พูดอะไรอยู่น่ะ?
ความสงสัยนั้นปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าซิสเตอร์แสดงสีหน้าออกมาชัดเจน
ถ้าพูดถึงซิสเตอร์ในคริสตจักรล่ะก็ พวกเขาใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนให้กับการฝึกฝนเวทมนตร์ ซึ่งเป็นอิทธิฤทธิ์ของพระเจ้า และล้วนเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญเวทมนตร์จนเหนือกว่านักผจญภัยทั่วๆ ไป
ตามหลักปรัชญาของคริสตจักร ถึงแม้เวทมนตร์โจมตีจะไม่ได้ถูกฝึกฝนอย่างเข้มงวดมากนัก แต่หากเทียบกับนักผจญภัยทั่วไปแล้ว ก็ยังมีฝีมือด้านเวทมนตร์อยู่ในระดับแรงก์ 5
สำหรับผู้ใหญ่บ้านที่รู้ว่าพวกเราเป็นนักผจญภัยแรงก์ 1 เขาทำหน้าราวกับกำลังสงสัยความมีสติของพวกเราโดยสมบูรณ์
ซิสเตอร์เป็นฝ่ายบอกให้หนีไป อาจเป็นเพราะเธอไม่เข้าใจการตอบสนองของเอริก้า ซึ่งแม้จะพกดาบไว้ที่เอว แต่ก็ดูยังไงก็เป็นเพียงคนธรรมดา
ถึงอย่างนั้น แม้ว่าเธอยังสาว แต่ซิสเตอร์ของคริสตจักรได้รับบาดเจ็บเพราะคู่ต่อสู้อย่างงั้นเหรอ
เจ้านั่นเป็นตัวอะไรกันแน่
ผมครุ่นคิดพร้อมกับได้ยินเสียงคำรามของอสูรดังขึ้นอีกครั้ง
“ผู้ใหญ่บ้าน จริงๆ แล้ว รอบๆ หมู่บ้านมีอะไรโผล่ออกมากันแน่?”
ผมตัดสินใจลองถามคนที่น่าจะรู้อะไรสักอย่าง
“หมายถึงเรื่องอะไร”
ทั้งที่ได้ยินตอนพูดเรื่องของเจ้านั่นต่อหน้าต่อตาขนาดนั้นแล้วแท้ๆ ยังจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ
ช่างเถอะ เดี๋ยวก็รู้เองแหละ
ผมไม่สนใจผู้ใหญ่บ้าน แล้วเดินเข้าไปหาซิสเตอร์
ซิสเตอร์ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ จึงแสดงความสับสนออกมาเมื่อเห็นการโต้ตอบระหว่างผมกับผู้ใหญ่บ้าน แต่เธอก็ตั้งสติและทำสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
“นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องไร้สาระนะ รีบหนีไปเดี๋ยวนี้ ฉันจะถ่วงเวลาไว้ให้เอง”
“เอริก้า”
“ค่ะ”
เอริก้าย่อตัวลงต่อหน้าซิสเตอร์ แล้วฉีกชุดนักบวชออกส่วนหนึ่งอย่างใจเย็น โดยไม่สนใจซิสเตอร์ที่กำลังตกใจเลย
ซิสเตอร์ตกใจจนตัวแข็ง
“ซี่โครงที่หักโผล่ออกมาจากท้องเลยสินะคะ”
“อุ๊บ”
ไม่รู้ถึงสภาพร่างกายของตัวเองหรือเปล่า หรือจงใจไม่ตรวจสอบมันกันแน่ แต่เมื่อซิสเตอร์รู้รายละเอียดของบาดแผลตัวเองเข้า ก็ได้แต่ครางออกมา
“ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร หากต้องสู้ขึ้นมาล่ะก็ ถึงไม่ทำอะไรเลยก็ตายอยู่ดีนะคะ”
“ซิสเตอร์ แล้วเวทรักษาล่ะ?”
