“ฮะๆๆ… นึกไม่ถึงเลยนะว่าฉันยังจะมีอารมณ์แบบนั้นหลงเหลืออยู่… อยู่กับเรย์เต้คุงนี่ไม่เคยน่าเบื่อจริงๆ เลยเนอะ~”
“บ่นอะไรของคุณน่ะ ไปได้แล้วค่ะ ด็อกเตอร์”
หลังจากรวมตัวกับไวซ์คุง ฉันกับเจ้าชายแล้วก็ด็อกเตอร์ก็พากันเดินเตร็ดเตร่สำรวจ ‘ป่ามรณะ’
แน่นอน เป้าหมายยังคงเป็นการตามหา ‘ผลึกเวท’ จากพวกสัตว์ประหลาด ไม่ได้เลิกกลางคันหรอกนะ
“ตอนนี้มีไวซ์คุงอยู่ ฉันก็อุ่นใจละ! มอนสเตอร์ตัวไหนโผล่มาก็ฝากนายจัดการล่ะกัน!”
“แน่นอน”
ไวซ์คุงยืนหน้าตาย แต่ก็ฮึดเอาจริงขึ้นมาเลยทีเดียว
พอเขาอยู่ใกล้ๆ ก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นเยอะเลยแฮะ…
“แต่แปลกแฮะ… ทำไมไม่มีสัตว์ประหลาดโผล่มาซักตัวล่ะ?”
ใช่เลย ‘ป่ามรณะ’ นี่มันควรจะเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดถึงจะถูก แต่ทำไมไม่มีอะไรโผล่มาเลยสักตัวล่ะเนี่ย?
ตอนที่ฉันมากับด็อกเตอร์ยังมีเสียงกรี๊ดกร๊าดไล่หลังอยู่เลย… นี่มันกลายเป็นเดินเล่นในป่าเฉยๆ ซะงั้น
“หรือว่า… พวกสัตว์ประหลาดมันกลัวไวซ์คุงกันหมด?”
“ก็น่าจะใช่นะ~”
ด็อกเตอร์พยักหน้าเห็นด้วยกับที่ฉันพูด บอกว่า “ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่”
“เพราะเจ้าชายคนนี้น่ะ เปลี่ยนภูมิประเทศแถบนี้ไปแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนนะ”
“พูดกันตรงๆ ใครมันจะอยากเจอสิ่งมีชีวิตที่ปล่อยลำแสงพังทุกอย่างได้เป็นว่าเล่นล่ะ?”
SFX : “เออ ก็จริง”
..รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงจากป่าแถบนี้เหมือนจะพยักหน้าตามเลยแฮะ?
“หืมม์…”
แล้วอยู่ๆ เจ้าชายระเบิดของเราก็เริ่มครุ่นคิดอะไรขึ้นมาอีก… อะไรอีกล่ะ?
“นี่…คุณหนูเลย์เต้ ป่าแห่งนี้…ข้าล้างบางมันทิ้งเลยดีมั้ย?”
ทันใดนั้น…ทั่วทั้งป่าก็สั่นไหวราวกับตกใจสุดขีด
“ก็คิดดูสิ ป่าที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์แบบนี้น่ะ มันก็เป็นภัยต่ออาณาเขตของเธอไม่ใช่รึ? ข้าพอจะทำให้ที่นี่กลายเป็นทะเลเพลิงได้นะ”
“มะ-ไม่ๆๆ! เข้าใจว่าหวังดีนะ แต่ห้ามเด็ดขาด!”
