ตอนที่ 110 ทุกสิ่งที่ฉันทำได้ 1
นักเรียนทั้งโรงเรียนกำลังจับตามอง… ไม่สิ แบบนั้นก็คงเกินไปหน่อย
“แต่ก็มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยเลยที่มารวมตัวกันเพื่อชมอีเวนต์ใหญ่ครั้งนี้”
ก็เพราะว่ามีข่าวลือว่า “บางทีเขา… เขาอาจจะสามารถพิชิตอาซาฮินะ อาริสะได้ก็ได้นะ” แบบนั้น
อาริสะนั้นเป็นป้อมปราการที่ยากจะตีแตก ถึงขั้นที่ว่ามีคำศัพท์เฉพาะว่า “ป้อมปราการที่ไม่มีวันแตก” ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเธอเลยทีเดียว ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถพิชิตเธอได้
แต่ถ้าเป็นเขาล่ะ? ถ้าเป็นโคกุเระ เรียวมะ เพื่อนผู้ชายเพียงคนเดียวของอาริสะล่ะก็ เธออาจจะพยักหน้าก็ได้! คนอื่นคิดกันแบบนั้น อืม ใช่ ผมเองนั่นแหละ
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเรียกอาริสะมาที่สนามโรงเรียน เพื่อจะสารภาพรักกับเธอ
ข่าวนี้แพร่ไปทั่วโรงเรียน นักเรียนทั้งหลายจึงพากันมารวมตัวเพื่อชมเหตุการณ์สำคัญนี้
“นี่แหละ พลังอิทธิพลของอาริสะ” ถ้าเป็นผู้หญิงธรรมดาล่ะก็ คงไม่มีใครสนใจขนาดนี้
และถ้าผมไม่ใช่เพื่อนสนิทของอาริสะล่ะก็ ผมคงเป็นแค่หนึ่งในผู้ชายที่ถูกปฏิเสธ และถูกลืมไปแล้วแน่ๆ
อาริสะที่ถูกผมเรียกมานั้น ยืนกอดอกด้วยใบหน้าเยือกเย็นตามปกติ
“เวลามีคนสารภาพรัก เธอมักจะทำหน้านิ่งๆ แบบนั้นแล้วปฏิเสธตลอด”
ครั้งนี้ก็คงโดนปฏิเสธอีกแน่ๆ แต่แล้วทำไมเธอถึงได้พยายามกลั้นยิ้มจนแก้มกระตุกแบบนั้นล่ะ?
ดูเหมือนว่าเธอกำลังพยายามไม่ให้เผลอยิ้มออกมา ภาพแบบนั้นก็น่ารักเหมือนกัน แต่มันอาจจะทำให้แผนของเรามีปัญหา
“อาริสะ!”
ผมทำท่าทางมือเป็นสัญญาณ อาริสะมองมาทางผมแล้วทำมือเป็นวงกลมว่า “โอเค” เยี่ยม
“ขอบคุณที่มานะ”
จากตรงนี้ไป แม้มันจะเป็นแผน แต่ก็เป็นการสารภาพรักจริงๆ ผมอายมาก แต่ก็ต้องทำให้ได้
“เราเป็นเพื่อนกันมาไม่กี่เดือน แต่ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเธอก็เพิ่มขึ้นทุกวัน! ฉันชอบเธอ คบกับฉันได้ไหม!”
“ค่ะ! ขอฝา—”
“ว๊ากกกกก! พูดผิด ขอฉันพูดใหม่! ขอคบกับฉันได้ไหม!”
อาริสะรู้ตัวขึ้นมา แล้วปรับสีหน้าใหม่
“เรียวมะ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ แต่ฉันไม่สามารถคิดเรื่องความสัมพันธ์มากกว่านั้นได้ ฉันอยากรักษาความสัมพันธ์แบบเพื่อนกับนายไว้แบบนี้ ดังนั้น… ขอโทษนะ”
“โดนปฏิเสธแล้ว!” แม้จะเป็นแผน แต่ก็เจ็บกว่าที่คิด คนที่โดนอาริสะปฏิเสธทุกคน คงรู้สึกแบบนี้เอง การโดนปฏิเสธมันเจ็บจริงๆ
“ก็ยังไม่ได้สินะ”
“สมแล้วที่เป็นหญิงสาวป้อมปราการ”
“แล้วจะมีใครที่เธอยอมคบด้วยมั้ยเนี่ย…”
“แต่จะจบแค่นี้ไม่ได้ ต้องปักหมุดให้แน่น”
“ถ้าตอนนี้ฉันยังไม่ดีพอ งั้นฉันจะกลายเป็นผู้ชายที่คู่ควรกับเธอให้ได้! ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นในงานวัฒนธรรมครั้งหน้า!”
“โอ้!”
“หมอนั่นพูดได้น่าทึ่งแฮะ!”
“ฉันจะรอดูนะ”
พูดแค่นั้นแล้วอาริสะก็เดินจากไป ผมสูดหายใจลึกแล้วหันกลับไป
“โคกุเระ สู้เขานะ~~!”
“เชียร์อยู่นะเว้ย!”
