โบสถ์หรือคริสตจักร ก็คือกลุ่มคนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า
หลักคำสอนมีเพียงหนึ่งเดียว
จงช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอ
มันมีแค่นั้นจริงๆ
แล้วพวกเขาซื่อสัตย์ต่อหลักคำสอน
เรียกได้ว่า ทุกคนตั้งแต่ระดับบนลงล่างเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเมื่อรวมกลุ่มกัน ย่อมเกิดขึ้น ก็ใช่ที่มันเกิดขึ้นได้ในหมู่พวกเขา กลุ่มต่างๆ นั้นถูกแบ่งออกตามวิธีที่จะช่วยเหลือผู้อ่อนแอเพราะอย่างนั้นจึงเรียกได้ว่าพวกเขาแน่วแน่อย่างแท้จริง
พวกเขาที่ช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแออย่างจริงจังและทุ่มเทสุดกำลัง จึงมีโบสถ์อยู่ทั่วทุกแห่งในหลายประเทศ เป็นความสัมพันธ์แบบแนวนอนที่แน่นแฟ้นและยังได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากประชาชน
พวกเขาเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์ ซึ่งเวทมนตร์นั้นคือการกระทำของพระเจ้าโดยไม่ข้องเกี่ยวกับอำนาจทางโลก ไม่ว่าจะเป็นนักบวชหรือซิสเตอร์ระดับล่างไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง ล้วนมุ่งมั่นอย่างสุดกำลังเพื่อเข้าถึงศาสตร์แห่งเวทมนตร์นั้น
จากมุมมองของราชวงศ์หรือขุนนางแล้ว พวกเขาอาจไม่ใช่กลุ่มที่น่าพึงพอใจนัก แต่ถึงอย่างนั้น การมีอยู่ของพวกเขาก็ยังมีประโยชน์ที่มากกว่านั้น
พวกเขาปฏิบัติตามหลักคำสอนด้วยการช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแออย่างจริงจัง และจากมุมมองของราชวงศ์และขุนนางแล้ว ถ้าพวกเขาทำแบบนี้ไปโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร จึงเป็นที่ต้อนรับ
การที่โบสถ์ไม่สนใจอำนาจทางโลกนั้น ก็เป็นสิ่งที่สะดวกสบายสำหรับพวกเขาเช่นกัน
ดังนั้น คริสตจักรกับเหล่าผู้มีอำนาจจึงรักษาความสัมพันธ์ที่เคารพกันในระดับพื้นฐาน และโดยทั่วไปแล้วต่างก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เป็นความสัมพันธ์แบบไม่แทรกแซงกันซึ่งดำเนินมายาวนานหลายปี
ก็จริงอยู่ที่ เมื่อมีการวางแผนลอบสังหารมิโกะแห่งแสง เรื่องการไม่ยุ่งเกี่ยวกันก็ถูกลืมไปโดยปริยาย
*
อดใจไม่ให้เดาะลิ้นส่งเสียงดังออกมาได้อย่างยากลำบาก
เฮคาไทเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง
ถ้าไม่เข้าใกล้โบสถ์ ก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เร็วเกินไป จึงอยากสาปแช่งตัวเองที่เคยคิดแบบนั้นอย่างงมงายจริงๆ
ซิสเตอร์กอดถุงกระดาษที่บวมใหญ่พร้อมกับรีบร้อนเดินเข้ามาหา
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเมินเฉยแล้วออกจากร้านไป แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากอยู่ดี
“นี่คือคู่สามีภรรยาลองแดกเกอร์ใช่ไหม!”