ฉันรีบกระแอมแล้วเริ่มอธิบายแบบจริงจังให้เจ้าชายฟังทันที
“ฟังให้ดีนะ ถ้ามอนสเตอร์มันเกิดขึ้นในป่าแห่งนี้จริงๆ ล่ะก็ จะทำลายไปก็ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น สัตว์ประหลาดทั้งหมดมาจาก ‘เขตแดนที่ยังไม่มีใครสำรวจ’ ที่มนุษย์ไม่เคยเข้าไปเหยียบเลยด้วยซ้ำ”
—‘เขตแดนที่ยังไม่มีใครสำรวจ’ นั่นคือดินแดนขนาดมหึมาที่ครอบคลุมเกือบทั้งโลกนี้ เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ที่ดุร้ายและไม่เคยมีใครสำรวจ
“มนุษย์เราน่ะ ค่อยๆ ขยายเขตที่อยู่อาศัยออกไปทีละนิด เหมือนวาดวงแหวนทีละชั้น แล้วก็ค่อยๆ สร้างประเทศขึ้นในแต่ละพื้นที่—เรื่องนี้ไวซ์คุงก็น่าจะรู้ใช่มั้ย? ถือเป็นพื้นฐานเลยนะ”
“ก็พอรู้นิดหน่อย…”
“‘พอรู้นิดหน่อย’ หรอ…”
สมกับเป็นประธานชมรมฝึกจนสลบ…
เล่นฝึกหนักวันละ 20 ชั่วโมงจนความจำปลิวแบบนี้ ไม่แปลกใจเลย…
สงสัยต้องหาเวลาสอนประวัติศาสตร์ให้สักหน่อยละมั้ง…
“กลับเข้าเรื่อง—อีกฟากของป่านี่คือเขตอันตรายสุดๆ ที่ไม่มีใครรู้เลยว่ามีสัตว์ประหลาดแบบไหน หรือมากแค่ไหน”
”ส่วนป่านี้ก็คือแนวป้องกันธรรมชาติ ที่ช่วยชะลอพวกมันไม่ให้บุกเข้ามาได้ง่ายๆ น่ะ”
“งี้นี่เอง?”
“อีกอย่าง ถ้าป่าหายไป เมืองก็จะกลายเป็นเป้านิ่งให้พวกมันมองเห็นชัดๆ แล้วมาบุกแบบคลื่นยักษ์แน่”
“อืม… เข้าใจล่ะ…”
ดูเหมือนไวซ์คุงจะเข้าใจแล้ว ดีละๆ
“สรุปคือ… แค่บุกเข้า ‘เขตแดนลึกลับ’ แล้วฆ่าล้างบางให้หมดก็พอใช่ไหม?”
“ม่ายยยย! ไม่ใช่อย่างง้านนน!”
ไอ้นี่มันเจ้าชายหรือเครื่องจักรทำลายล้างกันแน่!? คิดจะบวกอย่างเดียวเลยหรือไง!?
ตอนเจอกันใหม่ๆ ยังซึมๆ ขาดความมั่นใจอยู่เลยไม่ใช่เหรอคะ…?
“กุฟุฟุ… ทั้งหมดนี่ก็เพราะเรย์เต้คุงสั่งสอนเขามาอย่างดีไงล่ะ”
“เขาลือกันสนั่นเลยนะ—‘หญิงสาวผู้ดุด่าเจ้าชายจองหอง’ กับ ‘คุณหนูที่ซัดคำแรงใส่เจ้าชายในระหว่างดวลเพราะเขาไร้น้ำยา’ น่ะ”
“อุ๊บ… งั้นนี่มันความผิดฉันหมดเลยเหรอ…?”
“คุณหนูเรย์เต้ โปรดสั่งมาเถอะ ถ้านั่นคือความปรารถนาของคุณ ผมยินดีจะขยายเขตแดนให้ทันทีเลย”
“หยุดเลย! ถึงนายจะเทพยังไง แต่จะให้ไปบุก ‘เขตแดนลึกลับ’ คนเดียวมันก็เกินไปหน่อย!”
“อีกอย่าง เรื่องขยายเขตแดนมันต้องเป็นคำสั่งจากราชานะ ไปทำเองมั่วๆ ไม่ได้เด็ดขาด!”
“ทำไม่ได้เหรอ… เข้าใจล่ะ…”
ไวซ์คุงไหล่ตกด้วยความเสียดาย
“ถ้าข้าได้เป็นราชา…ข้าคงขยายเขตแดนให้เจ้าได้…”
เขาพึมพำเสียงเบา แต่น้ำเสียงจริงจังสุดๆ
“เอาน่า ถ้าไม่มีการปฏิวัติ เราก็คงไม่ได้เจอกันหรอกนะ”
“เพราะงั้นไม่ต้องมัวเสียดายอดีตหรอกน่า”
“อืม… เจ้าพูดถูก งั้นข้าจะให้สัญญาแทนก็แล้วกัน”
“เมื่อข้าได้เป็นราชาในวันแห่งการปฏิวัติครั้งใหม่—ข้าจะมอบแผ่นดินกว้างใหญ่ให้เจ้า”
“อ่ะฮะฮะ ฟังดูเข้าท่าดีนะคะ ไหนๆก็พูดแล้ว งั้นขอครึ่งประเทศเลยแล้วกัน!”