ไม่มีใครคิดว่าผมจะทำอะไรได้หรอก แต่ด้วยเรื่องนี้ ผมได้กลายเป็นชายผู้ท้าทายสาวงามอันดับหนึ่งของโรงเรียน และกลายเป็นที่จดจำของทุกคน แบบนี้ก็ดีแล้ว นี่แหละคือจุดเริ่มต้น
หลังจากเรียนเสร็จ ผมก็ฝืนยิ้มตอบคำปลอบใจจากเพื่อนร่วมชั้น แล้วเดินออกจากห้อง
แน่นอนว่าเพราะอยู่ห้องเดียวกับอาริสะ มันเลยอึดอัดเกินกว่าจะพูดคุยกันได้
แล้วผมก็กลับบ้าน… ไม่สิ แค่แวะฆ่าเวลาเล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ “บ้านหลังนั้น” ใช้กุญแจที่มีไขเข้าไปข้างใน ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้ารีบวิ่งเข้ามา
“ยินดีต้อนรับกลับนะ เรียวมะ”
“อืม… อาริสะ ฉันกลับมาแล้ว… แต่ก็รู้สึกแปลกๆ นะที่พูดแบบนั้น”
“เอ๋~ พูดแบบนั้นก็ถูกแล้วนี่นา ก็เราเป็นคู่รักที่รักกันนี่นา”
“ก็แค่ในบ้านนี้เท่านั้นแหละ”
“งั้น… ก็มาเลย—”
อาริสะกางแขนออกเพื่อจะกอดผม นี่คือเงื่อนไขที่เธอตั้งไว้เพื่อคงความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดนี้เอาไว้
“เวลามาที่บ้านนี้ ต้องกอดฉันทุกครั้ง จำได้ใช่ไหม?”
“จำได้สิ”
ผมจึงกางแขนออกและกอดอาริสะไว้แน่น
“จริงๆ แล้วฉันไม่อยากปฏิเสธเลย… ขอโทษนะที่ต้องปฏิเสธ”
“รู้แล้วล่ะ ฉันเองก็ขอโทษนะ ที่ให้เธอต้องเล่นบทไม่ดีแบบนั้น”
การสารภาพรักเมื่อกี้เป็นฉากที่เตรียมกันไว้ล่วงหน้า ผมต้องสารภาพรัก และให้อาริสะปฏิเสธ นั่นคือจุดสำคัญของแผน
“แต่ฉันดีใจมากที่นายสารภาพรักกับฉัน จนเกือบจะเผลอตอบตกลงไปแล้วล่ะ”
“ตอนนั้นฉันตกใจมากเลยนะ ถึงอาริสะจะคิดว่าแบบนั้นก็ดีแล้วก็เถอะ”
“เรียวมะน่ารักมากเลยตอนสารภาพ หน้าก็แดงแล้วก็บอกอย่างจริงจัง น่ารักจนฉันรู้สึกอบอุ่นหัวใจเลย…”
ให้ตายเถอะ ผมกอดอาริสะแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย
“พูดถึงสัญญากอดกันตอนมาเนี่ย ดูเหมือนเรียวมะจะเป็นฝ่ายรุกมากกว่านะ”
“ช่วยไม่ได้นี่นา ก็ฉันชอบเธออย่างที่สารภาพไปแล้วนี่”
“อือ—”
หลังจากเหตุการณ์ที่สระว่ายน้ำเมื่อวันก่อน ความสัมพันธ์ของผมกับอาริสะก็ชัดเจนว่าเรา “ชอบกันทั้งคู่”
ก่อนหน้านี้ ผมหลีกเลี่ยงความรักเพราะอดีตอันเจ็บปวดในช่วงมัธยมต้น แต่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่เชื่อใจในตัวผมอยู่แบบนี้…
“ฮืบ!”
“เอะ!”
ผมยกอาริสะขึ้นอุ้มไว้ในอ้อมแขน เด็กคนนี้น่ะ ยังไงผมก็ห้ามใจไม่ให้รักไม่ได้เลย จากนั้นผมก็วางเธอลงบนโซฟาตัวใหญ่
อาริสะยิ้มอย่างสดใสจนผมหันหน้าหนี แล้วสายตาผมก็เหลือบไปเห็นบางอย่าง จนสายตาเริ่มสั่นไหว…
“อีกแล้วนะ แต่งตัวแบบนั้นอีกแล้วนะ”
อาริสะมักจะเปลี่ยนชุดทุกครั้งที่อยู่ในบ้านกับผม
“แต่นายชอบไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ใช่แหละ”
ปฏิเสธไม่ได้เลย แล้วอาริสะก็โผเข้ามากอดผมอีกครั้ง พร้อมกับเอาหน้าอกคู่ใจมาชิดแนบเข้ามา
“เรียวมะชอบหน้ากับหน้าอกของฉันมากเลยนี่นา”
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ! ตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบอาริสะ ผมก็รู้สึกว่าเธอน่ารักจนอดใจไม่ไหว ดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นดึงดูดใจจนใจผมเจ็บทุกครั้งที่เธอยิ้ม ส่วนหน้าอกนั้นก็ชอบมาตั้งแต่ต้นแล้ว
อาริสะตั้งใจใส่เสื้อที่เน้นร่องอก เพื่อทำให้ใจผมว้าวุ่น
“ฉันชอบตอนที่เรียวมะมองหน้ากับอกของฉันน่ะ”
“ขี้แกล้งเกินไปแล้วนะ แบบนี้ต้องโดนทำโทษ”
“อ๊า—!”
