ตอนที่ 16 การลายล้อมของพ่อ แม่ และน้องชาย
ฮารุโตะกลับไปที่บ้านเพื่อเตรียมตัว แล้วก็มาถึงบ้านโทโจเป็นครั้งที่สาม
เขากดกริ่งหน้าบ้านคฤหาสน์ที่ยังคงโอ่อ่าเช่นเคย ทันใดนั้นก็มีเสียงตอบกลับมา
“ค่า~ โอสึกิคุงใช่ไหมจ๊ะ?”
“ครับ ผมโอสึกิครับ มาทำบริการทำความสะอาดและดูแลบ้านครับ”
“รออยู่เลยจ้ะ~ เรียวตะ~ พี่ชายมาแล้วนะ! ไปเปิดประตูให้หน่อย! อ้อ โอสึกิคุง รอสักครู่นะจ๊ะ เดี๋ยวเรียวตะจะไปเปิดประตูให้”
“ครับ ขอบคุณครับ”
เกือบจะทันทีที่ฮารุโตะกล่าวขอบคุณ ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรง
“พี่ชาย!”
“ไงเรียวตะ สวัสดีนะ”
“สวัสดีครับ! พี่ชายเร็วๆ! ปลาเยอะมากๆ เลยนะ!”
เรียวตะที่อารมณ์ดีสุดๆ พูดด้วยความตื่นเต้น เขายังคงจับมือฮารุโตะแล้วดึงเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นเหมือนครั้งที่แล้ว
“ยินดีต้อนรับจ้ะโอสึกิคุง”
เมื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่น สิ่งแรกที่เห็นคืออิคุเอะ แม่ของโทโจ ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วทักทายฮารุโตะด้วยรอยยิ้ม
“ขออนุญาตนะครับ”
“ไง! โอสึกิคุง! ยินดีต้อนรับนะ!”
ตามมาด้วยชูอิจิ พ่อของโทโจ ที่ต้อนรับฮารุโตะ ที่เท้าของเขามีกล่องเก็บความเย็นขนาดใหญ่วางอยู่
ฮารุโตะมองไปที่กล่องเก็บความเย็นขนาดใหญ่นั้นแล้วพูดว่า
“โทโจซัง… อายากะซังเล่าให้ฟังแล้วครับว่าคุณชูอิจิตกปลาบุริ ปลาไท และปลาซาวาระมาได้”
เมื่อฮารุโตะพูดแบบนั้น ชูอิจิก็ทำสีหน้าเหมือนจะบอกว่า “ดีเลยที่ถาม!” แล้วก็เริ่มเล่าด้วยความตื่นเต้น
“ใช่แล้ว! มีลูกค้าบริษัทคนหนึ่งชอบตกปลาด้วยเรือ เลยได้ขึ้นเรือไปกับเขาบ่อยๆ โอ๊ย~ วันนี้โชคดีสุดๆ เลย! ตอนที่ปลาบุริตัวนี้ติดเบ็ด ตอนแรกผมนึกว่าเบ็ดไปติดอะไรใต้น้ำซะอีก! หมุนรอกเต็มแรงก็ไม่กระดิกเลย! พอใกล้จะถึง 20 เมตรสุดท้าย มันก็ดิ้นอีกแล้วก็ดึงสายออกไปแรงมาก โอ๊ย~ มันเป็นการต่อสู้ที่ถึงตายจริงๆ! ใช้เวลา 15 นาที หรืออาจจะ 30 นาทีเลยมั้งกว่าจะตกปลาบุริตัวนี้ขึ้นมาได้…”
“คุณ! ถ้าคุณพูดนานเกินไป ปลาที่สดๆ ใหม่ๆ จะไม่สดแล้วนะคะ!”
ชูอิจิกำลังเล่าเรื่องตอนที่ตกปลาบุริให้ฮารุโตะฟังอย่างกระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายวาววับ แต่ก็ถูกอิคุเอะขัดขึ้นมากลางคัน
“อืม ใช่แล้ว ปลาที่สดๆ แบบนี้ ต้องรีบให้โอสึกิคุงแล่เลยสินะ”
“ครับ ฝากผมจัดการได้เลยครับ”
ฮารุโตะยิ้มแหยๆ แล้วพยักหน้าให้ชูอิจิที่ดูเสียดายเล็กน้อย
“ว่าแต่ ปลาแต่ละตัวขนาดใหญ่มากเลยนะครับ อย่างปลาไทนี่ขนาดอร่อยที่สุดเลยใช่ไหมครับ?”