“…อืม สัญญาเลย”
ฟุฟุ… ถึงจะรู้สึกผิดกับไวซ์คุงอยู่หน่อย ๆ แต่ฉันก็อดขำไม่ได้จริง ๆ
จะปฏิวัติกลับก็ไม่มีพวกพ้องหรือกองทัพให้รวบรวมเยอะขนาดนั้นสะหน่อย
ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดีแหละน่า
สุดท้ายก็คงต้องใช้ชีวิตสงบ ๆ อยู่ที่นี่ไปนั่นแหละ
“เอาล่ะ กลับไปล่าอสูรกันต่อ ถึงจะดูเหมือนพวกมันหนีเราตลอดก็เถอะ…”
“อ๋า ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกนะ~”
ด็อกเตอร์ลูบคางแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ฉันที่เริ่มขมวดคิ้ว… อะไรอีกล่ะ?
“ฟังให้ดีนะ สองคน—‘สัตว์ประหลาด’ คือสิ่งมีชีวิตที่มีความก้าวร้าวผิดปกติต่อมนุษย์น่ะ”
“เพราะงั้นถ้าเรายืนอ่อยพวกมันอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็…”
แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ—ต้นไม้ด้านหน้าสั่นสะเทือน พร้อมเสียงคำรามต่ำๆ… ก่อนที่ยักษ์สามตนจะปรากฏตัว
แหม เจ้าพวกนี้มัน…
“ยักษ์ตาเดียว—ไซคลอปส์”
—ไซคลอปส์ ยักษ์ตาเดียวสูงกว่า 5 เมตร หน้าผากมีตาโตเบ้อเริ่มกินพื้นที่ครึ่งหน้า ดูยังไงก็โคตรน่ากลัว
ระดับภัยคุกคามของพวกมันเทียบเท่าจัมโบ้ออร์ก—ชั้นรองหัวหน้าบอสเลยนะนั่น
ว่ากันว่า ถ้าจะล้มได้ซักตัว ต้องแลกด้วยทหารธรรมดาถึงสามสิบคนเลยล่ะ
ถึงจะด้อยกว่าพวกออร์กนิดหน่อยในด้านพละกำลัง แต่พวกมัน…
“GAAAAH…!”
ในมือนั่นถือกระบองไม้โตเบ้อเริ่ม เหมือนฟาดต้นไม้ทั้งต้นมาใช้ยังไงยังงั้น
นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ไซคลอปส์น่ากลัวสุดๆ
ถึงจะเป็นสัตว์ประหลาด แต่พวกมันฉลาดแถมยังใช้มือคล่องแคล่วจนประดิษฐ์ ‘อาวุธ’ ได้เอง
พวกที่อยู่มานานจะยิ่งผลิตอาวุธได้ซับซ้อนและรุนแรงยิ่งกว่า
เพราะงั้นถ้าเห็นไซคลอปส์เมื่อไร ต้องจัดการให้ไวที่สุดก่อนมันจะทำอะไรได้
“กุฟุฟุ… เรย์เต้คุง ดูตาของพวกมันสิ”
“…แดงจนจะระเบิดแล้วอะ นี่มันสายตาของสิ่งมีชีวิตมีสติแน่เหรอ?”