ผมเอามือสอดเข้าไปใต้รักแร้ของอาริสะแล้วจี้ติ่งๆ
จุดอ่อนของอาริสะมันชัดเจนมาก และปฏิกิริยาน่ารักของเธอก็ทำให้มันสนุกจริงๆ ที่ได้เห็นเธอดิ้นไปมา อยากจะมองหน้าอกที่สั่นไหว แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหลักนะ!
“คิยะฮะฮะฮะ ไม่ไหวแล้ว! ยอมแล้ว!”
“อ้าว~ เอาไงดีน้า~”
“ยะ…รักแร้ฉันทนไม่ไหวจริงๆ นะ~”
“งั้นเปลี่ยนไปตรงเอวแทนดีไหมนะ~”
“ไม่เอา ไม่เอาตรงนั้นก็ไม่ไหวน้า~!”
น่ารักเกินไปแล้ว อยากจะเล่นต่อไปอีกนิดจัง พอผมหันไปมองทางขวา…
“…”
“……”
ผมสบตากับชิซุกุซังที่ทำหน้าตาเอือมระอา กับเรโอะที่กำลังหาวอยู่ รู้ว่าเขาจะมาวันนี้อยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่ามาถึงแล้ว…รู้สึกอึดอัดมาก
“จะเอายังไงดีเนี่ย…”
“อะฮิฮิฮิ… เรียวมะ ขอโทษน้า จะทำอะไรก็ได้น้า ยอมแล้วจริงๆ~”
“นี่ อาริสะ เมื่อกี้บอกว่า ‘ทำอะไรก็ได้’ ใช่มั้ย?”
“หยุดเลยนะ ไอ้ลามก”
โดนชิซุกุซังดุเข้าให้แล้ว
อาริสะที่หอบหายใจแรงๆ พยายามหายใจให้เป็นปกติแล้วมานั่งข้างผมบนโซฟา
“บอกแล้วไงว่า ‘ห้ามแกล้งจี้’”
“ก็เธอน่ารักเกินไปนี่ เห็นรอยยิ้มของอาริสะแล้วก็อดใจไม่ได้นี่นา”
“พูดแบบนั้นก็ตามใจเลยก็ได้… แต่ต้องเบาๆ หน่อยนะ มันทรมานจริงๆ”
“อืม แต่ถ้าอาริสะตอบสนองน่ารัก ฉันก็อาจจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ก็ได้นะ”
“งือ~ ช่วยไม่ได้แฮะ~”
“นี่เรโอะ… ฉันรู้สึกหงุดหงิดจังเลย”
“สำหรับฉันนะ ได้เห็นเรียวมะที่กล้าเข้าหาผู้หญิงแบบนี้ ฉันดีใจจะแย่เลย ฮึก…”
“ร้องไห้เหรอ!? เรโอะนี่ชอบเรียวมะมากเลยนะเนี่ย~”
เกือบเผลอหลุดเข้าไปในโลกของเราสองคนอีกแล้วสิ
เมื่อเข้าใจว่ารักใครสักคน หัวใจก็เหมือนกับหลุดพ้นจากเปลือกตัวเอง เหมือนกับตอนรักครั้งแรกเลย ตอนนั้นก็รู้สึกแบบนี้ ก่อนที่จะต้องเจอกับการลาจากที่เจ็บปวด แล้วกลับเข้ามาอยู่ในเปลือกอีกครั้ง ความรักนี่มันสุดยอดจริงๆ
“เอาล่ะ ขอโทษที่ให้รอนานนะ”
ได้เวลาเริ่มการประชุมแผนการแล้ว วันนี้ผมได้เรียกเพื่อนที่ผมคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทมารวมตัวกัน
“สึมุกิไม่มาเหรอ?”
