ตัวละครของพวกเรานอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น…
บนหน้าจอปรากฏข้อความใหญ่โตว่า “GAME OVER”
ผมวางจอยคอนโทรลเลอร์ไว้บนตัก แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
ทันใดนั้น เสียงก็ดังขึ้นจากหูฟัง
“นี่ โทวะ”
“ว่าไง ผู้กล้าเคนอิจิ?”
“เกมนี้มันเล่นให้จบไม่ได้รึเปล่าวะ?”
“ใจตรงกันเลยแฮะ ฉันก็คิดงั้นเหมือนกัน”
“อือ… ขอโทษนะคะ เป็นความผิดของฉันเอง…”
เสียงอ่อนแรงของรินดังออกมาจากนักบวชสาวน่ารักที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอตรงหน้า
ทั้ง ๆ ที่ตัวละครบนหน้าจอไม่มีสีหน้าอะไรเลย แต่พอได้ยินเสียงของรินเข้าไป กลับรู้สึกเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์
หลังจากการต่อสู้อันยาวนาน (การสุ่มตัวละครใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า) ในที่สุดพวกเราก็ได้อาชีพที่ค่อนข้างสมดุล—ผมเป็นโจร เคนอิจิเป็นผู้กล้า รินเป็นนักบวช ฟูจิซังเป็นแม่มด
ที่สุ่มได้เร็วขนาดนี้ คงต้องยกความดีให้กับ “โชคในความเป็นจริง” ของเทพธิดาริน หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ดวงของริน”
แถมยังมีเคนอิจิที่มีสเปคระดับเดียวกับรินอีก คงมีผลส่งเสริมกันไปด้วย
ปาร์ตี้เราดูเหมือนจะสมดุลดี ถ้าเล่นปกติก็น่าจะเคลียร์ได้ไม่ยาก… แต่เกมนี้มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ
ก็ยังดีที่ถึงจะแพ้แล้วเกมโอเวอร์ แต่ก็ไม่ต้องเริ่มจากการสุ่มกาชาใหม่นี่แหละ ถือเป็นเรื่องดีแล้ว
“ว่าแต่ โทวะ เกมคอนโซลเครื่องนี้มันยัดอะไรมาเยอะเกินไปเปล่าวะ?”
ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับเสียงเอือมของเคนอิจิ “ใช่เลย”
ใช่ เกมนี้มันอัดอะไรมาเยอะเกินไปจริงๆ
เครื่องเกมสุดเศร้า ที่เปิดตัวใหม่ในยุคที่ตลาดเกมมีคู่แข่งเพียบ แต่กลับดับวูบเพราะมีบั๊กเยอะจนขายไม่ออก… นั่นแหละคือตัวจริงของเครื่องเกมนี้
หากทุกสิ่งที่มันใส่มาใช้งานได้ดีจริง ๆ แล้วละก็ อาจกลายเป็นฮาร์ดแวร์ล้ำยุคที่ทำให้โลกต้องจับตามองเลยก็ได้
แต่น่าเสียดายที่เทคโนโลยีในยุคนั้นยังห่างไกลเกินไป
อย่างแว่นที่ดูเหมือนจะเป็น VR เกมในยุคนี้ แต่ก็แค่เอาไว้ดูหน้าจอเกมเท่านั้น
แถมควบคุมด้วยคอนโทรลเลอร์ ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายจริง ๆ ซะด้วย…
แม้จะเขียนไว้ว่า “ด้วยเสียงอันทรงพลัง สร้างประสบการณ์สมจริง!” แต่เสียงที่ได้ยินก็แค่เสียงจากหูฟังที่ติดกับแว่นเท่านั้น
พอมีหลายคนพูดพร้อมกันก็มีเสียงรบกวน พูดมากไปกว่านั้น เครื่องก็ดับซะงั้น
และไอ้ที่เด็ดที่สุดก็คือ—
