“ว่าแต่คุโรยูกิซัง… เธอไม่ได้บอกไว้ว่ามีนัดกับใครสักคนอยู่เหรอ?”
ผมพยายามหาทางแยกโคโคอะออกจากคุโรยูกิซังอย่างแนบเนียน ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป โคโคอะอาจจะเข้าใจผิดหนักขึ้นไปอีก
…ไม่สิ ตอนนี้ก็เกือบจะสายเกินไปแล้วด้วยซ้ำ
“อ๊ะ จริงสิ~ จริงๆ แล้วคนที่นัดไว้เขาไม่ได้มาแล้วล่ะ ฉันกำลังจะกลับพอดีเลยนะ”
“เหรอ? งั้นแสดงว่าเมื่อกี้ที่บอกพวกนั้นว่ารอใครอยู่ก็…”
…โกหกสินะ?
แต่ก็คงไม่ถึงกับโกหกสนิทหรอก อาจจะแค่พูดให้สถานการณ์ผ่านไปได้เท่านั้น
“นัดไว้ว่าจะมาเดินเล่นงานเทศกาลกับเพื่อนน่ะ แต่สุดท้ายโดนแคนเซิลกระทันหันเลย”
“คะ-แคน…?”
คำที่ไม่คุ้นหูทำให้โคโคอะเอียงคอถามด้วยสีหน้าใสซื่อ
เธอคงไม่เข้าใจว่า ‘แคนเซิล’ คืออะไร
“‘แคนเซิล’ น่ะเป็นคำที่เอาไว้เรียกเวลามีคนยกเลิกนัดกะทันหันไง”
“โอ้~…”
คุโรยูกิซังอธิบายพลางชูนิ้วชี้ขึ้นพร้อมรอยยิ้มใจดี
โคโคอะก็พยักหน้าเหมือนเข้าใจ แต่แววตาเธอบอกชัดว่าไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย…
…อืม ยังไงก็ไม่รอดแหละ
“ถ้าให้อธิบายแบบง่ายๆ ก็คือ เหมือนพี่ชายสัญญากับโคโคอะว่าจะพามาเที่ยวงานเทศกาลวันนี้ แต่สุดท้ายกลับบอกว่าไม่ไปแล้วนั่นแหละ”
“ไม่ดีเลย!”
ทันใดนั้นโคโคอะก็พองแก้มใส่ผมทันที
เธอยังยกมือไขว้เป็นเครื่องหมายกากบาทแรงๆ อีกต่างหาก
“อันนั้นแค่ยกตัวอย่างเฉยๆ นะ พี่จะไม่มีวันผิดสัญญากับโคโคอะเด็ดขาดอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?”
“อื้ม!”
เหมือนว่าเธอจะเข้าใจแล้ว เพราะคราวนี้เธอพยักหน้ารัวๆ ด้วยรอยยิ้มสดใส
ดีแล้ว… น่าจะหลุดจากจุดอันตรายไปได้ซักที
“………”
“หือ? มีอะไรเหรอ?”
ตอนที่ผมกำลังจะลูบหัวโคโคอะอยู่นั้น คุโรยูกิซังก็จ้องมาที่หน้าผมไม่วางตา
…มีอะไรติดอยู่บนหน้าผมหรือเปล่านะ?
“คือว่า… เธอดูใช้คำพูดนุ่มนวลจังเลยน่ะ ฉันไม่เคยได้ยินชิราอิคุงพูดกับใครแบบนี้ที่โรงเรียนเลย”
“ก็เพราะเวลาอยู่กับเด็กมันก็ต้องพูดอีกแบบน่ะสิ”
ถ้าพูดจาแรงๆ กับเด็กเล็ก เธออาจจะเสียใจได้ง่ายๆ เพราะงั้นผมถึงพยายามใช้คำพูดที่อ่อนโยนที่สุด แค่เผลอพูดอะไรแรงๆ ออกไป โคโคอะก็อาจจะน้ำตาร่วงได้เลยเหมือนกัน
“หืม… ดูเหมือนชิราอิคุงจะรักน้องสาวมากเลยสินะ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ก็โคโคอะน่ะน่ารักขนาดนี้… เหมือนนางฟ้าไม่มีผิดเลยนะ!”