“ดูเหมือนเธอจะติดชมรม แต่ฉันคิดบทบาทของสึมุกิไว้แล้ว แล้วก็จะไปบอกกับเธอทีหลัง”
เพื่อนสมัยเด็กอย่างสึมุกิก็เป็นหนึ่งในสมาชิกด้วย ถึงจะไม่ได้มาวันนี้ แต่ผมก็จะขอให้เธอช่วยเหมือนกัน แถมบทบาทของเธอก็ไม่ให้เรโอะกับอาริสะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะน่าจะทำให้เรื่องวุ่นแน่ๆ
“คำสารภาพรักของเรียวมะในวันนี้ ทั้งฉันกับเรโอะไม่รู้มาก่อนเลยนะ นายสองคนวางแผนกันเองสินะ”
“อืม แต่จากนี้อยากให้พวกเธอช่วยด้วย เพราะงั้นฉันจะเล่าแผนให้ฟัง”
ถ้าพูดแผนออกมาตรงๆ ตอนแรก ต้องโดนชิซุกุซังค้านแน่นอน เพราะรู้ว่าแผนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะพอใจแน่ๆ
“เป้าหมายของฉันคืออยากจะได้อยู่กับอาริสะ แต่เรื่องที่ฉันเคยทำผิดไว้ในอดีต ฉันต้องชดใช้ให้เรียบร้อยก่อน ถ้าไม่ผ่านตรงนั้น ฉันก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับเธออย่างจริงจังได้”
“เรียวมะ…”
“โรงเรียนของเรา กับโรงเรียนที่รุ่นพี่โคโนฮานะเป็นประธานนักเรียน กำลังจะจัดงานวัฒนธรรมร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นพี่โคโนฮานะจะมาที่โรงเรียนของเรา ซึ่งเธอคงยังไม่รู้ว่าผมเรียนอยู่ที่นี่”
ผมเล่าต่อไป
“ตอนนั้น ผมจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับรุ่นพี่โคโนฮานะ”
“ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเหรอ? ก็แค่ซ่อนตัวอยู่ในช่วงงานวัฒนธรรม แล้วพองานจบก็แยกทางกันไปก็พอแล้วนี่นา”
ชิซุกุซังพูดจามีเหตุผลตามเคย ซึ่งนั่นก็จริง แต่ทว่า…
“รุ่นพี่เขาน่ะ ดื้อจริงๆ นะ จำได้ว่าตอนใกล้เรียนจบ โดนตามตื๊อให้คบกันหลายครั้ง ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ แล้วเธอรู้ทีหลังว่าเรียวมะกับอาริสะคบกันเมื่อไหร่ เธอต้องตามตื๊อแน่นอน ช่วงมัธยมต้นก็แย่มากเลยล่ะ”(TLN:เรโอะพูด)
จากมุมมองของรุ่นพี่โคโนฮานะ มันก็คงเหมือนกับว่าผู้ชายที่เคยทำให้น้องสาวเจ็บปวด กำลังมีความรักใหม่อย่างสบายใจ แล้วถ้าเธอรู้ขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรบ้าง
ด้วยอิทธิพลของตระกูลโคโนฮานะ ก็ไม่น่าแปลกใจหากจะทำเรื่องอะไรก็ได้ สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือ ถ้าอาริสะต้องโดนอะไรไป
“งั้นเหรอ…”
ดูเหมือนชิซุกุซังจะเข้าใจแล้ว
“หึ~ รุ่นพี่สาวสวย รวย แล้วก็ยังชอบนายอีกเหรอเนี่ย~ สุดยอดเลยนะ เรโอะคุงนี่มีเสน่ห์จริงๆ เลย~”
“อ๊าก!”
ชิซุกุซังพูดเสียดสีแล้วก็เข้าไปจี้เรื่องสาวๆ ของเรโอะ จนเขาเหงื่อตก
“ฉันไม่เคยตอบรับเธอเลยสักครั้งนะ! ฉันจะรักแค่ชิซุกุตลอดชีวิตเท่านั้น!”
“หุหุ~ คำพูดเมื่อกี้ ฉันจะเชื่อนะจ๊ะ เรโอะคุง~”
ผู้หญิงอะไรนี่น่ากลัวจริงๆ คำพูดที่เปล่งออกไปนั้นคงจะโดนย้ำไปตลอดชีวิตแน่ๆ
“เพราะฉะนั้น ฉันถึงต้องเผชิญหน้ากับรุ่นพี่โคโนฮานะ”
“จะเล่าความจริงงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธความจริงหรอกนะ ถ้าฉันทำอะไรให้เด็กคนนั้นความจำกลับมา ทุกสิ่งที่ฉันอดทนมาตลอดก็จะกลายเป็นสิ่งที่สูญเปล่า เพราะฉะนั้น ฉันจะให้รุ่นพี่โคโนฮานะเห็นว่าฉันที่เคยทำร้ายเธอได้กลับใจแล้ว กลายเป็นคนดีขึ้นมา ถึงแม้จะไม่ได้รับการให้อภัย แต่อาจจะได้รับอนุญาตให้มีความสุขก็ได้”
“ถ้านายคิดว่ามันดี งั้นก็แล้วแต่นายแหละ”
“…”
ทั้งสองคนทำหน้าเหมือนไม่ยอมรับ
ถึงแม้จะเล่าความจริงให้รุ่นพี่โคโนฮานะฟัง เธอก็คงไม่เชื่อแน่ๆ
เพราะมีแค่ผมคนเดียวที่จำเหตุการณ์นั้นได้ เธอต้องคิดว่าผมโกหกแน่ๆ การพูดอะไรที่ดูเหมือนข้อแก้ตัวแบบนั้นไม่มีประโยชน์เลย
“ในงานวัฒนธรรมสองวันนี้ ฉันจะเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด ได้รับความสนใจจากนักเรียนทั้งโรงเรียน ฉันคือใคร และทำไมถึงพยายาม นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของคำตอบนั้น”
“นั่นก็คือคำสารภาพรักกับอาริสะวันนี้สินะ ทุกคนเห็นคำสารภาพของเรียวมะคุงหมดแล้ว”
“เรียวมะที่ได้รับความสนใจจากทุกคน ตั้งใจจะทำอะไรต่อเพื่อให้โดดเด่นล่ะ? ภายนอกก็ดูเหมือนแค่ข้ออ้างในการคบกับอาซาฮินะใช่มั้ย”
ผมพยักหน้ารับคำถามของเรโอะหนึ่งครั้ง
“ฉันจะคว้ารางวัลนักเรียนผู้มีผลงานยอดเยี่ยมที่สุดของงานวัฒนธรรมสองวัน แต่นั่นยังไม่พอ เพราะฉะนั้น ฉันจะเข้าประกวดมิสคอนชายซึ่งเป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโรงเรียนนี้ แล้วคว้าชัยชนะมาให้ได้”
“ถ้าจำไม่ผิด โรงเรียนฝั่งนั้นก็เข้าร่วมได้เหมือนกันใช่มั้ย?”
