เมื่อยื่นเรื่องที่กิลด์นักผจญภัยให้เพิ่มชื่อโพเมร่าเข้าเป็นสมาชิกปาร์ตี้อย่างเป็นทางการแล้ว เราก็สามารถรับคำร้องที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้กับมอนสเตอร์ได้ในที่สุด
ไม่จำเป็นต้องไปทำงานเบ็ดเตล็ดอย่างขนของหรือหาข้อมูลเบื้องต้นเพื่อทำสัญญาอัญเชิญอีกต่อไปแล้ว
คำร้องที่เรารับมานั้นคือการกำจัดก็อบลินที่อยู่ไม่ไกลจากกำแพงเมือง อาจจะดูไม่น่าตื่นเต้นอะไรนัก แต่ในฐานะนักผจญภัยระดับต่ำสุดอย่างระดับ F ที่เพิ่งลงทะเบียนได้ ก็เป็นธรรมดาที่จะรับได้เพียงเท่านี้
หากสะสมผลงานไปเรื่อยๆ และเลื่อนระดับนักผจญภัยขึ้นไป ก็อาจได้รับคำร้องที่ดูเป็นชิ้นเป็นอันกว่านี้บ้าง
ก็อบลินที่ปรากฏตัวอยู่รอบๆ เมืองอาร์โลเบิร์กนี้ โดยทั่วไปจะมีระดับอยู่ที่ประมาณเลเวล 7…จากที่ดูแล้ว คงไม่มีทางที่ฉันจะลำบากกับพวกมันได้แน่
จะว่าไป ฉันไปรับงานกำจัดก็อบลินทั้งๆ ที่มันต่ำเกินเลเวลของฉันก็ออกจะแปลกอยู่ แต่กิลด์นักผจญภัยก็มีกฎของกิลด์อยู่ จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ถ้าเดินหน้าเคลียร์คำร้องตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ การไต่ระดับก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“อะ…อืม…คือว่า…ดะ ดีแล้วเหรอคะ? ที่จะ…แบบว่า…ร่วมปาร์ตี้กับคนอย่างโพเมร่า…”
หลังจากรับคำร้องเสร็จเรียบร้อย โพเมร่าก็ถามขึ้นมาด้วยท่าทีประหม่าชัดเจน
จะรู้สึกหมดความมั่นใจก็คงไม่แปลก หากต้องเจอคนอย่างรอยปฏิบัติใส่อย่างนั้น แต่คำพูดของโพเมร่าก็ฟังแล้วชวนให้รู้สึกเจ็บใจแทนจริงๆ
ฉันอยากให้เธอมีความมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้สักหน่อยจัง
“ก็ฉันไม่มีใครที่คุยรู้เรื่องหรือรู้จักกันอยู่ก่อนเลยนี่ พอโพเมร่าตอบรับคำชวนก็ช่วยฉันได้เยอะเลยล่ะ คนที่ควรขอบคุณน่ะ คือฉันต่างหาก แล้วก็…แม้จะเพิ่งรู้จักกันไม่ถึงครึ่งวัน ฉันก็รู้สึกได้เลยว่าโพเมร่าน่ะเป็นคนที่ไว้ใจได้มากเลย”
ทันทีที่ได้ฟังคำพูดของฉัน โพเมร่าก็หน้าแดงจัด แล้วก็เริ่มลูบๆ หมวกเบเรต์ของตัวเองอย่างลนลาน
“โพะ โพเมร่าเองก็…คือว่า…ก็อยากจะสนิทกับคานาตะซังอยู่แล้วค่ะ แล้วก็ พอคุณรู้ว่าฉันเป็นลูกครึ่งเอลฟ์แต่ยังคงทำตัวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป ก็รู้สึกดีใจมาก…จริงๆ ค่ะ อีกอย่าง…เพราะช่วงหลังๆ โพเมร่าไม่ค่อยลงรอยกับพวกรอยซังเท่าไร พอได้รับคำชวนจากคานาตะซังก็เลยรู้สึกขอบคุณมาก…แต่อีกใจก็รู้สึกกลัวว่าจะกลายเป็นตัวถ่วง…”
“……แค่ ‘ไม่ค่อย’ ลงรอยน่ะเหรอ?”