ซิสเตอร์พูดออกมาโดยแอบโผล่หน้าออกมาจากถุงกระดาษ
อยากจะพูดว่า คุณจำผิดคนแล้ว โดยไม่ตั้งใจออกมา แต่เอริก้ากลับตอบว่า ใช่แล้วค่ะ ด้วยรอยยิ้มอย่างไม่มีเหตุผล
ซิสเตอร์วางถุงกระดาษลงบนเคาน์เตอร์ แล้วก้มหัวลงเล็กน้อยอย่างสุภาพ
“ขอบคุณมากสำหรับตอนนั้นค่ะ ด้วยความช่วยเหลือของพวกคุณ ทั้งฉันและหมู่บ้านก็ปลอดภัยดี”
“ไม่หรอก พวกเราแค่ทำตามคำร้องที่ได้รับเท่านั้นเอง”
ซิสเตอร์ยิ้มเล็กน้อยกับคำตอบของผม
ทั้งที่ตั้งใจจะตอบอย่างเย็นชาให้มากที่สุดแล้วแท้ๆ มันมีอะไรน่าจะทำให้เธอยิ้มออกมาเหรอ?
“ค่ะ เป็นแค่คำร้องจากเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
ผมจิ๊ปากในใจกับคำตอบของซิสเตอร์
ถ้าเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคริสตจักรก็คงคิดแบบนั้นแหละ
นักผจญภัยที่ยอมรับคำร้องของเด็กหญิงโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
การที่คนของคริสตจักรจะจดจำในทางที่ดี ไม่ได้มีอะไรดีสำหรับพวกเราหรอกนะ
หรือจะบอกว่า ช่วยลืมเรื่องนั้นไปที
ผมพยายามคิดหาวิธีที่จะตัดบทการสนทนาแล้วแยกตัวออกไปให้ได้ แต่ก็มีเสียงจากข้างๆ เข้ามาขัดจังหวะ
“ชาร่า ขอรบกวนช่วงเวลาที่กำลังสนุกอยู่หน่อยนะ แต่ไม่ลองแนะนำตัวกันหน่อยเหรอ?”
ไม่หรอก มันไม่ได้สนุกอะไรเลยสักนิด
เทเปะพูดในขณะตรวจสอบสิ่งของในถุงกระดาษที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์
ท่าทางดูเป็นกันเองมาก น่าจะเป็นคนรู้จักหรืออะไรประมาณนั้น
รู้สึกเหมือนจะเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ
“อ้า ขอโทษนะคะ ฉันชื่อชาร่า แลนส์ลา ตามที่เห็นฉันเป็นซิสเตอร์ค่ะ เมื่อไม่นานมานี้ ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตฉันและหมู่บ้านในยามวิกฤตนะคะ”
เมื่อแนะนำตัวและกล่าวขอบคุณเสร็จเรียบร้อย ชาร่าก็มองมาที่พวกเราด้วยสายตาเปล่งประกายสดใส
นี่มันอะไรนะ? ตอนที่กำลังคิดในใจก็โดนเอริก้าที่ยืนข้างๆ กระแทกศอกใส่
ตอนนั้นเองก็ได้รู้ตัว
“ผมชื่อ ชิน ลองแดกเกอร์ ส่วนเธอคนนี้คือ ‘ภรรยา’ ของผม เอริก้า ลองแดกเกอร์ เหมือนที่เห็น พวกเราเป็นนักผจญภัย ดังนั้นเรื่องนั้นเป็นงานของพวกเรา อย่าได้กังวลไปเลย”
ด้วยความรู้สึกอยากจะรีบออกไปโดยไม่บอกชื่อเลยสักนิด เลยลืมแม้แต่ความสุภาพขั้นพื้นฐานอย่างการตอบโต้ด้วยการแนะนำตัวเอง
ถ้าพูดตามตรง ตอนนี้ก็ยังไม่อยากบอกชื่ออยู่ดี
ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะบอกชื่อปลอมไปก็ได้ แต่คงไม่ดี อาจมีปัญหาตามมาทีหลัง
เอาล่ะ แนะนำตัวเสร็จ เติมดาบเรียบร้อยแล้ว รีบออกไปกันเถอะ
“อาการบาดเจ็บของคุณโอเคดีไหมค่ะ?”