“นั่นแหละ เพราะมันเป็นกิจกรรมที่จัดพร้อมกันระหว่างสองโรงเรียน”
“ฉันลองดูมิสคอนของปีก่อนๆ มาแล้วนะ คนหน้าตาดีไม่ได้ชนะเสมอไป ส่วนใหญ่คนที่มีบทบาทในงานวัฒนธรรมจะได้รับรางวัลมากกว่า”
“เพราะแบบนั้นเรียวมะคุงถึงอยากโดดเด่นกว่าคนอื่นไง เพื่อจะได้ชนะมิสคอน”
“ถ้าโชคดี ฉันก็อยากจะคว้าคะแนนจากรุ่นพี่โคโนฮานะมาด้วย นั่นก็เป็นเป้าหมายเหมือนกัน”
เพราะประธานนักเรียนทั้งสองฝั่งจะเป็นกรรมการตัดสิน ผมเลยอยากได้รับการประเมินในแง่ดีจากโคโนฮานะ ซาคุยะ
ชิซุกุเริ่มจดบันทึกลงในสมุดไปเรื่อยๆ
“เรียวมะคุงจะเข้าร่วมคณะกรรมการจัดงานวัฒนธรรมกับฉัน มีส่วนร่วมในการบริหารงาน ทำให้คนในโรงเรียนรู้จักตัวตนของตัวเอง สุดท้ายก็ใช้ความโดดเด่นในงานวัฒนธรรมเพื่อสร้างความประทับใจให้ประธานโคโนฮานะ แบบนี้ใช่มั้ย?”
“โดยรวมก็ประมาณนั้น ถ้าฉันสามารถแสดงให้เห็นว่ากำลังชดใช้บาปในอดีตได้ก็คงดี”
“ไร้สาระ”
ชิซุกุพูดพร้อมถอนหายใจอย่างแรง แม้จะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับถ้อยคำนั้น แต่เธอก็พูดต่อ
“อาริสะไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยนะ นายรู้ใช่มั้ยว่าอดีตของนายมันไม่เกี่ยวอะไรกับอาริสะเลย?”
“ชิซุกุ ฉัน—!”
“อาริสะเงียบไปก่อนนะ เธอคงพูดยาก ฉันจะพูดให้เอง”
“…ชิซุกุซังพูดถูก”
“ทั้งหมดนี่มันก็แค่ความเห็นแก่ตัวของเรียวมะคุงใช่มั้ยล่ะ”
ใช่ นี่คือความเห็นแก่ตัวของผม ผมลากอาริสะซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไถ่โทษของผมมาเกี่ยวด้วย
ถึงจะรู้ว่าการบอกความจริงกับรุ่นพี่โคโนฮานะคือทางเลือกที่ปลอดภัยและเร็วที่สุดสำหรับอาริสะ แต่เพราะอาริสะเห็นด้วยตอนที่เราคุยกัน ผมเลยพาเธอเข้ามาเกี่ยวด้วย แต่มันก็ยังเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอยู่ดี
“การที่เรียวมะคุงจะพยายามก็เรื่องของนายเถอะ แต่บอกว่าจะสร้างความประทับใจให้ประธานโคโนฮานะ แล้วถ้าเขาไม่สนล่ะ? ไม่ยอมฟังขึ้นมา?”
“ฉันจะทำให้เธอฟังจนได้”
“แล้วมันจะเมื่อไหร่ล่ะ? ถ้างานวัฒนธรรมครั้งนี้จบ พวกนายก็จะห่างกันอีกใช่มั้ย? จะรอไปอธิบายอีกทีปีหน้าหรือไง? แล้วทิ้งอาริสะไว้?”
“ฉันไม่มีทางทำแบบนั้น!”
“ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าทำแบบนั้น ฉันจะไม่มีวันให้อภัยนาย เพราะฉะนั้น สัญญามาซะ งานวัฒนธรรมครั้งนี้จบ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ต้องตอบรับความรู้สึกของอาริสะ นายจะบอกว่าอาริสะอาจจะตกอยู่ในอันตรายงั้นเหรอ? ช่างมันสิ นายต้องจัดการให้ได้ เพราะนั่นคือเรื่องที่นายทำในอดีต อย่าทำให้อาริสะต้องมีน้ำตา”
แม้จะเป็นคำพูดที่รุนแรง แต่ก็ถูกต้องอย่างไม่มีที่ติ ทำให้ผมตระหนักได้ว่าคนที่ผมควรใส่ใจตอนนี้ไม่ใช่ตัวเอง แต่คืออาริสะที่เชื่อมั่นในตัวผม
“ฟู่ว”
ชิซุกุถอนหายใจออกมา
“ที่อยากพูดก็พูดหมดแล้ว ฉันจะให้ความร่วมมือเต็มที่เลย”
“ได้เหรอ? เมื่อกี้ดูจะคัดค้านสุดๆ เลยนะ”
“ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี มันก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอยู่แล้วนี่นา อาริสะเองก็ยอมรับแล้วถึงได้ช่วยใช่มั้ยล่ะ?”
“อืม”
แน่นอนว่าผมได้คุยกับอาริสะไว้แล้ว ตอนที่เล่าแผนการนี้ครั้งแรก เธอแค่คิดนิดหน่อย แต่ก็ตอบตกลงทันที อาริสะต้องมีอะไรในใจแน่นอน
“แค่เรื่องชนะมิสคอนนี่แหละที่ยังไม่แน่นอน… ต่อให้โดดเด่นแค่ไหน หน้าตาก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นนี่นา”
ดูจากผู้ชนะในอดีตแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าคนหล่อมักจะชนะอยู่ดี หน้าผมมันก็แค่ธรรมดาๆ เอง รุ่นพี่โคโนฮานะก็พูดบ่อยเหมือนกัน
“ไม่จริงหรอก ฉันคิดว่าเรียวมะหล่อที่สุดในโลกเลยนะ ก็ฉัน…ชอบมองเรียวมะตอนทำอาหารบ่อยๆ นี่นา ถึงขั้นมีรูปแอบถ่ายเลยล่ะ ดูทุกวันเลยด้วย”
“ฟังแล้วเขินนะ… เดี๋ยวนะ! แอบถ่ายอะไร!?”
“โอ้! ฉันก็มีนะ ถึงเรียวมะจะดูถ่อมตัว แต่จริงๆ แล้วไม่ได้แย่เลย นายมีสิทธิ์ชนะแน่นอน”
“เรโอะ อย่าถ่ายสิ!”
“เรโอะคุง แบบนั้นมันนอกใจนะ ลบรูปทิ้งซะ… เดี๋ยวให้ถ่ายของฉันแทนแล้วกัน”
ดูเหมือนคุณชิซุกุก็หึงอยู่เหมือนกัน เธอนี่ชอบแข่งขันกับผมจริงๆ
“สึมุกิก็เคยบอกนะว่าเรียวมะหล่อที่สุด เพราะฉะนั้น มั่นใจเข้าไว้เถอะ”
“อะ อืม ถ้าอาริสะ สึมุกิ กับเรโอะบอกแบบนั้น ก็มั่นใจขึ้นแล้วล่ะ อ๊ะ ชิซุกุซังคิดว่ายังไงเหรอ?”
ชิซุกุยิ้มหวานออกมา
“หลงตัวเองชะมัด ฉันไม่มีวันเลือกเรียวมะคุงหรอก อย่างมากก็กลางๆ ค่อนบนมั้ง? ถ้าหักคะแนนได้ ฉันให้ศูนย์เลยล่ะ”
“ขอบใจสำหรับคำด่าแรงๆ ที่ทำให้ตาสว่างเลย แต่พูดมากไปเปล่าเนี่ย? ชิซุกุซังน่ะ ชอบแต่พวกหล่อๆ อย่างชิซึรุซังหรือไม่ก็เรโอะสิน่ะสิ ยัยผู้หญิงบ้าหน้าตา”
(TLN:ชิซึรุนี่ใครอะ ลืม🙃)
“นายก็เหมือนกันนั่นแหละ! มองแต่สาวสวยอย่างอาริสะหรือสึมุกิซังทั้งนั้น! ผู้ชายที่มองผู้หญิงแค่หน้าตากับหน้าอกน่ะ!”
“ก็เพราะแบบนั้นแหละ ที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจเวลาชิซุกุซังอยู่ข้างๆ”(TLN:พลังบวกเชิงลบ🤣)
“หงุดหงิดจริงๆ!”
