การลอบยิงด้วยเวทมนตร์จากระยะไกล อยู่นอกเหนือการตรวจจับของนักผจญภัยแรงค์ 6 (คาดว่า)
สิ่งนี้ทำให้สรุปได้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีพลังอย่างน้อยเท่ากับนักผจญภัยแรงค์ 6 หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ
ขณะที่ผมทนความเจ็บปวดในแก้วหูที่ถูกแรงอัดจากคลื่นเวทมนตร์ซึ่งเกิดจากเวทระเบิดที่พุ่งเข้าใส่เขตแดนของรถม้า จึงคาดการณ์ความสามารถของผู้โจมตี พร้อมกับขมวดคิ้วด้วยเหตุผลอื่นนอกจากความเจ็บปวด
“นายท่าน!”
เสียงตะโกนของคนขับรถม้าที่ชื่อเมอร์เซจาดังขึ้น พร้อมกับที่ผมกระโดดขึ้นไปบนรถม้า
สมกับเป็นรถม้าที่ท่านเสนาบดีเลือกใช้เพื่อส่งลูกสาวอันเป็นที่รัก เขตแดนเวทแข็งแกร่งมาก
ตัวรถม้าไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย
ทันทีที่ผมคว้าที่จับด้านข้างของรถม้า เมอร์เซจาก็กระตุ้นม้าให้วิ่งเต็มกำลังทันที โดยไม่รอให้เข้าไปข้างใน
เพราะไม่รู้ทิศทางของการลอบยิง เขาจึงเลือกจะพุ่งตรงไปข้างหน้า แทนที่จะเสียเวลาเปลี่ยนทิศ
แม้เขตแดนของรถม้าจะทนได้อีกหลายครั้งอย่างสบายๆ แต่ไม่รู้ขอบเขตการโจมตีของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงวางใจไม่ได้
คงมองโลกในแง่ดีเกินไปหากคิดว่าจะหนีออกนอกระยะยิงของศัตรูได้โดยไม่มีปัญหา
ผมปีนขึ้นไปบนหลังคารถม้าเพื่อเพิ่มระยะการมองเห็น
มีเวทและทักษะมากมายที่ปิดกั้นการรับรู้ของผู้อื่น แต่มีไม่มากที่จะหลอกลวงสายตาของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ และถ้าศัตรูมีความสามารถขนาดนั้น ก็ไม่น่าป้องกันการโจมตีครั้งแรกได้
“เมอร์เซจา ขอถามหน่อยว่ายังอยู่ในสัญญาหรือเปล่า?”
ผมตะโกนถามให้ดังกว่าเสียงรถม้าที่วิ่งด้วยความเร็วสูง
“แน่นอนครับท่าน!”
ถ้านักผจญภัยแรงค์ 6 บอกว่าอยู่ในสัญญา ก็คงเชื่อได้ล่ะนะ
ต้องขอบคุณท่านเสนาบดีที่ไม่ขี้เหนียว
ต้องเสริมแกร่งให้ร่างกายอีกครั้งและตั้งสมาธิไปยังด้านหน้า
ถ้าศัตรูมาจากด้านหลัง ตราบใดที่เขตแดนยังคงรับไหว พวกเราน่าจะหนีออกนอกระยะได้ทัน
แถมอีกฝ่ายก็ไม่ได้รัวเวทใส่อย่างต่อเนื่อง ก็พอจะประเมินระดับฝีมือได้แล้ว
อย่างน้อยก็มีคนคนหนึ่งที่สามารถใช้เวทมนตร์ที่แข็งแกร่งพอจะสร้างความกดดันต่อเขตแดนได้
ก็แน่ล่ะ เมื่อการโจมตีครั้งแรกถูกป้องกันไว้ได้ เขาก็ต้องร่ายเวทมนตร์ใส่อย่างเต็มกำลัง
สายตาที่ถูกเสริมด้วยเวทมนตร์สามารถมองเห็นสิ่งนั้นได้
ใช่ไหมล่ะ ถ้าป้องกันการโจมตีครั้งแรกได้ การโจมตีที่สองก็ต้องทุ่มสุดตัวโดยไม่แคร์ว่าจะถูกเปิดเผยใช่ไหม?
แสงที่เปล่งออกมาเป็นพลังเวทที่รวมตัวกันจนมองเห็นได้ลอดออกมาจากเงาของโขดหินที่อยู่ด้านหน้า
“นั่นไง พวกมันอยู่นั่น!”
“นายท่าน!”
เมอร์เซจาที่บังคับม้าก็เห็นเช่นเดียวกัน เขาชี้ไปที่โขดหินตรงหน้า
“ผมไปเอง!”
หลังจากประกาศหน้าที่ของตัวเองชัดเจน ผมก็กระโดดลงมาจากหลังคารถม้า
เพื่อยืนยันว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เป้าหมายสูงสุดคือการปกป้องเอริก้า โซลน์ซารี
ไม่คิดว่าเมอร์เซจาจะเข้าใจผิดตรงจุดนี้และก็ไม่คิดว่าท่านเสนาบดีจะจ้างคนที่จะทำผิดพลาดแบบนั้นด้วย
เมอร์เซจาตะโกนเรียกผมในขณะที่กระโดดลงไป
“ท่าน! อย่าลังเลเด็ดขาด!”