“นั่นล่ะใช่เลย—สัตว์ประหลาดยิ่งเก่ง ก็ยิ่งมีสัญชาตญาณทำร้ายมนุษย์แรงขึ้น”
“ต่อให้พวกมันกลัวเจ้าชาย แต่ถ้าเห็นมนุษย์อยู่ตรงหน้าตลอด มันก็หลุดควบคุมจนคลั่งได้เหมือนกันนะ”
เข้าใจล่ะ เหมือนเอาเนื้อไปแกว่งต่อหน้าหมาหิวโซ ด็อกเตอร์คงรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้
“งั้นเรย์เต้คุง—ใช้พลังของเธอดูหน่อยสิว่า ‘ผลึกเวท’ ของพวกมันอยู่ตรงไหน”
“อืม… ขอฉันดูแป๊บนะ…”
ฉันเพ่งสายตา ใช้กิฟต์ ‘เนตรราชินี’
“อืม… สมองกับหัวใจก็แน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นจุดอ่อน… แต่ว่า…”
อ๊ะ เห็นจุดเล็กๆ เรืองแสงอยู่ในแต่ละตัวเลย
แถมยังมีแสงรวมตัวเข้าหามันอีกเหมือนศูนย์กลางพลังงานเลยด้วย
ดวงตาฉันจับสัมผัสพลังงานพิเศษได้ชัดเจน
ขนาดเทียบกับร่างกายยักษ์แบบนั้นมันเล็กจนน่ามองข้าม แต่พอเพ่งดีๆ แล้ว…
“—เจอแล้วล่ะ”
ตัวกลาง อยู่ห่างจากสะดือไปทางซ้ายประมาณ 5 เซน
ตัวขวา กลางลิ้นปี่เลย
ตัวซ้าย จุดสว่างอยู่เหนือหัวเข่าขวาประมาณ 30 เซน
พอบอกจบ ด็อกเตอร์ก็พยักหน้าอย่างประทับใจ “โอ้ อย่างนี้นี่เอง!”
“แต่ละตัวมีตำแหน่งไม่ซ้ำกันจริงๆ ด้วยแฮะ”
“ถ้าไม่มีเรย์เต้คุง การวิจัยครั้งนี้ไม่มีทางไปต่อได้เลย ขอบคุณมาก!”
“งั้น… ถึงคราวของข้าแล้วสินะ”
ไวซ์คุงก้าวออกมาข้างหน้า
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ท่าชักดาบ—เขาอยู่ในท่ามือเปล่า
“เราต้องเอาผลึกเวทออก โดยไม่ฆ่าพวกมันหรือลบมันทิ้งใช่ไหม? ถ้างั้น… ก็ต้องใช้วิธีนี้ล่ะ”
“หือ~ ไวซ์คุงสู้มือเปล่าได้ด้วยเหรอ? หรือว่าเรียนมาตอนฝึกโหดจากคลาส ‘วันละยี่สิบชั่วโมง’ นั่นสินะ?”
“ไม่หรอก—ยี่สิบชั่วโมงนั่นฝึกดาบล้วนๆ ส่วนต่อสู้มือเปล่าน่ะ…. แค่วันละสองชั่วโมงเอง”
ชมรมฝึกโหดจนหมดสติ—กลับมาแล้วววววววววว!
สรุปคือหมอนี่ฝึกวันละยี่สิบสองชั่วโมงเหรอ!? จริงเหรอ!? บ้ารึเปล่า! พักบ้างเถอะ!
“GOOOOOHHHHHHH!!”
ไซคลอปส์สามตัวคำรามลั่นแล้วพุ่งเข้าหาเจ้าชาย!
สามรุมหนึ่ง—ยักษ์ปะทะคน—อาวุธปะทะมือเปล่า
ดูยังไงก็เสียเปรียบสุดๆ แต่ทว่า…
“เข้ามาเลย ข้าจะใช้พวกเจ้าเป็นของขวัญให้คุณหนูเรย์เต้”
ไม่รู้สึกกลัวสักนิด—มีแต่ตื่นเต้นว่าไวซ์คุงจะกำจัดพวกมันยังไงเท่านั้นแหละ สมกับเป็นเจ้าชายสายระเบิดจริงๆ
“งั้น… ลุยล่ะนะ”
ไวซ์คุงพูดพร้อมยัดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง……
“วิชาหมัดสายสเตรน—(Iaiken: Gekko Issen) ‘อิไอเค็น · เก็กโค อิตเซ็น’ !!!”
แล้วหมัดของเขาก็เปล่งประกาย—ก่อนจะระเบิดตูมสนั่นไปทั้งป่า!
หมัดก็ระเบิดได้ด้วยเหรอวะเนี่ยยยยยยยย!!!!!?
===================================================
ยังไงก็ต้องจบที่ระเบิดทุกทีสินะ!!!!!
ไซคลอปส์ : ……
MANGA DISCUSSION