ถ้ายังปล่อยไว้แบบนี้คงเถียงกันไปตลอดชีวิตแน่ๆ เลยตัดสินใจหยุดแค่นี้ หลังจากนั้นเราก็ปรับแผนกันอีกเล็กน้อย และวันนี้ก็จบลงด้วยการแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมกับเรโอะก็กลับบ้านกันสองคน
“เรโอะคุง ต้องล้างมือบ้วนปากให้เรียบร้อย แล้วก็นอนให้อบอุ่นด้วยนะ อาหารฉันทำเตรียมไว้แล้วล่ะ”
“ขอบใจนะ ชิซุกุ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะโทรหานะ วันนี้อยากคุยกับชิซุกุเยอะๆ เลย”
“อ่าาา ฉันก็ไม่ได้ว่างตลอดหรอกนะ… แต่ก็ได้จ้ะ”
ไม่สนเลยว่าผมกับอาริสะกำลังดูอยู่ เรโอะกับชิซุกุก็ออดอ้อนกันเต็มที่ จูบกันอีกต่างหาก พวกเธอทำแบบนี้แล้วยังจะมีหน้ามาว่าคนอื่นอีกเหรอ
“นี่ เรียวมะ”
อาริสะดึงแขนผม
“ฉันก็อยากให้เรียวมะจูบบ้างน้า~”
“หะ!?”
อาริสะพูดเสียงออดอ้อน เราสองคนเป็นแฟนกันแบบชั่วคราว แต่ยังมีแค่กอดกับสัมผัสเบาๆ เท่านั้น ผมเองก็อยากสัมผัสความน่ารักทั้งหมดของเธอเหมือนกัน แต่ยังไม่มีความกล้าพอ
“กับรักแรกน่ะ เคยจูบกันรึเปล่า?”
“ไม่เคย! อย่างมากก็แค่จับมือนั่นแหละ!”
“หืม~”
อาริสะสอดมือเข้ามาในมือผม คำพูดเมื่อกี้ของผมนี่อาจจะไม่เหมาะก็ได้นะ…
จริงๆ แล้วกับฮินะก็ไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ
มือของอาริสะนุ่มลื่นมาก น่าสัมผัสสุดๆ
พวกผู้ชายธรรมดา ทื่อๆ อย่างผม มักจะลุยไม่เก่งแบบนี้แหละ!
แต่ตอนกอดนี่กลับกล้ากว่าหน่อยแฮะ
“จูบบนแก้มได้ไหม?”
“อืม… ได้สิ!”
เมื่อได้รับโอเค อาริสะก็หันหน้าไปทางอื่นเล็กน้อย ก่อนที่จะจูบลงบนแก้ม ผมกระซิบที่ข้างหูอาริสะเบาๆ
“คนที่ฉันบอกว่าชอบน่ะ มีแค่อาริสะเท่านั้นนะ”
“!”
ผมจูบบนแก้มของเธอเบาๆ ไม่รู้ว่านี่ดีแล้วหรือเปล่า เพราะไม่ค่อยมีประสบการณ์ ผมผละออกและรอคำตอบจากเธอ
“เยี่ยมเลย ถึงงานวัฒนธรรมจะจบ ฉันก็ยังทนไหวอยู่”
ดูเหมือนผลลัพธ์จะอยู่ได้ไม่นาน! แต่ก็นั่นแหละ อาริสะคงอยากจะบอกว่าเธอมีขีดจำกัดแค่หลังงานวัฒนธรรมนั่นเอง ผมกับเรโอะออกจากบ้านของอาริสะและมุ่งหน้ากลับบ้าน
“นี่ เรโอะ การมีแฟนนี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ นะ ทุกวันดูสนุกขึ้นมาเลย เข้าใจความรู้สึกที่นายติดชิซุกุซังสุดๆ แล้วล่ะ”
“ใช่มั้ยล่ะ? ถึงเวลาชิซุกุโกรธจะน่ากลัวก็เถอะ ปกติน่ะอ้อนเก่งแล้วก็น่ารักสุดๆเลยล่ะ หน้าตอนโกรธก็น่ารักด้วยแหละ”
“แบบนั้นมันเกินไปแล้วมั้ง? แต่ก็รู้สึกว่าเธอไม่เคยโกรธนายแบบนั้นเลยนะ”
“อาจมีบ่นบ้าง แต่แบบนั้นไม่มีหรอก คงเพราะเธอคิดว่าเรื่องของอาซาฮินะสำคัญมากน่ะ”
ชิซุกุใจดีกับทั้งอาริสะและเรโอะนี่นา
“ไม่รู้รายละเอียดหรอกนะ แต่เธอยังแค้นที่เรียวมะเคยสั่งสอนเธออยู่เลยล่ะ บอกว่าจะเก็บความแค้นนี้ไปจนตายเลยแหละ”
“นี่ฉันโดนแค้นหนักขนาดนั้นเลยเหรอ!?”
เกินกว่าที่จินตนาการไว้มาก ชิซุกุโกรธผมมากกว่าที่คิด ทั้งที่เราเป็นเพื่อนกันแท้ๆ …แต่ก็อาจจะเพราะนั่นแหละ ถึงเราคุยกันเรื่องแฟนกันอยู่ แต่ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับเรโอะ
“จะเล่าให้นายฟังคนเดียวนะ เป็นเรื่องจริงจังมาก อย่าบอกชิซุกุซังกับสึมุกินะ แล้วก็อาริสะด้วย”
“โอเค เข้าใจเลย เรื่องจริงจังฉันไม่พูดหรอก”
จริงๆ เรื่องรสนิยมนี่ก็ไม่อยากให้นายพูดหรอกนะ… อาริสะน่ะชอบทำให้ผมรู้สึกเขินๆ ตลอดเลย… แต่ช่างเถอะ
“แฮ่มๆ เรื่องที่ว่าฉันจะโชว์ผลงานในงานวัฒนธรรมน่ะ การสร้างความประทับใจให้รุ่นพี่โคโนฮานะเป็นแค่เป้าหมายหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก”
“หมายความว่าไงน่ะ?”
