดจากน้ำมันได้อย่างชัดเจน
ดวงตาคู่นั้นวูบไหว ก่อนนำถาดมาแล้วปิดประตูลงโดยที่ไม่เอ่ยอะไรอีก
ภายในบ้าน
สือเยี่ยนที่หิวโหยอยู่นาน ในที่สุดก็ได้กินข้าวเสียที เด็กน้อยหยิบช้อนขึ้นมา ตักข้าวเข้าปากทีละคำ
พอเอาเข้าไปในปากเขาก็หยุดกินไม่ได้เลย
ไข่นุ่มหยุ่นมีกลิ่นหอมกรุ่นน่าอร่อย มันฝรั่งทอดก็นุ่มลิ้น ทั้งเหนียวหนึบและเค็มพอดี แม้แต่หมูตุ๋นเนื้อบางก็อร่อยไม่น้อย อวี่ไป๋หยุดมองลูกชายกินข้าว หลังกินส่วนของตนเองไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
สือเยี่ยนหยุดกิน เม้มปากสีกุหลาบของเขา “พ่อครับ จะไม่อนุญาตให้แม่เข้ามาจริง ๆ เหรอ?”
“ข้างนอกนั่นก็หนาวเหลือเกิน ถ้าแข็งตายขึ้นมาจะทำยังไง?”
แม้ฉือฮวนจะไม่สนิทสนมกับลูกชาย แต่สือเยี่ยนก็ยังรักแม่ตนมาก ๆ
สืออวี่ไป๋หยุดชะงัก คำพูดของเฉิงจื่อเฉียนก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาในหัวครั้งแล้วครั้งแล้ว ทั้งโทสะและความอัปยศที่พลุ่งพล่านในใจทำให้เขากำหมัดแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด
“หลังจากกินข้าวเสร็จก็เข้านอนนะลูก เชื่อฟังพ่อนะ เด็ก ๆ ไม่ควรกังวลเรื่องของผู้ใหญ่หรอก”
“อื้ม!”
เด็กน้อยยังคงสวาปามอาหาร หลังรับประทานอาหารค่ำเสร็จ สืออวี่ไป๋ก็หยิบหนังสือมาเล่มหนึ่งจากบนโต๊ะและเริ่มอ่านให้สือเยี่ยนฟัง
ไม่นานสือเยี่ยนก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลังจากสดับเสียงหายใจของลูกชาย สืออวี่ไป๋ก็ยังนิ่งอยู่นาน
ทว่าภายในใจเขามีแต่ความเจ็บปวดจากการถูกทรยศ
เนื่องจากรสจูบที่ปลุกปั่นอารมณ์ร้อนแรงเมื่อครู่ ทำให้ชายหนุ่มค่อย ๆ ข่มใจทีละน้อย
……
ฉือฮวนกอดหัวเข่าพิงบานประตูเพื่อทำให้ตัวอบอุ่น
ถึงช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูร้อนแล้ว แม้อากาศในช่วงกลางวันจะร้อนอบอ้าว แต่ช่วงเช้าตรู่หรือพลบค่ำยังคงเย็นสบาย ฉือฮวนห่อตัวฟุบแก้มกับเข่า และผล็อยหลับไป
ต่อมา ขณะหญิงสาวกำลังนอนอยู่นั้น อุณหภูมิในร่างกายของเธอก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
พอตื่นขึ้นมา เธอพลันเห็นรูปแต่งงานเป็นสิ่งแรก
หญิงสาวในชุดเจ้าสาวดูเฉยชา ไร้รอยยิ้มบนใบหน้างาม ผิดกับรอยยิ้มบางบนใบหน้าหล่อเหลาของอวี่ไป๋ ทั้งดวงตาและเรียวคิ้วแฝงความอ่อนโยนไว้
ฉือฮวนผงะไป
แล้วก็พบว่าที่นี่คือห้องนอนของเธอกับสืออวี่ไป๋ ผ้าห่มขนเป็ดที่ ช่างนุ่มนิ่มและอบอุ่น มิน่าเล่าขนาดฝันของเธอยังหวานล้ำได้ถึงเพียงนั้น
ทันใดนั้น มีความเจ็บปวดแล่นสู่ปลายนิ้วเรียว และเมื่อก้มมองก็พบว่ามีพลาสเตอร์แปะบนตุ่มพอง
หัวใจของฉือฮวนรู้สึกถึงความอบอุ่นซึ่งท่วมท้นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง
หญิงสาวถูกปลุกจากภวังค์ด้วยเสียงเปิดประตูของผู้เป็นสามี สายตาหันมองตามทิศทางของเสียง
ฉือฮวนเม้มริมฝีปากสีแดง มองไปที่เขา “สืออวี่ไป๋ คุณ… พาฉันเข้ามาเหรอ?”