“ว่าแต่โทวะ หน้าตาตัวละครนายยังไงก็ดูแล้วขำทุกทีเลยว่ะ ฮ่าๆๆ”
ใช่เลย… ระบบตั้งค่าหน้าตาตัวละคร
ปกติแล้วเกมนี้จะให้ผู้เล่นสแกนหน้าตัวเอง แล้วเอาไปใช้แทนตัวละคร เพื่อให้รู้สึกว่า “ตัวเราเองกำลังผจญภัย”
แต่ปัญหาคือ… ความสามารถในการสแกนหน้าน่ะห่วยแตกสุดๆ
ผมสแกนยังไงก็ไม่ติด
ในกรณีแบบนี้ ก็ต้องเลือกหน้าที่มีไว้ให้ในเกมแทน… แต่ไม่รู้ทีมพัฒนาคิดอะไรอยู่ หน้าตา NPC ที่มีให้เลือกน่ะ ดันเป็นหน้าสุนัขหรือแมว
แถมยังสมจริงสุด ๆ และยังเป็นแบบสุ่มอีกต่างหาก
มันสมจริงเกินไปจนกลายเป็นภาพที่ดูหลุดออกจากบรรยากาศของเกมไปเลย…
ถ้าทำอะไรแบบนี้ได้ ขอให้เอาแรงไปใส่ในอย่างอื่นจะดีกว่าไหม
“แล้วทำไมมีแค่ฉันที่หน้าตาประหลาดขนาดนี้ล่ะ… ทั้งที่มันควรจะสแกนหน้าไม่ได้เหมือนกันหมดไม่ใช่เหรอ…”
ในรายของริน ภาพที่บิดเบี้ยวนิดหน่อยกลับดูเหมือนมีแสงเรืองรองออกมาซะงั้น…
“ฮ่าฮ่า ก็ฉันสแกนติดนี่นา ทำใจเถอะ! ว่าแต่นายก็เข้ากับหน้าตัวเองดีออกนะ!”
“ฟังยังไงก็ประชดชัด ๆ แล้วทำไมหน้าฉันต้องเป็นทานุกิด้วยวะเนี่ย”
“เหมือนน้องปอนตะเลยค่ะ น่ารักออกนะคะ?”
“…ถ้ามองแบบนั้นก็… พอได้อยู่หรอกมั้ง”
“จริงดิ… ฉันไม่เข้าใจรสนิยมของรินกับฟุจิซังเลยแฮะ…”
ผมถอนหายใจพลางมองกลับไปที่หน้าจอเกม
รู้สึกเหมือนตัวละครของเคนอิจิในเกมกำลังมองกลับมาทางผมเลยแฮะ แปลกดี…
ตอนเล่นคนเดียว ผมแค่สนุกไปกับความไร้เหตุผลของเกมนี้เท่านั้นเอง…
กำลังคิดเพลิน ๆ การประชุมทบทวนความผิดพลาดของเกมโอเวอร์รอบเมื่อกี้ก็เริ่มต้นขึ้นแบบไม่รู้ตัว
“ว่าแต่ วาคามิยะ~ หัดยั้งมือตอนใช้เวทย์ฟื้นฟูบ้างนะ! โทวะแทบไม่เสียเลือดเลย จะให้มันคุ้มหน่อยสิ!”
“ขอโทษค่ะ… พอเห็นโทวะคุงเจ็บปวด ฉันก็ใช้โดยอัตโนมัติเลย…”
“…รินนี่ก็โอ๋เกินไป”
“ว่าแต่โคโตเนะนั่นแหละ ระเบิดเวทย์มั่วซั่วไม่ดูสถานการณ์เลยใช่ไหมล่ะ? ทั้งที่ดีเลย์ยาวมาก”
“…ฉันต้านทานเสน่ห์ของเวทย์มหาโหดไม่ได้เอง ความรู้สึกนั้นมันลืมไม่ลงจริงๆ…”
ปกติใน RPG เวลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถึงจะปลดล็อกสกิลใหญ่ๆ ได้ แต่นี่คือเกมหมา เกมที่ให้สกิลมาครบตั้งแต่เริ่ม
แต่ค่าสถานะยังเป็นเลเวล 1 ถ้าทำแบบฟูจิซังคือยิงเวทย์ใหญ่ไปเลย ก็จะหมด MP จนล้ม หรือไม่ก็เกมค้าง
มันเป็นท่าไม้ตายที่ปกติใช้ไม่ได้ช่วงแรก พอใช้เลยทำให้เกมมีบั๊กขึ้นมาเรื่อยๆ
อย่างเช่น… โดนเวทย์ของเพื่อนร่วมทีมเองแล้วตายก็มี…
ผมไม่คิดเลยว่าจะโดนเพื่อนฆ่าตายหลายรอบ… แถมยังเป็นเวทย์ล็อกเป้าซะด้วย
“ใช่เลย โคโตเนะจัง! ต้องนึกถึงโทวะคุงที่โดนลูกหลงจากเวทย์ของเธอบ้างสิคะ!”