“เป้าหมายหลักก็คือ… หลังวันงานวัฒนธรรมวันสุดท้าย มีอะไร?”
“มีอะไรน่ะเหรอ… งานเลี้ยงปิดงานไง”
“ใช่ ที่งานเลี้ยงปิดงานนั่นแหละ ฉันจะสารภาพรักกับอาริสะอย่างจริงจัง ฉันอยากเป็นผู้ชายที่คู่ควรกับสาวงามที่สุดในโรงเรียน แล้วค่อยบอกว่าฉันรักเธอ”
“งั้นเหรอ แต่ยังไงก็เป็นคำสารภาพที่ชนะอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่เห็นต้องเก็บเป็นความลับเลย”
ตอนนี้ผมกับอาริสะรู้ใจตรงกันแล้ว ยังไงก็ต้องสำเร็จแน่ๆ
แต่ผมก็ยังไม่คิดว่าตัวเองคู่ควรกับอาริสะอยู่ดี
ตอนที่เรโอะสารภาพรักกับคุณชิซุกุ เขาก็คิดจะถอยเหมือนกัน
สุดท้ายก็ฝืนใจสารภาพเพราะดันรุกแรงเอง แต่ให้อาริสะมาเป็นฝ่ายรุกผมแบบนั้น มันจะดูไม่เท่เอาเลย แถมน่าอายด้วย เพราะงั้นผมต้องประสบความสำเร็จทุกอย่าง แก้ปัญหากับรุ่นพี่โคโนฮานะให้เรียบร้อย แล้วสารภาพรักกับอาริสะอย่างหมดจด
ถ้าทำแบบนั้นได้ล่ะก็…
“ฉันอยากเป็นผู้ชายที่คู่ควรกับสาวงามที่สุดในโรงเรียน”
“เข้าใจแล้วล่ะ แล้วมีอะไรอยากให้ฉันช่วยล่ะสิ? ไม่งั้นคงไม่มาพูดจริงจังแบบนี้หรอกใช่มั้ย?”
“เรโอะ ได้ยินเรื่องการเสนอชื่อเข้าประกวดมิสคอนรึยัง?”
การประกวดหนุ่มหล่อของโรงเรียน มีทั้งแบบสมัครเองและแบบถูกเสนอชื่อ ผมต้องเป็นคนที่คณะกรรมการอนุมัติให้ลงแข่งได้ก่อนวันงานวันที่สอง แต่แบบถูกเสนอชื่อไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ถูกเสนอชื่อก็ได้ลงประกวด ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ได้รับความนิยมที่สุดอย่างเรโอะก็ต้องถูกเสนอชื่ออยู่แล้ว
“อืม ได้ยินอยู่นะ จริงๆ ก็ไม่คิดจะลงหรอกนะ มันวุ่นวาย แล้วฉันก็มีชิซุกุอยู่แล้วด้วย ไม่ได้อยากได้คะแนนเสียงจากสาวๆ คนอื่น”
“ฉันคิดว่าถ้าจะเป็นผู้ชายที่คู่ควรกับสาวงามที่สุดในโรงเรียน ก็ต้องชนะผู้ชายที่ได้รับความนิยมที่สุดในโรงเรียนให้ได้”
ผมชี้นิ้วไปที่เรโอะ
“ฮิราซาวะ เรโอะ! มาประลองกันในการประกวดมิสคอน! ฉันจะชนะนายให้ได้ แล้วคว้าอาริสะมาให้ดู!”
“แน่ใจนะ?”
เรโอะยิ้มกว้าง
“ฉันมันไม่ชอบแพ้หรอกนะ ลงประกวดแล้วฉันจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด ถึงจะเป็นเรียวมะก็เถอะ”
“อืม”
“เรียวมะเคยชนะฉันเรื่องกีฬา หรือเรียนบ้างไหมล่ะ?”
“ไม่เลย นายมันสุดยอดไร้เทียมทาน แต่เพราะงั้นแหละ ฉันถึงจะเอาชนะให้ได้!”
“ตกลง! มาเจอกันในวันงานวัฒนธรรมวันสุดท้ายเลย เรียวมะ!”
ถึงเวลาต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทที่สุดที่ทั้งเท่และไว้ใจได้อย่างฮิราซาวะ เรโอะแล้ว
ไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน!
“แต่ถ้าเรื่องนิสัยหรือพฤติกรรมในชีวิตประจำวันน่ะ ฉันแพ้เรียวมะแบบขาดลอยเลยนะ อย่าถือสานะ”
“อันนั้นไม่พูดก็ได้มั้ย…”
พวกเราจะไม่มีวันทะเลาะกันแน่นอน ผมกับเรโอะจะเป็นเพื่อนสนิทกันตลอดไป
MANGA DISCUSSION