“แถมยังแปะพลาสเตอร์ให้ฉันด้วย?”
น้ำเสียงของเธอฟังดูยากจะเชื่อ
สืออวี่ไป๋มองหญิงสาวและเตรียมจะผละออก
“หลังอาหารเช้า เราจะไปที่สำนักกิจการพลเรือนกัน” สืออวี่ไป๋กล่าวเสียงเฉยชา ก่อนเดินออกไป
ฉือฮวนซึ่งกำลังครุ่นคิดโพล่งขึ้นมา “ฉันไม่ไป!”
“ฉันไม่ต้องการหย่าด้วย”
ฉือฮวนกระโดดลงจากเตียง เธอกัดปาก และบีบน้ำตา
ความทรงจำในอดีตหวนกลับมาทันที
หลังจากหย่าร้างกับอวี่ไป๋ ฉือฮวนจึงรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่หนุ่มเหลาะแหละ แต่เป็นนักธุรกิจหนุ่มมากความสามารถ
ตอนนี้คือปี 1982 ซึ่งธุรกิจส่วนตัวยังไม่เป็นที่นิยมนัก
และเพื่อตอบสนองตัณหาของเธอ อวี่ไป๋ถึงกับยอมเจียดเงินออมมาซื้อของฟุ่มเฟือยมาประเคนให้กับเธอ
หลังจากที่เขาหาเงินได้มากมาย ชายหนุ่มก็ขายเครื่องเรือนชิ้นแล้วชิ้นเล่า จนกระทั่งได้เงินเป็นกอบเป็นกำ
ด้วยสัญชาตญาณของนักธุรกิจไฟแรง ได้ผลักดันให้อวี่ไป๋กลายเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ
กระทั่งแฟนคลับของชายหนุ่มยังกล้าเรียกเขาว่า ‘แด๊ดดี้สือ’ อย่างคลั่งไคล้
เมื่อก่อนเธอช่างโง่เหลือเกินที่ปล่อยมือจากพ่อหนุ่มมือทองคนนี้ไป
ความคิดมากมายไหลบ่าเข้ามา
พอเห็นท่าทีที่เย็นชาของสืออวี่ไป๋ ฉือฮวนก็รวบรวมความกล้าเข้าหาเขา โดยไม่สนใจบรรยากาศเย็นยะเยือกที่รายล้อมกายอีกฝ่าย พร้อมกับเอื้อมโอบรอบเอวสอบ และประกบริมฝีปากนั้นอย่างแนบแน่น
ร่างสูงภายใต้การโอบกอดสั่นเทา กล้ามเนื้อแข็งเกร็งขึ้น
ฉือฮวนประกบจูบบนริมฝีปากอีกฝ่าย เธอเงอะงะ ไม่รู้ต้องทำอย่างไรต่อ ปลายนิ้วเล็กเรียวจิกกำเบา ๆ บนเสื้อเชิ้ตขาว
ลมหายใจที่สอดประสานกันเริ่มถี่ระรัวและปั่นป่วน
หญิงสาวคิดว่าอวี่ไป๋จะผลักเธอออกอย่างไร้เยื่อใย ทว่ามือนั้นกลับเอื้อมมาดันท้ายทอยของเธอเข้าไปหา
โลกหมุนคว้างไปชั่วขณะ ก่อนแผ่นหลังของเธอจะชนเข้ากับผนังเย็นเยียบ พร้อมกับอกของสืออวี่ไป๋บดเบียดเข้ามา สองมือยันผนังกักขังเธอไว้อย่างแน่นหนา
ชายหนุ่มก้มลงจูบเธออย่างดูดดื่ม พร้อมขบแรง ๆ ส่งความเสียวซ่านแล่นพล่าน จนกระทั่งร่างใหญ่ถอนจูบออก ก่อนสอดลิ้นเข้าไปดุนฟันเล็กน้อย พาเธอสู่ห้วงจุมพิตอันล้ำลึก
กกหูของฉือฮวนแดงฉ่า หัวใจเต้นโครมครามดุจรัวกลอง
เสียง ‘ตึกตัก ๆ’ ดังก้องจนกลบสรรพเสียงรอบข้างสิ้น
จุมพิตนี้ราวกับอยู่เหนือกาลเวลา
อาการวาบหวามที่หายไปนานแล่นพล่านอีกครั้ง เติมเต็มหัวใจของเธอทีละน้อย
ฉือฮวนยังหวังว่าช่วงเวลานี้จะกลายเป็นนิรันดร์
ทันใดนั้นก็มีเสียงกริ่งรถดังขึ้นนอกประตู
“สืออวี่ไป๋ นายจะไปทำงานสาย!”