“…รินเองก็ใช้เวทย์รักษาเยอะจนใช้ไม่ได้แล้วไม่ใช่หรอ? เพราะงั้นผู้กล้าเลยตายก่อนใครเลยนะ”
“ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ค่ะ แต่โคโตเนะจังน่าจะยับยั้งอารมณ์ได้”
“…ถ้าจะว่าแบบนั้น รินก็แค่ไม่ต้องกดปุ่มก็จบแล้ว”
“………………”
บทสนทนาขาดช่วง เหลือเพียงเสียงจากเกม
BGM ที่ดังขึ้นมาเป็นเสียงเพลงต่อสู้เฉยเลย แถมเข้ากับสถานการณ์แบบไม่ตั้งใจอีกต่างหาก
“ฟู่ววว!” “อืมมม…”
“หยุดทะเลาะได้แล้วเฟ้ย!”
“โอ๊ย!” “เจ็บ!”
การโต้เถียงกันที่ไม่รู้ใครเหนือกว่าใครดูเหมือนจะหยุดลงเพราะเคนอิจิ—แต่…
“ฟู่วววว~!”
“อืมมมม~!”
…อา ยังไม่จบอีกเหรอเนี่ย
แต่ทำไมกันนะ?
บทสนทนาแบบนี้ที่ฟังดูเหมือนลูกแมวทะเลาะกัน กลับรู้สึกน่ารักน่าเอ็นดูแฮะ…
แค่ได้ฟังก็รู้สึกอบอุ่นใจแล้ว…
“โทวะ~ อย่านั่งมองอยู่เฉยๆ ช่วยหยุดพวกเธอหน่อยดิ”
“ไม่ไหวหรอก ฉันไม่มีพลังจะหยุดน่ะ”
รินน่ะ ผมแพ้แน่ๆ ส่วนฟุจิซัง… พอจะชนะได้ แต่น่ากลัวเกินไป…
งั้นทางเลือกที่ดีที่สุด คือปล่อยให้พวกเธอทะเลาะกันแบบนี้ไปเถอะ
“เฮ้ย ๆ~ โคโตเนะไม่ว่า แต่กับวาคามิยะยังพอมีวิธีหยุดได้นะเว้ย”
“หือ? มีวิธีอะไรเหรอ? การตอบสนองแบบอัตโนมัติน่ะ หยุดไม่ได้หรอกนะ โดยเฉพาะกับรินน่ะ”
“…ว่าแต่ทำไมฉันถึงเป็นข้อยกเว้นล่ะ?”
“แต่มันมีจริงๆ นะ วิธีเด็ดเลย! ลองดูไหมล่ะ?”
“ฟังแล้วไม่อยากลองเลยซักนิด…”
“…อย่าสนใจพวกเขาเลย… เคนอิจิ ฉันจะจำไว้นะ?”
เสียงเย็นเฉียบจนขนลุก…
แย่แล้วแฮะ เล่นมากไป แบบนี้ชะตาหลังจากนี้คงไม่รอด…
แต่ก็… ขอโยนทั้งหมดให้เคนอิจิละกัน!
