“ทำไมต้องเป็นนายท่านด้วยล่ะครับ?”
คนขับรถม้าเอ่ยถาม
เขาเป็นคนของตระกูลโซลุนซารี และหลังจากนี้ไม่ว่าจะติดต่อเรื่องใดๆ ก็ต้องผ่านเขา
เพราะงั้น ฉันจึงสามารถเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังได้โดยไม่ต้องกังวล
“น่าประหลาดใจมากที่พ่อของผมกับท่านเสนาบดีนั้น เป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน”
“ฮ่าฮ่า”
ชายผู้นั้นไม่คุ้นเคยกับสังคมชนชั้นสูงมากนักจึงตอบอย่างคลุมเครือ
“เข้าใจล่ะ พวกเขาทั้งคู่จะเป็นขุนนาง การที่มาร์ควิสผู้ยิ่งใหญ่และไวเคานต์ผู้น้อยแสนจะยากจนจะเป็นเพื่อนกันนั้นถือเป็นเรื่องยากมาก”
ผมสรุปการสนทนาอย่างคลุมเครือและยักไหล่
อีกด้านหนึ่งของช่องหน้าต่างเล็กที่เขาสามารถพูดคุยกับคนขับรถม้าได้ ชายคนนั้นยักไหล่และพูดว่า “เป็นขุนนางนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะครับ”
ใช่แล้ว มันลำบากจริงๆ ถ้าให้พูดตามตรง ผมเหมือนกับคนที่จับฉลากได้ไม้ขีดที่สั้นที่สุด
จากนี้ไปสถานะของฉันในวงการขุนนางก็จบสิ้นแล้วเช่นกัน ครอบครัวของผมจะถูกมองว่าเข้าข้างเสนาบดีซึ่งมีความขัดแย้งกับราชวงศ์อีกต่างหาก การใช้ชีวิตในสังคมก็จะยิ่งยากลำบากไปกันใหญ่
พูดอย่างตรงไปตรงมาก็คือ การจะหาคนมารับบทคู่แต่งงานที่หนีตามกัน ไม่ถึงสัปดาห์ก่อนจะเริ่มปฏิบัติการนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ต่อให้หาเจอ ก็คงเป็นคนที่ไม่น่าไว้ใจ
เสนาบดีที่ประสบปัญหาก็เลยหันไปหาเพื่อนสนิทที่ดีที่สุด ซึ่งก็คือพ่อของผม
บังเอิญว่าพ่อผมมีลูกชายสามคน และลูกชายคนที่สองก็อยู่ห้องเดียวกันกับคุณหนูเอริกา อีกทั้งบ้านเราก็เป็นขุนนางชั้นผู้น้อยที่ยากจน ซึ่งเหมาะเจาะกับการเป็นคู่ที่การหนีตามกัน
เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่ผมเป็นผู้ถูกเลือก พูดตามตรง เหตุผลเดียวที่ผมเต็มใจเพราะว่าผมเป็นคนโง่นั่นเอง
แค่ได้อยู่เคียงข้างกับผู้หญิงที่อยู่สูงเกินเอื้อม ถึงแม้จะเป็นแค่สามีในนาม ผมเป็นคนโง่ที่ทิ้งชีวิตทั้งชีวิตไปเพียงเพื่อสิ่งนั้น
หญิงสาวที่มีค่าพอจะฝากชีวิตไว้กลับอยู่ในอาการช็อคจนสติหลุด
เธอฉลาดมากพอจะรู้ว่าใครควรสาปแช่งบ้าง หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแค่วันเดียวก่อนออกเดินทางก็ตาม
ตอนนี้ นอกจากเจ้าชายระยำนั่นแล้ว ยังมีชื่อลูกชายของขุนนางใหญ่ที่หลงรักมิโกะแห่งแสงเพิ่มมาด้วย
แวบหนึ่ง ก็คิดนะว่าถ้าต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ตลอดไปจะทำยังไง แต่พอลองจินตนาการดูก็รู้ว่า มันก็ไม่ลำบากอย่างที่คิดแฮะ
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดเอริก้า โซลนท์ซาลีก็ยังคงงดงามเสมอ ไม่ต้องกังวล มั่นใจเลยว่าจะดูแลเธอได้ทั้งชีวิต
บางที การได้อยู่เคียงข้างผู้หญิงแบบนี้ ผมคงเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกก็เป็นได้
–
“โอ้นายท่าน มีเรื่องจะคุยนิดหน่อย”
เวลาก็ล่วงเลยช่วงเที่ยงมาเล็กน้อย คนขับรถม้าชะลอความเร็วลงอย่างเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
ผมเพิ่งจะให้เอริก้า โซลนท์ซารีดื่มน้ำ ขณะที่เธอยังคงร่ายคำสาปอยู่
แม้เธอจะสวย แต่ก็ยังแสดงปาฏิหาริย์ในการดื่มน้ำได้ด้วยการร่ายคำสาปอย่างชำนาญ โดยไม่หกแม้แต่หยดเดียว
ฉันชื่นชมเอริก้า โซลซารีในใจพลางปิดฝาขวดน้ำ แล้วโน้มหน้าเข้าไปใกล้ช่องหน้าต่างเล็กๆ ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมา
“ยังอยู่อีกไกล ก็เลยไม่แน่ใจ แต่บางทีอาจจะมีโจรป่าอยู่ก็ได้น่ะครับ”
“ห๊ะ? ใกล้งเมืองหลวงขนาดนี้เลยเหรอ?”