เมื่อฮารุโตะพูดพลางก้มมองกล่องเก็บความเย็นที่เท้าของชูอิจิ ชูอิจิก็เริ่มเล่าทันที
“ปลาไทตัวนั้นน่ะ! ตอนแรกผมรู้สึกว่ารอกมันเบาลงนิดหน่อย! ผมคิดว่า ‘เอ๊ะ?’ แล้วก็วัดเบ็ดอย่างรวดเร็วเลย! แล้วเบ็ดก็ติดแน่นเลย แม้ว่ามันจะดิ้นแรงมากแต่ก็ไม่หลุดเลย…”
“คุณคะ?”
“อ๊ะ… อืม โอสึกิคุง ช่วยเตรียมปลาให้หน่อยได้ไหม?”
ถูกอิคุเอะขัดอีกครั้ง ชูอิจิดูหงอยไปเล็กน้อย
“งั้นเราเอากล่องเก็บความเย็นไปที่ครัวก่อนดีไหมครับ?”
ฮารุโตะรู้สึกเห็นใจชูอิจิที่อยากเล่าเรื่องตกปลาจนตัวสั่นเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจว่าจะเน้นความสดของปลาเป็นอันดับแรก เขาพยายามจะจับหูหิ้วกล่องเก็บความเย็น
แต่กล่องมันหนักเกินคาด ทำให้ฮารุโตะหน้าตึง
“ฉันช่วยยกอีกข้างเอง”
“อ๊ะ ขอบคุณครับ ช่วยได้มากเลย”
ปลาบุริมีขนาดเกือบ 70 เซนติเมตร ส่วนปลาซาวาระก็ประมาณ 60 เซนติเมตร ปลาไทก็ขนาดประมาณ 40 ถึง 50 เซนติเมตร และเมื่อรวมกับน้ำแข็งในกล่องเก็บความเย็นแล้ว แม้จะยกคนเดียวได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะยกได้ง่ายๆ
ฮารุโตะและชูอิจิช่วยกันยกกล่องเก็บความเย็นไปที่ครัว
“ขอบคุณครับ ช่วยได้มากเลยครับ งั้นผมจะเริ่มแล่ปลาเลยนะครับ ไม่ทราบว่ามีเมนูอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษไหมครับ?”
ในขณะที่ฮารุโตะถามอยู่นั้น ประตูห้องนั่งเล่นก็เปิดออกพอดี อายากะเดินเข้ามาในห้อง
“อ๊ะ โอสึกิคุง มาถึงแล้วเหรอคะ เอ่อ… ยินดีต้อนรับนะ”
“อ๊ะ ครับ เอ่อ… ขอรบกวนนะครับ”
ทั้งสองคนที่ยังคงจำเรื่องราวที่โฮมโปรได้ ก็แลกเปลี่ยนคำทักทายที่ดูเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย
อิคุเอะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในท่าทางของทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว แล้วก็มองลูกสาวตัวเองอย่างสนุกสนาน
“มะ… มีอะไรคะ?”
ลูกสาวที่ถูกแม่จ้องมองก็ถามกลับไปด้วยความประหม่าเล็กน้อย
“โอสึกิคุงกำลังจะทำอาหารที่เต็มไปด้วยความรักให้เราทาน อายากะอยากทานอะไรไหม?”
“อ๊ะ รัก… รักอะไรกันคะ หนูไม่รู้หรอกค่ะ”
อายากะตอบกลับคำพูดของแม่ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง อิคุเอะหันไปมองฮารุโตะด้วยท่าทางสนุกสนานยิ่งขึ้น
“รู้สิ! ใช่ไหมจ๊ะโอสึกิคุง? อาหารของโอสึกิคุงอร่อยมาก ไม่ใช่แค่ทำอาหารเก่ง แต่เพราะใส่ความรักลงไปด้วยใช่ไหม?”
“เอ่อ อ๊ะ ครับ คือว่า… ผมตั้งใจทำด้วยใจจริงครับ”
“เห็นไหมล่ะ! โอสึกิคุงตั้งใจทำอาหารเพื่ออายากะนะ!”