ผมวิ่งไปโดยไม่ตอบอะไร
เพราะก่อนหน้านั้นได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว
การตอบสนองต่อการปรากฏตัวกะทันหันของผมนั้นรวดเร็วมาก
ชายคนหนึ่งซึ่งสวมชุดคลุมเพื่อซ่อนใบหน้าเหมือนจอมเวท ได้กระโดดออกมาจากด้านหลังโขดหิน
ดูเหมือนว่าเขาจะเตรียมการใช้เวทย์มนตร์เสร็จแล้ว เนื่องจากพลังเวทกำลังพุ่งตรงไปยังรถม้าให้เห็นได้ชัด
ศัตรูเลือกโจมตีรถม้า แทนที่จะสนใจผมที่กำลังเข้ามา
จุดมุ่งหมายคือ……
“รถม้า!”
ดูเหมือนศัตรูจะตัดใจจากการโจมตีเด็ดขาดเพียงครั้งเดียว และพยายามเข้ามาหยุดการเคลื่อนไหวของเราก่อน
ถ้าอย่างนั้นก็ดี เดิมทีตั้งใจจะใช้ร่างกายเป็นโล่ป้องกันกันอยู่แล้ว หากเป้าหมายคือม้า ต่อให้เวททะลวงผ่านเขตแดนไปได้ อย่างน้อยตัวรถม้าก็ยังปลอดภัย
อีกสองสามลมหายใจ เวทมนตร์จากศัตรูก็พุ่งเข้าใส่
คลื่นเวทมนตร์พุ่งเฉียดร่างกายในขณะที่ผมกำลังวิ่งอยู่
ฝ่ายตรงข้ามตกใจ เมื่อเห็นว่าผมพุ่งเข้ามาโดยไม่สนใจเวทมนตร์ที่ถูกปล่อยใส่เลยแม้แต่น้อย ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าลงไปชั่วขณะ
ดาบที่ฟันตรงลำคอของศัตรูก็ยังถูกขัดขวางไว้
คู่ต่อสู้ร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วใช้มีดสั้นปัดดาบของผม
พลาดโอกาสจัดการกับผู้ใช้เวทมนตร์ให้จบภายในครั้งเดียว
ในเวลาเดียวกัน รู้สึกถึงคลื่นเวทมนตร์จากการป้องกันของรถม้าในระยะไกล
ผมสาปแช่งอยู่ในใจ พลางหมุนตัวครึ่งรอบ
หันไปสบตากับชายคนหนึ่งที่กำลังยกดาบขึ้นมาโจมตีจากทางด้านหลัง
ก็ใช่ล่ะ ไม่มีทางที่พวกเขาจะมาคนเดียว
ฝ่ายนั้นทำหน้าตาตกใจสุดขีด
นี่เป็นครั้งแรกที่เผชิญหน้ากับหมอนี่ แต่ผมก็ปาดคอเขาจนขาดอยู่ดี
ก่อนจะปามีดใส่ชายอีกสองคนที่อยู่ข้างหลัง
หนึ่งในนั้นล้มลงเมื่อถูกมีดปักคอ อีกคนถูกแทงที่หน้าอกแล้วยังขยับได้
แสดงว่ายังไม่ตาย
ผมก้าวเข้าไปหาชายคนนั้นทันที แล้วฟันดาบลงไปที่ศีรษะของเขา
เสียงของกะโหลกที่แตกร้าวทำให้ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงกรีดร้อง
รู้สึกแปลกๆ จึงรีบกลิ้งตัวออกไปให้ไกลจากตรงนั้น โดยที่ผมไม่ทันได้คิดอะไร
ทันใดนั้นก็เกิดระเบิดขึ้นตรงจุดที่ผมยืนอยู่
ก็กลิ้งตัวไปบนพื้นหญ้าจนร่างกายเปื้อนไปด้วยเศษหญ้าอีกรอบ แล้วพยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้น
ถ้าประมาทก็ตาย
เมื่อผมตั้งหลักได้ แล้วพบผู้โจมตีในชุดคลุมยังยืนตรงนั้นโดยไม่ระวังตัวเลย
ใบหน้าของเขาซึ่งซ่อนไว้ภายในหน้ากากใต้เสื้อคลุมแล้วโค้งตัวลงเล็กน้อย ก่อนที่จะบ่นพึมพำเหมือนคำสาปเบาๆ
ไม่ควรเป็นแบบนี้ มันก็แค่เด็กคนเดียว ต้องทิ้งความเป็นมนุษย์เพราะเรื่องแค่เนี่ย
ไม่สนใจหรอกว่าจะพูดอะไรออกมา เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้น ผมตั้งดาบขึ้นพร้อมก้าวขาออกไป เพื่อตัดคอมันให้ขาด
ตอนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดาบของผมก็จะต้องถึงเป้าหมายแน่
คลื่นกระแทกพุ่งขึ้นจากใต้เท้า ผมก็ถูกพัดปลิวไปหลายเมตร
MANGA DISCUSSION