พวกเราออกจากเมืองหลวงมาได้ประมาณแปดชั่วโมง เดินทางด้วยความเร็วที่เหมาะกับถนนหลวง แต่ก็ยังอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงเท่าไร
แม้จะเป็นประเทศที่กำลังเนรเทศพวกเรา แต่ความปลอดภัยของประเทศนี้แย่จริงเหรอ?
“คิดว่าเพราะมันใกล้มากก็ได้ครับ”
คนขับรถม้าพูดในขณะที่เขามองไปทางป่าข้างทาง ซึ่งยังอยู่ห่างออกไปอย่างสบายๆ
ตามคำบอกเล่าของคนขับรถม้า ถนนสายนี้ที่ทอดยาวไปทางทิศตะวันตกจากเมืองหลวงนี้เป็นเส้นทางที่มีรถบรรทุกสินค้า และบริเวณนี้ยังอยู่ไกลจากเมืองหลวงมากที่สุด แถมเป็นทางผ่านที่ต้องแวะไม่ว่าจะขาเข้าและขาออกจากเมืองหลวงก็ตาม
อัศวินแห่งเมืองหลวงตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงเน้นการลาดตระเวนเพื่อตามล่าโจร
ในทางกลับกัน หากคุณเลือกเวลาดีๆ ก็จะเป็นจุดที่ง่ายต่อการเล็งเหยื่อ
“แถมตอนนี้ก็ไม่มีรถม้าคันอื่นผ่านมาเลย”
“เข้าใจแล้ว”
ผมยังตีความได้อีกว่า นี่คือรถม้าหรูประเภทที่คนรวยเค้ามีกัน พอคิดแบบนั้นจึงตัดสินใจเชื่อคนขับ
ฉันคว้าดาบที่วางพิงไว้ขึ้นมา พร้อมพูดกับเขาว่า
“ถึงอย่างนั้นนายก็เป็นนักผจญภัย”
“ห๊ะ? ท่านรู้ได้ยังไงครับ?”
คนขับดูเหมือนจะแปลกใจ จึงยิ้มแห้งๆ ให้เขา
“ระยะห่างขนาดนี้แล้วยังสังเกตเห็นพวกโจรได้ ก็น่าจะมีแค่พวกนักผจญภัยที่มีสกิลหรืออดีตนักผจญภัยเท่านั้นแหละ ด้วยเหตุผลทางการเมือง ท่านเสนาบดีไม่สามารถทำให้นักผจญภัยเป็นผู้ติดตามได้ ถ้าอย่างนั้น การที่คิดว่าเขาเป็นนักผจญภัยที่ทำสัญญาส่วนตัวกับท่านเสนาบดี ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยใช่ไหมล่ะ”
“โอ้โห ขุนนางนี่คิดลึกจริง ๆ แฮะ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ
“นายอยู่แรงค์อะไร?
“แรงค์หกครับ”
โอ้ สมกับเป็นตระกูลมาร์ควิส ถึงขนาดจ้างนักผจญภัยระดับสูงสุดที่พอจะจ้างได้แบบต่อเนื่อง
แรงค์ 6 ก็ถือว่าอยู่ในขอบเขตที่เลิกเป็นมนุษย์ไปครึ่งหนึ่ง
การจะจ้างคนที่มีแรงค์สูงกว่านี้นั้นเป็นเรื่องยาก
ไม่ใช่แค่เรื่องเงินทุนเท่านั้น เพราะคุณไม่สามารถคาดหวังให้อีกฝ่ายพร้อมทำงานตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามครอบครัวของผม การจะจ้างใครสักคนที่อยู่แรงค์ 6 อย่างต่อเนื่องนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ในแง่ของเงินทุน
“รู้จำนวนไหม?”
“มีหกคนอยู่ในป่าทางขวามือนั่นครับ และน่าจะมีอดีตนักผจญภัยหนึ่งคนด้วยแต่…”
เขามองออกไปในระยะไกลเพียงชั่วขณะ
“เอาล่ะ แค่พวกกระจอกนั่นแหละ”
คงเจาะบาเรียของรถม้าไม่ได้หรอกมั้ง ชายคนนั้นพึมพำกับตัวเอง
ผมจึงเหน็บดาบเข้ากับเข็มขัดตรงเอว
“ผมจะออกไปคนเดียว”
“หา?”
ชายคนนั้นหันมามองผ่านหน้าต่างอย่างตกใจ
“ไม่ได้ดูถูกการประเมินของนายหรอกนะ แต่จะระมัดระวังหากมีอดีตนักผจญภัยอยู่แถวนั้น แล้วเชื่อในการประเมินของนาย ดังนั้นจะออกไปคนเดียว ถ้าพวกเขาเป็นคนที่ไม่สามารถเจาะบาเรียของรถม้าคันนี้ได้ ผมคนเดียวก็พอ”
ชายขับรถม้ามองหน้าฉันครู่หนึ่ง ก่อนจะยักไหล่ ซึ่งหมายความว่า เชิญตามสบาย
“ถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็หนีไปได้เลยไม่ต้องห่วง”
“นักผจญภัยจะลืมได้อย่างไรว่าใครเป็นคนจ่ายเงินให้ครับท่าน”
อดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบประชดประชันของชายคนนั้น
พูดอีกอย่างหนึ่ง ความปลอดภัยของ เอริก้า โซลน์ซารี อยู่ในมือของผม
“เอาล่ะ ไปแล้วนะ”
ผมกระโดดออกจากรถม้า
MANGA DISCUSSION