“ไม่ ไม่ใช่แค่อายากะซังครับ แต่ตั้งใจทำเพื่อทุกๆ คนเลย…”
“แหม! โอสึกิคุงใจดีจังเลยนะ”
“ไม่ครับ…”
ฮารุโตะยิ้มเจื่อนๆ พลางคิดว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบ้านโทโจคืออิคุเอะนี่แหละ
“นี่ๆ พี่ชาย! ผมอยากกินซาชิมิ!”
ในขณะที่ฮารุโตะกำลังสับสนกับคำพูดของอิคุเอะที่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องล้อเล่นหรือจริงจัง เรียวตะก็ยื่นคำขอออกมา
ฮารุโตะเห็นเป็นโอกาสที่จะหนีจากอิคุเอะ จึงย่อตัวลงเพื่อมองเรียวตะในระดับสายตาแล้วตอบว่า
“ได้เลย เดี๋ยวจะทำซาชิมิจากปลา 3 ชนิดให้ก่อนนะ”
“เย้!”
เรียวตะดีใจอย่างไร้เดียงสาเมื่อได้ยินคำพูดของฮารุโตะ
ชูอิจิก็พยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดว่า
“ปลาที่สดๆ แบบนี้ ต้องกินเป็นซาชิมิสิเนอะ! เพราะพวกเราเป็นคนญี่ปุ่นนี่นา”
“เข้าใจแล้วครับ งั้นมื้อเย็นวันนี้เป็นซาชิมิปลาบุริ ปลาไท และปลาซาวาระนะครับ คุณอิคุเอะกับคุณอายากะโอเคไหมครับ?”
ฮารุโตะถามทั้งสองคน
“แน่นอน! น่าตื่นเต้นจังเลย!”
“ฉันเองก็อยากกินซาชิมิเหมือนกัน”
เมื่อสมาชิกทุกคนในครอบครัวโทโจเห็นชอบ ฮารุโตะก็เริ่มลงมือทำอาหารทันที ชูอิจิเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับถุงพลาสติกในมือ
“ว่าแต่โอสึกิคุง คือฉันเตรียมอุปกรณ์กับผักที่น่าจะใช้ได้หลายอย่างมาให้แล้วล่ะ เพราะเดิมทีก็ตั้งใจจะให้ทำซาชิมิอยู่แล้ว”
“อ้อ อย่างนั้นเหรอครับ? ผมขอดูข้างในได้ไหมครับ?”
ฮารุโตะรับถุงพลาสติกมาจากชูอิจิ แล้วตรวจดูข้างใน
ข้างในมีทั้งที่ขอดเกล็ดปลา ที่ขูดผักสำหรับทำหัวไชเท้าฝอย และผักต่างๆ เช่น แครอท หัวไชเท้า แตงกวา และใบชิโสะ ซึ่งสามารถใช้ตกแต่งอาหารได้
“ขอบคุณครับคุณชูอิจิ มีแค่นี้ก็ช่วยเพิ่มสีสันให้อาหารได้เยอะเลยครับ”
เมื่อฮารุโตะกล่าวขอบคุณ อิคุเอะก็ยิ้มอย่างขบขันเล็กน้อย คล้ายจะล้อเลียนชูอิจิ
“คนๆ นี้อุตส่าห์ซื้อของมาตั้งเยอะแยะ แต่กลับลืมซื้อวาซาบิที่สำคัญไปได้ไงก็ไม่รู้”
“ฮ่าๆๆๆ ขอโทษด้วยจริงๆนะ”
ชูอิจิเกาหลังหัวด้วยมือข้างเดียวอย่างอายๆ เมื่อได้ยินคำพูดของอิคุเอะ
ฮารุโตะรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้รู้ความจริงว่าทำไมอายากะถึงต้องมาซื้อวาซาบิที่ซูเปอร์มาร์เก็ตโดยเฉพาะ
“งั้นผมจะเริ่มแล่ปลาเลยนะครับ”
ฮารุโตะจับหางปลาบุริวางบนเขียง จากนั้นก็ล้างน้ำเบาๆ แล้วขอดเกล็ดปลาออก
เมื่อขอดเกล็ดออกหมดแล้ว เขาก็ตัดหัว ควักเหงือกออก ผ่าท้องแล้วควักเครื่องในออก หลังจากนั้นก็แล่เนื้อปลาเป็นสามชิ้น
ชูอิจิมองปลาบุริที่ถูกแล่เป็นสามชิ้นอย่างรวดเร็วแล้วก็ประทับใจ
“ฝีมือดีจริงๆ เลยนะ ดูแล้วสบายตาจริงๆ”