ฉันเผลอหลุดพูดออกมา
เพราะการที่รอยปฏิบัติกับโพเมร่าน่ะ มันเลวร้ายสุด ๆ ไปเลยต่างหาก
เขาแสดงท่าทางดูถูกโพเมร่าอย่างชัดเจน เหมือนเห็นเธอเป็นของใช้ชิ้นหนึ่ง และใช้เธอให้เป็นประโยชน์ตามอำเภอใจ
“สะ สมัยก่อน…เขาก็ใจดีมากเลยนะคะ! ทั้งรอยซัง ทั้งโฮลี่ซังเลย! ตอนที่โพเมร่าโดนเมินเพราะเป็นลูกครึ่งเอลฟ์ ทั้งสองคนก็ยังยิ้มให้ แล้วก็เข้ามาทัก…ที่โพเมร่า…ไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของพวกเขาได้ นั่นแหละ…ที่เป็นความผิดของโพเมร่าเอง…”
โพเมร่ากล่าวพลางไหล่ตกอย่างสิ้นหวัง
ขณะเดียวกัน ฉันก็นึกถึงคำพูดสุดท้ายของรอยที่กระซิบใกล้ๆ หูฉันก่อนจากกัน
‘อย่าทำเป็นคนดีไปหน่อยเลยน่า คานาตะ หรืออะไรนั่น ฉันก็เคยเหมือนกันแหละ เห็นเป็นลูกครึ่งเอลฟ์เลยนึกว่าจะใช้เวทได้ เลยทำใจดีใส่ แต่เอาเข้าจริง เลเวลก็ต่ำ จัดการงานก็ไม่ได้สักอย่าง ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด ไม่เถียงซักคำ จะใช้เป็นที่ระบายหรือใช้จุกจิกก็สะดวกดีหรอก แต่ถ้าหวังจะให้ทำงานมีประโยชน์ล่ะก็ เลิกฝันไปได้เลย’
…น่าเวทนาเกินไปแล้ว…
ฉันไม่รู้จะตอบโพเมร่ายังไงดี อยากจะปลอบเธอแต่ก็เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งนัก ไม่รู้จะสื่อยังไงให้ดีพอ
“ถ้าโพเมร่ารู้จักเข้มแข็งกว่านี้อีกสักหน่อย…คิดว่าพอจะสนิทกับรอยซังหรือโฮลี่ซังได้บ้างมั้ยคะ…?”
…เอ่อ โพเมร่า ฉันว่าเธอน่าจะลืมสองคนนั้นไปให้หมดจะดีกว่านะ
ต่อให้เธอมีพลังแบบที่รอยต้องการจริงๆ ฉันก็ยังคิดว่าพวกเขาคงหาข้ออ้างอื่นมาทำให้เธอรู้สึกด้อยค่าอยู่ดีนั่นแหละ
เพราะแค่ดูการกระทำก็รู้แล้วว่าทั้งสองคนนั้นไม่มีความจริงใจอะไรเลย
“โพเมร่า…เอ่อ ถึงจะสู้เลเวลคุณรอยหรือคนอื่นๆ ไม่ได้ก็เถอะ แต่โพเมร่าใช้เวทขาวระดับสามได้นะคะ! อย่างน้อยสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่คุณแม่สอนตอนยังมีชีวิตอยู่…ดะ ดังนั้น การรักษาแผลหรืออะไรพวกนี้ ปล่อยให้โพเมร่าดูแลเองได้เลยค่ะ!”