หม่าฮว๋ายเหรินเป็นเพื่อนร่วมงานของสืออวี่ไป๋ ซึ่งทำงานด้วยกันที่สำนักงานรัฐบาลท้องถิ่น
ริมฝีปากทั้งสองที่แนบชิดกันอยู่ผละจากกันทันที
ลมหายใจของชายหนุ่มสะดุด ขณะจ้องมองริมฝีปากบวมเจ่อของผู้เป็นภรรยา
“ผมจะบอกหม่าฮว๋ายเหรินว่าลางานช่วงเช้า”
เมื่อพูดจบ สืออวี่ไป๋ก็หมุนกายเดินออกจากห้อง
ฉือฮวนเริ่มกังวลเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เพราะรู้แก่ใจว่าทำไมอวี่ไป๋ถึงยอมลางาน
แต่เธอไม่ต้องการหย่า!
หญิงสาวลุกพรวด คว้าเสื้อเชิ้ตสีขาวของสืออวี่ไป๋ ก่อนที่เขาจะเปิดประตู
ดวงตาที่เปียกชื้นมองสืออวี่ไป๋อย่างเว้าวอนราวกับขอร้องว่า ‘อย่าไป ไม่เอานะ!’
สืออวี่ไป๋ตัดสินใจได้หลังจากชั่งใจแล้ว เขางัดเรียวนิ้วออก ก่อนปลดกลอนประตูด้วยหลังมือ
เมื่อเห็นว่าสืออวี่ไป๋กำลังจะจากไปอีกครั้ง ฉือฮวนก็คว้าคอเสื้อเชิ้ตนั้นไว้อย่างไร้ความเกรงใจ
มุมปกคอเสื้อเกี่ยวเข้ากับปลายนิ้วที่จับไว้ ต่อมาภายใต้นัยน์ตาสีเข้ม เธอก็รั้งคอชายหนุ่มลงมา พร้อมบดจูบลงบนริมฝีปากที่สั่นเทาของอีกฝ่าย
กล้ามเนื้อใต้ฝ่ามือแข็งเกร็ง ขณะเรียวลิ้นทั้งสองกระหวัดพันอย่างดูดดื่ม บรรยากาศเร่าร้อนพลันแผ่ไปทั่วห้อง
อีกด้านหนึ่งของประตูบ้านคือหม่าฮว๋ายเหรินที่กำลังรออย่างแข็งขัน
ภายในห้องนอน ฉือฮวนรั้งคอชายหนุ่มมาจูบอย่างเร่าร้อน
การกระทำนี้ทำให้กกหูของสืออวี่ไป๋ขึ้นสีแดงเรื่อ
เมื่อเห็นติ่งหูขาวอมชมพูนิด ๆ สายตาของอวี่ไป๋ก็ขรึมขึ้นไปอีก
“พอแล้ว ผมยังต้องไปทำงาน”
ฉือฮวนรู้สึกยินดีอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำนั้น ดวงตาพลันเป็นประกายระยับ
“คุณยกโทษให้ฉันแล้วเหรอ?”
MANGA DISCUSSION