“ขอบคุณครับ ผมเองก็ไม่ค่อยได้แล่ปลาตัวใหญ่ๆ แบบนี้มาก่อน ก็เลยกังวลว่าจะแล่ได้ดีไหม แต่เพราะมีสิ่งนี้ ก็เลยแล่ง่ายมากเลยครับ”
พูดพลางฮารุโตะก็ยกมีดเดบะในมือขึ้นเล็กน้อย
มีดเดบะที่เขาใช้อยู่เป็นของบ้านโทโจ ซึ่งเป็นมีดที่ดูหรูหรามาก มีชื่อสลักอยู่ที่โคนใบมีด ความคมของมันยอดเยี่ยมมาก แม้แต่ปลาบุริตัวใหญ่ที่มีกระดูกแข็ง เขาก็สามารถแล่ได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
ฮารุโตะจัดการแล่ปลาทั้งหมดเป็นสามชิ้นก่อน จากนั้นก็เลาะกระดูกส่วนกลางออก และแล่กระดูกท้องทิ้ง เพื่อให้ง่ายต่อการรับประทาน
“สุดยอดเลยนะเนี่ย ฉันก็อยากจะลองเรียนวิธีแล่ปลาจากโอสึกิคุงบ้างจัง”
อิคุเอะนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วมองเข้ามาในครัวพลางพูด
“ถ้าผมสอนได้ ผมยินดีสอนให้นะครับ?”
ฮารุโตะตอบขณะที่กำลังแล่หนังออกจากเนื้อปลาที่แล่ไว้สามชิ้น
“อ้าว จริงเหรอ? งั้นไว้คราวหน้าฉันจะขอให้สอนนะ? อายากะจะลองเรียนด้วยกันไหม? จะได้เป็นประโยชน์ตอนที่เธอทำปลาให้สามีในอนาคตทานนะ?”
“เอ๊ะ? คือว่า… หนู…”
อิคุเอะทำสีหน้ายิ้มกริ่ม “อุฟุฟุฟุ” เมื่อเห็นอายากะแสดงท่าทีลังเลเล็กน้อย
“ไม่อยากเรียนเหรอ? อ๊ะ แต่ถ้าสามีของลูกเป็นคนอย่างโอสึกิคุงก็คงไม่เป็นปัญหาหรอกใช่ไหมล่ะ?”
“แม่คะ! โอสึกิคุงอยู่นะคะ แม่พูดอะไรน่ะ!?”
อายากะหน้าแดงก่ำทันทีเมื่อแม่พูดจาที่ไม่เข้าท่าต่อหน้า อิคุเอะกลับพูดอย่างใจเย็นเมื่อเห็นอาการของลูกสาว
“อ้าว แม่แค่พูดว่า ‘คนอย่างโอสึกิคุง’ เองนะ?”
“…แม่ น่ารำคาญ”
อายากะทำหน้าบึ้งและแสดงท่าทีไม่พอใจกับความร้ายกาจของอิคุเอะ อย่างไรก็ตาม อิคุเอะก็พูดคุยกับฮารุโตะอย่างสนุกสนาน
“โอสึกิคุง ลูกสาวฉันเข้าใจผิดไปหน่อย ขอโทษด้วยนะจ๊ะ อายากะอาจจะซื่อๆ ไปบ้าง แต่ก็ช่วยเป็นเพื่อนกับเธอต่อไปเรื่อยๆ ด้วยนะ”
“ฮ่าๆๆ ผมเองก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
ฮารุโตะหั่นเนื้อปลาที่แล่ไว้เป็นชิ้นๆ พลางเหลือบมองอายากะที่กำลังส่งรังสี ‘ฉันไม่พอใจ’ ประท้วงแม่ เขาจึงหัวเราะแล้วตอบไปแบบปลอดภัยไว้ก่อน ตอนนี้ดูเหมือนคำประท้วงของลูกสาวจะยังไม่ส่งไปถึงแม่เลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นชูอิจิก็ยกมือขึ้นลูบคาง แล้วเริ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“อ้อ… ถ้าอายากะแต่งงานกับโอสึกิคุง โอสึกิคุงก็จะกลายเป็นลูกเขยสินะ… อืม… ก็เข้าท่านะ แต่ว่า… ยังไม่อยากส่งลูกสาวสุดที่รักออกเรือนเลยนี่สิ…”
ชูอิจิบ่นพึมพำกับตัวเอง พลางจมดิ่งสู่โลกส่วนตัวของเขาและแสดงความทุกข์ใจ
คำพูดที่น่าตกใจของเขาทำให้อายากะลืมเรื่องที่กำลังประท้วงแม่ไปเสียสนิท
“พ่อคะ! อย่าเพ้อเจ้ออยู่คนเดียวสิคะ!!”