“เวทฟื้นฟูน่ะ ใช้ได้นิดหน่อยเอง คือว่า…… ไม่ค่อยถนัดน่ะค่ะ”
ซิสเตอร์ที่ทำสีหน้าเจ็บปวด แต่ก็ยังเขินอายไปด้วย
คริสตจักรให้ความสำคัญกับการเรียนรู้เวทรักษาเป็นอันดับแรกๆ ดังนั้นสำหรับเธอแล้ว การที่บอกว่าไม่ถนัดก็คงเป็นเรื่องน่าอายอยู่ไม่น้อย
“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นแปลว่าเธอใช้เวทได้นิดหน่อยสินะ ต่อจากนี้พวกเรากำลังจะไปจัดการ’เจ้านั่น’กัน”
ซิสเตอร์ส่ายหน้า
“คุณพูดอะไรน่ะ เจ้านั่น… มอนเตอร์ตัวนั้น”
ซิสเตอร์ดูเหมือนกำลังจะบอกตัวตนที่แท้จริงของเจ้านั่น ที่ผมอยากรู้ แต่สุดท้ายก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
เพราะสายตามองเห็นร่างของเจ้านั่นเข้าแล้วยังไงล่ะ
“นั่นคือโกลเด้นโอเกอร์ใช่ไหม”
เมื่อผมเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อยืนยันตัวฝ่ายตรงข้าม ซิสเตอร์ก็ครางออกมาว่า ‘อ๊าา’
ไม่ใช่เสียงแห่งการเห็นด้วย แต่น่าจะเป็นเสียงคร่ำครวญต่อพวกเราที่ไม่ยอมหนีไปซะที
“เฮ้ นาย”
ผมเรียกชายขับรถม้าคนนั้นที่กำลังทำหน้าเซ็งสุดๆ เพราะพวกเรายืนขวางจนเขาหนีไม่ได้
“ฝากบอกชาวบ้านที่หนีออกไปนอกหมู่บ้านว่า อย่าไปไกลเกินไปล่ะ”
“คุณกำลังพูดถึงอะไร”
คนที่พูดแบบนั้นก็คือผู้ใหญ่บ้านนั่นเอง
ผมไม่สนใจผู้ใหญ่บ้าน แล้วพยักหน้าให้กับเอริก้า
ไม่รู้ทำไม รู้สึกว่าเพียงแค่นั้นก็เข้าใจกันได้แล้ว
เอริก้าพยักหน้าตอบกลับผม แล้วสอดมือเข้าไปใต้รักแร้ของซิสเตอร์ โดยไม่สนใจซิสเตอร์ที่ส่งเสียงถามอย่างสับสนว่า ‘จะทำอะไร’ และยังพาซิสเตอร์ไปนั่งพิงที่รั้วใกล้ๆ
แค่จะลุกขึ้นจากท้ายรถ คงต้องฝืนใช้แรงใจอย่างมาก ถ้าโดนจับให้นั่งลงในสภาพแบบนี้อีก การจะลุกขึ้นมาในทันทีก็ลำบากไม่น้อยเลย
ผมตัดสินใจพูดกับผู้ใหญ่บ้าน
“มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คุณหวังไว้ก็เถอะ แต่ผมจะไปจัดการเจ้านั่นให้เอง เพราะผมก็เผลอรับคำขอของลูกสาวที่เป็นห่วงพ่อไปแล้วด้วย”
“อย่าโทษกันแบบนั้นเลยนะ คราวหน้าก่อนจะรับคำขอ จะปรึกษาอย่างเหมาะสมอย่างแน่นอน”
ในสายตาของหัวหน้าหมู่บ้าน เห็นพวกเราเป็นยังไงกันนะ?
นักผจญภัยแรงก์ 1 ที่ไม่รู้จักแม้แต่ฝีมือตัวเองงั้นเหรอ?
หรือว่าจะเป็นแค่หนุ่มสาวสองคนที่สติไม่ดีกันแน่?
ก็แบบว่า ที่ดูฝีมือเอริก้าไม่ออก สายตาคงแย่แน่ๆ ต่อให้มองเห็นพวกเราเป็นแบบไหน มันก็ไม่สำคัญนักหรอก
พลังเวทไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
ส่งพลังลงไปที่ขา
“คุณซิสเตอร์ โปรดรอสักครู่ ฉันจะไปจัดการให้เสร็จโดยเร็วค่ะ”
เมื่อได้สัญญาณจากคำพูดของเอริก้า พวกเราก็พุ่งตัวออกไปทันที
MANGA DISCUSSION