“ว่าแต่นะ การเคลื่อนไหวในเกมนี้มันลำบากชะมัด! ต้องเดินตามเส้นที่คนข้างหน้าเดินผ่านด้วยนะ”
“เกมหมาก็แบบนี้แหละ”
“แค่ขยับผิดช่องนิดเดียว หน้าจอก็ดับดำไปเลยนะคะ ต้องใช้สมาธิคนละแบบเลยค่ะ…”
เกมนี้ให้ควบคุมพร้อมกัน 4 คน แต่ถ้าห่างจากหัวแถวเกิน 5 ช่อง เกมจะค้าง
ที่แย่คือ บางทีแทบจะไม่ห่างเลย ก็ยังค้างอยู่ดี
สุดท้ายเลยต้องเดินตามผมเป๊ะๆ ทุกคน
ทุกครั้งต้องบอกว่า “ต่อไปเลี้ยวขวา เดินอีกสองก้าวแล้วหยุดนะ” อะไรแบบนั้น ยุ่งยากมาก
“ริน เกมหมานี่มันลึกซึ้งใช่ไหมล่ะ?”
“…น่าทึ่งค่ะ จนเริ่มคิดว่า ทีมพัฒนาตั้งใจทำให้ห่วยขนาดนี้เลยหรือเปล่า…”
“ยังไม่หมดแค่นี้นะ ยังมีอีกเยอะเลย”
“…ยังมีอีกเหรอ? อยากรู้ขึ้นมานิดๆ แล้วสิ”
“ไม่ต้องฟังยังเดาได้เลย อย่างเช่น เส้นทางที่โทวะเดินอาจมีบอสโผล่มาเฉยๆ ไง”
“โอ้ สมแล้วที่เป็นเคนอิจิ เข้าใจเกมหมาดีมาก!”
“ถึงจะชมก็ไม่ได้ดีใจเลยซักนิด!!”
ในศัตรูทั่วไปอาจมีบอสปะปนอยู่ หรือศัตรูอ่อนสุดกลายเป็นตัวถึกที่ไม่โดนดาเมจก็เป็นเรื่องปกติ
นี่แหละ “ทุกพื้นที่คือกับดัก” จุดขายของเกมนี้
ผู้เล่นหลายคนปาเครื่องทิ้งเพราะแบบนี้…
ถึงจะมีคนช่วยทำไกด์ แต่บั๊กก็ยังโผล่มาเรื่อยๆ… นี่มันเกมมหัศจรรย์ในอีกรูปแบบเลย
“งั้นเอาแบบนี้—เพิ่มเลเวลแล้วซัดด้วยพลังโจมตีธรรมดากันเลย!”
“งั้นตอนแรกเราน่าจะเลือกนักรบสี่คนไปเลยไม่ดีกว่าหรอ?”
“นักรบเล่นไม่ได้หรอก เพราะมีบั๊กทำให้ไม่ได้เงิน EXP ถ้าอาชีพซ้ำกันหมด”
“โหยยย… สมกับเป็นเกมหมาจริงๆ…”
“แต่ก็สนุกใช่ไหมล่ะ?”
ถึงเคนอิจิกับฟูจิซังจะดูพูดไม่ออก แต่เสียงของรินกลับสดใส “สนุกมากเลยค่ะ!”
ไม่ว่าอะไร ก็สนุกได้หมดแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
…ถึงรสนิยมของรินจะวัดด้วยมาตรฐานคนทั่วไปไม่ได้ก็เถอะ
ผมยืดตัวแล้วจับคอนโทรลเลอร์แน่นขึ้นอีกครั้ง
“งั้นมาเคลียร์บอสสุดท้าย—ที่แรกและสุดท้ายของเกม—ให้จบกันเถอะ น่าจะทันภายในวันนี้”
“พูดแบบนั้นมันฟังดูไม่ดีเลยนะ…”
“เดี๋ยวพอดูแล้วจะเข้าใจเองแหละ”
และแล้ว ปฏิบัติการเพิ่มเลเวลแล้วซัดด้วยพลังกายของพวกเราก็เริ่มต้นขึ้น…
MANGA DISCUSSION