…ฉันเคยตรวจสอบเลเวลของทั้งคู่ไว้แล้ว รอยอยู่ที่เลเวล 14 ส่วนโพเมร่าเลเวล 7
อาจจะดูเหมือนห่างกันเกือบเท่าตัว แต่สำหรับฉัน…จะบอกตามตรง มันก็แทบไม่ต่างกันเท่าไรนัก
เวทขาวเองก็ถือเป็นศาสตร์ที่ฉันไม่ถนัดที่สุด เพราะแค่ใช้ยาโพชั่นจากลูนาเอล หรือวงแหวนอูโรโบรอส ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝึกเวทขาวเพิ่มเติม
ยิ่งไปกว่านั้น ลูนาแอลยังใช้เวทมิติย้อนกลับเหตุการณ์มาแทนการรักษาอีกต่างหาก ทำให้ฉันไม่เคยรู้สึกว่าเวทขาวมีความสำคัญนัก
…แต่ก็ใช่ว่าฉันจะใช้ไม่ได้
ถ้าเอาจริง ฉันก็ควบคุมเวทขาวระดับสี่ได้ด้วยซ้ำ
แต่เรื่องนี้คงไม่จำเป็นต้องบอกโพเมร่า
“โพเมร่า…จะ…จะพยายามให้เต็มที่เลยค่ะ! จะต้องทำให้คานาตะซังไม่ผิดหวังให้ได้!”
โพเมร่ากำมือแน่นแล้วพูดออกมาเสียงดัง
ดูเหมือนพอรู้สึกตัวว่าพูดเสียงดังไป ก็รีบกดหมวกลงปิดหน้าที่แดงจัดด้วยความเขิน
…ก็จริงที่ฉันจำเป็นต้องมีสมาชิกในปาร์ตี้เพื่อให้รับคำร้องจากกิลด์ได้ตามกฎ แล้วการมีใครสักคนที่รู้เรื่องการเป็นนักผจญภัยและเมืองนี้ก็ช่วยได้มาก
แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็เริ่มไม่แน่ใจขึ้นมาว่า…นี่ฉันไม่ได้เผลอชวนเธอเข้าร่วมในแบบที่โหดร้ายเกินไปรึเปล่า?
หากวันหนึ่งโพเมร่ารู้ว่าฉันมีเลเวลเกิน 4000 ล่ะก็ เธออาจจะคิดว่าฉันแค่รู้สึกสงสารเลยชวนมาร่วมทางด้วย
และถ้าเป็นแบบนั้น…ฉันมั่นใจว่าโพเมร่าไม่มีทางยอมรับมันได้แน่
เธออาจจะทิ้งฉันไปโดยบอกว่าไม่อยากเป็นตัวถ่วง หรือไม่ก็เจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“ขะ ขอโทษค่ะ! ทำให้คานาตะซังต้องอับอายเลย…”
โพเมร่าเห็นว่าฉันนิ่งไป คงคิดว่าฉันอึดอัดใจที่เธอตะโกนเสียงดังจนคนรอบข้างหันมามอง เลยก้มหัวขอโทษรัวๆ
ฉันได้แต่พยายามปลอบใจเธอ พร้อมครุ่นคิดว่าควรทำยังไงดีต่อไป
ขณะกำลังเดินออกจากกิลด์กับโพเมร่า เราก็สวนกับชายร่างเล็กคนหนึ่งเข้า
พอเขาเห็นฉันกับโพเมร่า ก็ยิ้มแปลกๆ ออกมา
พอมองดีๆ…ก็จำได้ว่าเป็นพวกเดียวกับออคตาบิโอ นักผจญภัยระดับ D ที่ติดอยู่ระดับเดิมมาตลอด
…ไม่น่าไปยุ่งด้วยจะดีกว่า
ฉันเร่งฝีเท้าแล้วชวนโพเมร่าออกจากกิลด์ไปอย่างรวดเร็ว
MANGA DISCUSSION