ผมพูดพลางอุ้มโคโคอะขึ้นมาจากด้านหลังแล้วชูให้คุโรยูกิซังดู
โคโคอะก็ยิ้มหวานส่งกลับมาให้ทันทีแบบไร้เดียงสา
…อืม เป็นน้องสาวที่น่าภูมิใจจริงๆ
“ไม่ใช่แค่ ‘พ่อเห่อลูก’ แล้วนะ… แบบนี้ต้องเรียกว่า ‘พี่เห่อน้อง’ เลยล่ะ… แต่ก็จริงแหละ โคโคอะจังน่ารักมากจริงๆ”
คุโรยูกิซังพูดพลางเอื้อมมือไปบีบแก้มนุ่มๆ ของโคโคอะอย่างเบามือ
เธอเริ่มเล่นกับแก้มของโคโคอะพลางหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดู
แก้มของโคโคอะน่ะทั้งนุ่มทั้งเด้งเหมือนโมจิเลย ใครได้ลองจับแล้วก็ต้องติดใจทุกคนแหละ แถมเจ้าตัวก็ยังชอบให้เล่นแบบนี้ด้วย ไม่เคยแสดงท่าทีรำคาญเลยสักครั้ง
“ฉันเองก็อยากมีน้องสาวบ้างจัง…”
“กับพี่สาวล่ะ ไม่สนิทกันเหรอ?”
ผมเผลอถามออกไปเพราะเธอทำหน้าเหมือนรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กๆ
“เปล่าหรอก ฉันสนิทกับพี่สาวมากเลยล่ะ ถึงจะขี้เกียจนิดๆ เวลาอยู่บ้านก็เถอะ แต่ก็เป็นคนอ่อนโยนมาก แล้วพออยู่นอกบ้านก็กลายเป็นคนเพอร์เฟ็กต์ไปเลยล่ะ”
คนที่ขี้เกียจตอนอยู่บ้านแต่ข้างนอกกลับเป็นคนเพอร์เฟ็กต์เนี่ยนะ… ยังกับตัวละครในมังงะเลยแฮะ
…แต่นั่นแหละ ผมคิดในใจแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
“งั้นก็แปลว่าแค่อยากมีน้องเพิ่มอีกคนน่ะสิ”
“อืม~ ก็เพราะฉันเป็นลูกคนเล็กน่ะ เลยไม่เคยมีน้องไง แถมฉันยังชอบเด็กๆ ด้วย ก็เลยคิดว่าโตไปอยากเป็นคุณครูอนุบาลอะไรแบบนั้นน่ะ~”
ดูเหมือนคุโรยูกิซังจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษหลังจากได้เล่นกับแก้มของโคโคอะ
เธอพูดถึงเรื่องของตัวเองมากกว่าปกติซึ่งก็แปลกดี เพราะโดยปกติที่โรงเรียน เธอมักจะไม่ค่อยเล่าหรือพูดอะไรเกี่ยวกับตัวเองมากนัก
อาจจะเป็นเพราะเธอมักโดนคนรอบตัวเข้าหาอย่างล้นหลามจนเหนื่อยก็เลยไม่ค่อยเปิดเผยตัวเองกับใครนักก็ได้
“—อ๊ะ ขอโทษนะ มาเที่ยวงานเทศกาลทั้งทีแต่ฉันกลับมานั่งคุยยืดยาวแบบนี้ซะได้”
เธอดูเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว เธอรีบชักมือกลับจากแก้มของโคโคอะ ซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้างอนนิดๆ พร้อมพองแก้มทันที
…ดูท่าจะอยากให้เล่นด้วยต่อนั่นแหละ
“ว่าแต่… คุโรยูกิซังจะกลับเลยจริงๆ เหรอ?”
วันนี้เป็นวันเทศกาลทั้งที ผมคิดว่าเธอเองก็คงอยากสนุกให้เต็มที่เหมือนกัน จะให้ต้องกลับไปแค่เพราะเพื่อนมาไม่ได้มันก็ดูน่าเสียดายอยู่ไม่น้อย
“ก็ใช่แหละ… ถ้าพูดตามตรงแล้วก็น่าเสียดายนะ… แต่ก็อย่างที่เห็นเมื่อกี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีกก็คงลำบากแย่”
คุโรยูกิซังพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความลังเลนิดๆ
ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะถ้าเธอเดินคนเดียวแบบนี้ ยังไงก็ต้องมีคนเข้ามาชวนคุยอีกแน่ๆ
คนสวยขนาดนี้ไม่มีทางที่ใครจะปล่อยให้เดินผ่านไปเฉยๆ ได้หรอก
“นั่นสิ… ถ้างั้นล่ะก็ขอให้เดินทางปลอดภัย—”
“ยะ… อย่าน้า~!”
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ โคโคอะก็รีบคว้าแขนเสื้อยูกาตะของคุโรยูกิซังไว้แน่น
“ดะ–เดี๋ยวสิ โคโคอะ…! อย่าดื้อสิ ปล่อยมือก่อนนะ!”
