ผมเป็นนักผจญภัยตอนอายุ 12
สำหรับการเป็นนักผจญภัยแล้ว อายุแค่นี้ยังเร็วเกินไปสักหน่อย
ถ้าไม่มีเหตุผลพิเศษดีๆ โดยปกติแล้วไม่มีใครคิดจะเป็นนักผจญภัยตอนอายุ 12 หรอก
ตอนนั้นยังไม่เข้าใจ แต่โลกนี้มันก็เป็นแบบนั้นแหละ
สำหรับชาวบ้าน ถ้าอยากเป็นคนทำขนมปังก็ทำได้ ถ้าอยากเป็นคนตัดไม้ก็ทำได้เช่นกัน
พวกเขามีทางเลือกมากมาย ต่างจากผมที่เป็นขุนนาง
ด้วยเหตุนี้ ถ้าจะว่ามันสมเหตุสมผล มันก็สมเหตุสมผลอยู่ การจะตัดสินใจว่าจะเลี้ยงชีพด้วยการสู้กับสัตว์ประหลาดอย่างเอาเป็นเอาตายตั้งแต่อายุแค่ 12 นั้น ก็ย่อมต้องมีเหตุผลบางอย่างที่หนักแน่นพอสมควร
ในกรณีของผมน่ะ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยสักนิด
ตามที่อาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า ‘แบบนั้นนั่นแหละดีแล้ว’
บาร์บาร่าผู้ใจดี ได้ขอให้เด็กอายุ 12 ที่เป็นขุนนางอย่างชัดเจน ให้มาเป็นศิษย์ของเธอ
นั่นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนจะรู้ว่าอาจารย์คือสัตว์ประหลาดแรงค์ 9 ตัวจริง
หลังจากนั้นไม่นาน เอลซ่าที่อายุเท่ากันก็กลายมาเป็นศิษย์น้องของผม และหลังจากนั้นก็ได้รับการฝึกฝนในฐานะนักผจญภัยกับอาจารย์เป็นเวลา 3 ปี
*
จู่ๆ ก็เงยหน้ามองเพดาน ขณะที่บีบหว่างคิ้วด้วยมือขวา เหมือนกำลังพยายามทนกับอาการปวดหัว ‘อา…’ เป็นเสียงถอนหายใจที่ออกมา ทำให้เอริก้ากับพนักงานกิลด์หันมามองมาด้วยความสงสัย
พูดตามตรง รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ผมก็พูดกับพนักงานกิลด์
“ช่วยลืมทุกอย่างที่สองคนนั้นพูดไปเถอะ”
“เอ๊ะ? ถ้าอย่างนั้นคุณจะไม่พูดว่า ‘ช่วยอนุญาตให้ลงทะเบียนเริ่มที่แรงก์ 7 เป็นกรณีพิเศษหน่อยสิ’ อะไรแบบนั้นเหรอคะ?”
“ไม่พูดหรอก”
สีหน้าของพนักงานกิลด์ดูผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย
“ถึงจะปฏิเสธไปแบบนั้น คงจะแทงพนักงานกิลด์ทุกคนเหมือนอาหารเสียบไม้ใช่ไหมคะ”
“ไม่ทำหรอก แล้วเอลซ่าเองก็ไม่เอาพนักงานกิลด์ไปเสียบไม้ขนาดนั้นหรอกครับ”
สีหน้าดูสดใสขึ้นไปอีก
“งั้น… ถ้าไม่ให้สิทธิพิเศษ ก็ไม่มีทางที่ ‘บาร์บาร่าผู้ใจดี’ จะมาทำดีกับหัวหน้ากิลด์เลยสินะคะ?”