ในตอนที่กำลังคิดอย่างนั้นอยู่ เอริก้ากลับพูดคุยต่อเสียได้
“ค่ะ ด้วยความช่วยเหลือ ฉันจึงได้พักฟื้นและรักษาตัวอย่างช้าๆ จนดีขึ้น”
“อะไรนะ ชาร่า เธอได้รับบาดเจ็บเหรอ?”
ชาร่าพยักหน้าเมื่อได้ยินเสียงตกใจของเทเปะ
“ค่ะ ระหว่างทางไปรักษาชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บ ได้ถูกมอนเตอร์โกลเด้นโอเกอร์สามตัวซุ่มโจมตี”
“โชคดีที่ปลอดภัยนะ!?”
“ค่ะ ได้รับความช่วยเหลือจากคู่สามีภรรยาลองแดกเกอร์ที่ยืนอยู่ตรงนั้น”
เทเปะทำหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“พวกคุณสองคนเป็นคนจัดการโกลเด้นโอเกอร์ทั้งสามตัวเหรอคะ?”
พออีกฝ่ายถามด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ พวกเราก็พยักหน้าตอบไป แล้วเทเปะก็เอามือกุมหัวเงยหน้าขึ้นมองฟ้าอย่างหมดคำจะพูด
“บ้าเอ้ย! น่าจะโก่งราคาให้มากกว่านี้!”
เป็นคนซื่อจริงๆ แฮะ หรือว่าเอาเข้าจริงแล้ว คนคนนี้อาจจะไม่เหมาะกับการทำธุรกิจก็ได้นะ?
ไม่หรอก เพราะเขารู้ตัวต่างหากว่าไม่เหมาะกับการค้าขายแบบปกติ เลยเลือกใช้วิธีขายแบบพิเศษอย่างนี้ไงล่ะ
ไม่สิ แต่พอคิดแบบนั้นแล้ว ก็เข้าใจล่ะ
ที่ชาร่ารู้เรื่องคำร้องของเด็กสาวก็คงเป็นเพราะถูกเรียกตัวไปที่หมู่บ้านเพื่อรักษาพ่อของเธอนั่นแหละ
ทั้งโบสถ์และกิลด์นักผจญภัยต่างก็ยึดหลักการเดียวกันคือ การปกป้องผู้ที่อ่อนแอ เลยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ถ้าทำให้พวกเขาจดจำเราในแง่ดีเกินไป ก็กลัวว่าจะถูกทางโบสถ์ส่งภารกิจเฉพาะทางมาให้ ก็เลยอยากจะเลี่ยงจริงๆ
“ว่าแต่ เรื่องของทางคุณเรียบร้อยแล้วหรือยังคะ?”
เอริก้าหันมามองถุงกระดาษบนเคาน์เตอร์อย่างแวบหนึ่ง แล้วพูดออกมา
โอ้ เยี่ยมเลย แบบนี้ก็จะได้มีโอกาสหนีจากที่นี่ซะที
ก็เพราะว่าไม่อยากไปรบกวนธุระของคุณนั่นแหละ
“อ๋อใช่ เทเปะ”
ชาร่าหันตัวไปทางเทเปะ
ดีมาก แบบนี้ก็จะได้แอบผ่านข้างๆ แล้วออกจากร้านได้อย่างเนียนๆ
“ข้านำของที่ถูกขอให้ซ่อมแซมให้กับบ้านเด็กกำพร้ามาแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินคำว่า บ้านเด็กกำพร้า
ผมก็รู้ตัวว่าการวางแผนของตัวเองพังทลายลงอย่างง่ายดาย
” บ้านเด็กกำพร้า…… ใช่ไหมคะ?”
เอริก้าถามด้วยเสียงพึมพำเบาๆ
อ๋อ ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละเนอะ
ผมพยายามระวังไม่ให้สายตาดูเหม่อลอยไปไกล และรักษาหน้าให้ไม่แสดงอารมณ์ออกมา
MANGA DISCUSSION