ในกรณีของอิคุเอะ อายากะรู้ดีว่าแม่แค่ล้อเล่นหรือพูดเล่น จึงอาจจะมีอาการงอนหรืออารมณ์เสียบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ มันก็เหมือนกับการหยอกล้อกันระหว่างแม่กับลูกสาว
แต่คำพูดของชูอิจิเมื่อครู่นี้ดูจริงจังมาก
การที่เขาพูดพึมพำกับตัวเองราวกับกำลังครุ่นคิดอยู่คนเดียว ทำให้รู้สึกว่าเขาพูดจริงจังมากๆ
อายากะรีบร้อนดึงพ่อที่กำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดออกมา
แต่แล้วก็มีตัวป่วนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวปรากฏตัวขึ้นอีก
“พี่ชายจะแต่งงานกับพี่สาวเหรอครับ?”
“อุ๊ย!? เอ่อ… ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น…”
“เรียวตะ! อย่าพูดอะไรที่ทำให้โอสึกิคุงเสียสมาธิตอนที่เขากำลังถือมีดสิ! มันอันตรายนะ!”
อายากะจับมือน้องชายที่กำลังดูการแล่ปลาของฮารุโตะอยู่ข้างๆ แล้วดึงเขาออกมา
“แต่ว่า… ถ้าพี่สาวแต่งงานกับพี่ชาย พี่ชายก็จะเป็นพี่ชายจริงๆ ของผมใช่ไหมครับ?”
เรียวตะมองอายากะด้วยสีหน้าตื่นเต้น ราวกับกำลังจินตนาการถึงตอนที่ฮารุโตะกลายเป็นพี่ชายจริงๆ ของเขา ทำให้อายากะอดไม่ได้ที่จะหลบสายตา
“จะบ้าเหรอ! เรายังเป็นนักเรียนมัธยมปลายอยู่เลยนะ!”
“อ้าว ถ้าพ่อแม่เห็นด้วยก็แต่งงานได้นะจ๊ะ?”
“พอเลยค่ะ! แม่เงียบไปเลย!”
หลังจากนั้นสักพัก บ้านโทโจก็เต็มไปด้วยสถานการณ์ราวกับในมังงะแนวรักตลก
ฮารุโตะสัมผัสได้ถึงอันตรายว่าการเข้าไปยุ่งตอนนี้อาจจะทำให้สถานการณ์แย่ลง จึงตัดสินใจจดจ่อกับการทำปลาตรงหน้าเป็นการหนีความจริง
เมื่อทำอาหารเสร็จ ฮารุโตะก็ยกจานซาชิมิขนาดใหญ่ขึ้นมา
“เอ่อ… ซาชิมิทำเสร็จแล้วครับ…”
ฮารุโตะยกจานซาชิมิขนาดใหญ่ไปวางบนโต๊ะอาหารอย่างลังเลใจ ในขณะที่เขากำลังทำอาหารอยู่นั้น บ้านโทโจก็กลายเป็นสถานการณ์ที่วุ่นวายอย่างมาก
ชูอิจิกำลังคิดอย่างจริงจัง เรียวตะถามเรื่องการแต่งงานอย่างไร้เดียงสา อายากะหน้าแดงก่ำแล้วพยายามห้าม และอิคุเอะก็มองสถานการณ์นั้นอย่างสนุกสนาน พร้อมกับแทรกบทสนทนาเป็นครั้งคราว
ฮารุโตะเรียกคนในครอบครัวโทโจอย่างเกรงใจ
“เอ่อ… ผมทำซุปหัวปลาบุริด้วยนะครับ เชิญทานด้วยกันเลยครับ”
MANGA DISCUSSION