“โทษที เรื่องนั้นก็อาจจะเป็นไปได้”
พนักงานกิลด์ครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะพึมพำเบาๆ ว่า ‘ถ้าแค่หัวหน้ากิลด์ล่ะก็’ แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หัวหน้ากิลด์น่าสงสารจัง
“โล่งอกจริงๆ…… โล่งอกสุดๆ……. พวกเราพนักงานกิลด์ทุกคนขอร่วมกันกล่าวขอบพระคุณแด่ ‘ท่านลองแดกเกอร์ผู้เกินตัว’ อย่างสูงด้วยค่ะ”
พนักงานกิลด์เอ่ยคำขอบคุณทั้งน้ำตา แต่ไม่ว่าจะมองยังไง ผมก็ไม่ใช่คนที่ควรได้รับคำขอบคุณเลยสักนิด
ในทางกลับกัน คนที่ควรเป็นฝ่ายขอโทษก็คือผมต่างหาก
เอ่อ… ไม่รู้ว่าคนนั้นสองคนพูดอะไร แต่ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ
ในขณะที่กำลังขอโทษอยู่ในใจ แต่ขอถือโอกาสนี้จะพูดอะไรสักอย่าง
“อีกอย่าง ผมไม่มีชื่อที่สองอะไรหรอกนะครับ จะเรียกว่าลองแดกเกอร์หรือชินก็ได้ ไม่ว่ากัน ถึงจะมีชื่อที่สองจริงๆ ก็ยังรู้สึกเขินเวลาถูกเรียกแบบนั้นอยู่ดี”
พนักงานหญิงของกิลด์เอียงคอเล็กน้อย กับคำพูดของผม
“ชื่อที่สองของคุณลองแดกเกอร์ ได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการกับกิลด์แล้วนะคะ?”
“ฮะ?”
“ตอนยังอยู่แรงก์ 1 ก็สามารถล้มฝูงกระทิงโล่ได้เพียงลำพัง เมื่อถึงแรงก์ 2 ก็จัดการแลนเซอร์ไพธอนด้วยตัวคนเดียว แม้แต่ตอนอยู่แรงก์ 4 ก็ยังสามารถโค่นราชินีแมงมุมหนามได้ด้วยตัวคนเดียวเช่นกัน ศัตรูเหล่านี้ล้วนเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่สมกับแรงก์ของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อยค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะเป็นขุนนาง แต่ก็ยังยอมก้มหัวขอคำแนะนำจากนักผจญภัยชนชั้นสามัญอย่างจริงใจ แสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเองอย่างแท้จริง เรียกได้ว่า เป็นนักผจญภัยที่สมกับฉายา ‘ลองแดกเกอร์ผู้เกินตัว’ อย่างแท้จริงค่ะ”
ต่อหน้าต่อตาผมที่ยืนอึ้ง พนักงานกิลด์ก็เปิดหนังสือแล้วเริ่มอ่านออกเสียงลื่นไหลอย่างไม่มีสะดุด
“นั่นมันอะไร”
“นี่คือสมุดรายชื่อนักผจญภัยของกิลด์นะคะ? หากฉายาได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากกิลด์ ก็จะถูกบันทึกเอาไว้ค่ะ”
“ผมไม่เห็นจะจำได้เลยว่าตัวเองเคยบอกชื่ออะไรแบบนั้นไปน่ะ”
“ตรงนี้เขียนไว้ว่าผู้เสนอฉายาคือบาร์บาร่าค่ะ”
อืม…!
อืม……!
อืม…………!
ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะกรี๊ดออกมาทันที
เหยื่อที่ได้รับความใจดีจากอาจารย์ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในสภาพแบบนี้
ผมแทบไม่เคยตกอยู่ในตำแหน่งผู้ได้รับได้รับความเสียหาย นานๆ ทีก็ได้ตกเป็นเหยื่อของความใจดีของ ‘บาร์บาร่าผู้ใจดี’ ต้องบอกเลยว่า มันช่างหนักหนาพอตัวเลยทีเดียว
ผมอดกลั้นที่อยากจะกรี๊ดออกมาอย่างสุดกำลัง
ใบหน้าอาจจะกระตุกหน่อยๆ ก็ได้
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณที่บอกครับ”
ผมพยายามอย่างมากที่จะพูดคำขอบคุณออกไป
MANGA DISCUSSION