“ม่าย~! พี่สาวก็ต้องไปเดินงานเทศกาลด้วยกันสิ~!”
ดูเหมือนว่าโคโคอะจะถูกชะตากับคุโรยูกิซังเข้าอย่างจัง
เธอทั้งส่ายหัวแรงๆ ทั้งเกาะแขนไม่ปล่อยด้วยสีหน้าออดอ้อนสุดฤทธิ์
…นี่มันชักจะลำบากแล้วสิ
“แต่เขาจะต้องกลับแล้วนะ โคโคนะเข้าใจไหม…”
“ทำไมล่ะ…? ก็พี่สาวเป็นแฟนของพี่จ๋าไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่เดินงานเทศกาลด้วยกันล่ะ!”
โคโคอะถามกลับอย่างจริงจังในแบบที่เด็กน้อยเข้าใจ และถ้าตามตรรกะของเธอ การที่แฟนกันมาเดินงานเทศกาลด้วยกันก็คือเรื่องธรรมดาสุดๆ
แต่ว่าความจริงคือ… เราสองคนไม่ได้เป็นแฟนกัน
ถึงจะอยากพูดความจริงออกไปให้จบๆ แต่ถ้าเธอรู้ว่าทั้งหมดมันเป็นแค่เรื่องโกหกขึ้นมาก็มีแต่จะต้องร้องไห้แน่ๆ
แล้วแบบนั้น… คืนนี้ก็คงไม่ได้เดินงานเทศกาลกันหรอก แถมโคโคอะจะต้องจดจำความเศร้านี้ไปอีกหลายวันแน่ๆ
…พี่ชายคนนี้ไม่อยากเห็นน้องสาวต้องเศร้าแบบนั้นหรอกนะ เพราะงั้น—
“ขอโทษนะคุโรยูกิซัง… ช่วยไปเดินงานเทศกาลกับพวกเราหน่อยได้ไหม?”
ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้ก็คือการขอร้องให้เธอช่วยร่วมเล่นบทนี้ต่ออีกหน่อย
ถึงเธออาจจะไม่อยากเดินงานเทศกาลกับคนแบบผม แต่นี่ก็คงต้องถือว่าเป็นการตอบแทนที่ช่วยเธอไว้เมื่อกี้ก็แล้วกัน
“เอ๋… ได้เหรอ? ให้ฉันไปเดินด้วยได้เหรอ…”
“ไม่ใช่แค่ ‘ได้’ หรอก… แต่ผมขอร้องเลยล่ะครับ แล้วก็อีกอย่างนะ… พวกผู้ชายเมื่อกี้น่ะ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าพวกเขายังวนอยู่ในงานหรือเปล่า ถ้าเดินคนเดียวแล้วเจอกันอีกเข้ามันจะวุ่นวายนะ”
…แอบตกใจอยู่เหมือนกันที่ผมนึกข้ออ้างขึ้นมาได้ทันทีแบบนั้น คิดว่าน่าจะฟังดูเป็นธรรมชาติอยู่…ใช่ไหมนะ?
และในตอนที่ผมกำลังคิดแบบนั้น—
“งั้นเหรอ… อืม เข้าใจแล้วล่ะ ถ้างั้นก็ฝากตัวด้วยนะ”
คุโรยูกิซังยิ้มกว้างก่อนจะโค้งศีรษะให้เบาๆ อย่างสุภาพ
ไม่ใช่แค่ไม่ปฏิเสธ แต่เธอกลับยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่สดใสขนาดนี้
…นี่ผมจะขอเข้าใจผิดบ้างได้ไหมนะ? ว่าเธอไม่ได้รู้สึกฝืนใจที่จะเดินงานเทศกาลกับผม
ในขณะที่ผมกำลังจะเผลอคิดแบบนั้นอยู่แล้วเชียว—
“อื้อ! พี่สาว~ ไปด้วยกันน้า!”
แต่ก็มีนางฟ้าตัวจิ๋วอย่างโคโคอะมาขัดจังหวะด้วยรอยยิ้มแป้นแล้นพร้อมจับมือคุโรยูกิซังไว้แน่น
คงเพราะมีเด็กน้อยน่ารักแบบนี้อยู่ข้างๆ เธอถึงได้ดูยิ้มแย้มและเต็มใจขนาดนั้น
…ผมก็เลยสรุปกับตัวเองว่าที่เธอยอมมาเดินกับผมก็เป็นเพราะแบบนั้นแหละ
MANGA DISCUSSION