หลังจากที่เอริก้า โซลน์ซารีฟื้น ผมก็ถูกเธอบอกว่าถูกใจ จนแทบจะเป็นลม ผ่านมาได้ประมาณสองชั่วโมง
ในขณะเดียวกัน เอริก้า โซลน์ซารีก็นึกถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องบ้าๆ บอๆ ครั้งนี้ขึ้นมาแบบฉับพลัน จนเกือบจะกลายเป็นเครื่องพ่นคำสาป
ผมเองก็เผลอนึกถึงตอนที่เธอบอกว่าถูกใจอยู่หลายครั้ง จนแทบจะเป็นลมเหมือนกัน
เมอร์เซจาบอกผมจากที่นั่งคนขับว่า ดูเหมือนวันนี้จะเดินทางวันแรกได้จบลงอย่างปลอดภัย
“นายท่าน เมืองที่จะพักกันคืนนี้ เริ่มมองเห็นแล้วนะครับ”
แม้จะไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ ในเมื่อเขาอุตส่าห์เรียก จึงเปิดหน้าต่างของประตูฝั่งที่ไม่ได้ถูกพัดปลิว แล้วลองมองดูด้านหน้า
แม้จะยังเห็นแค่เล็กๆ แต่ก็พอมองเห็นพื้นที่ราบที่มีเมืองตั้งอยู่
ถ้าจำไม่ผิด เมืองนี้น่าจะชื่อสุดาวาร์ดล่ะมั้ง
จำได้ว่าเคยมาเมืองนี้หลายครั้งตอนทำงานเป็นนักผจญภัย แต่ก็ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่
เพราะอย่างนั้นความสนใจของผมจึงเปลี่ยนไปยังเรื่องอื่นแทน
“ถึงอย่างนั้น เมอร์เซจา”
“มีอะไรเหรอครับนายท่าน”
เมอร์เซจาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายมากจนดูแปลกนิดหน่อย แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนขับรถม้าและองครักษ์ในเวลาเดียวกัน
“จริงๆ แล้วไม่มีการโจมตีเพิ่มเติม สมกับเป็นการวิเคราะห์ของรุ่นพี่จริงๆ”
เมอร์เซจาหัวเราะแปลกๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
“ไม่มีองค์กรไหนที่สามารถส่งนักฆ่าแรงค์ 6 ออกมาได้แบบง่ายๆ หรอกนะครับ สำหรับฝ่ายตรงข้ามแล้ว นี่เหมือนกับการที่โดนทำลายสมบัติล้ำค่าของตัวเองเลยนะ”
มันก็ง่ายเกินไป
ผมแอบมองใบหน้าของคนที่จัดการได้อย่างไม่ยากเย็นเพียงแวบหนึ่ง
บุคคลดังกล่าวกำลังเพลิดเพลินกับวิวจากหน้าต่างอยู่ ยังไม่รู้สึกตัวละมั้ง
“ต่อให้พวกเขาวางแผนที่จะโจมตีครั้งต่อไปไว้ ฝั่งเราก็ยังปลอดภัยถ้าไม่ประมาท อีกฝ่ายก็คงต้องพักเตรียมตัววางแผนครั้งถัดไป ในระหว่างนั้น พวกเราต้องรีบออกจากเขตของพวกเขากันครับ เพื่อให้พวกเขาจะมีข้อแก้ตัวกับผู้ว่าจ้างได้บ้าง”
ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ประมาทต่อคำพูดของเมอร์เซจา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเห็นด้วย
นักผจญภัยก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ย่อมมีโอกาสล้มเหลวได้ด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ
อย่างไรก็ตาม ยิ่งแรงค์สูงก็ยิ่งหายากมากขึ้น
ถึงจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ถ้ามีทักษะของนักผจญภัยแรงค์สูง ย่อมเป็นที่ต้องการอย่างมาก
มีเพียงไม่กี่คนที่ล้มเหลว จนกลุ่มอาชญากรรับเข้า
คนร้ายที่ใช้เวทมนตร์คนนั้น มีฝีมือที่เทียบเท่ากับนักผจญภัยแรงค์สูงอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นอดีตนักผจญภัย คนทั่วไปที่ฝึกฝนจนมีฝีมือถึงระดับนั้นหรือคนที่โดดเด่นอยู่แล้ว ตรงจุดนั้นยังคงเหมือนเดิม
ตามที่เมอร์เซจากล่าว กองกำลังรบแบบนี้ต้องเป็นทรัพย์สินอันล้ำค่าขององค์กรอย่างแน่นอน
ถ้าสิ่งนั้นถูกทำลายลง มันจะกลายเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ต่อองค์กร
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า
แม้จะไม่รู้วิธีการของศัตรู แต่พวกมันสามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นปีศาจได้
คงจะมองโลกในแง่ดีเกินไปหากคิดว่าอีกฝ่ายเป็นองค์กรที่มีความสมเหตุสมผล
ความคิดแบบนั้นแสดงบนใบหน้าของผม เมอร์เซจายิ้มแห้งๆ
“อย่างน้อยในเมืองนี้ คงจะวางใจได้ครับ”
หากมนุษย์กลายเป็นปีศาจกลางเมืองก็คงจะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่
เมอร์เซจาพูดพร้อมหัวเราะ
–
เมืองสุดาวาร์ดเป็นที่เรียกได้ว่า มีทั้งเครื่องมือเวทสร้างน้ำและอุปกรณ์สร้างเขตแดนป้องกันอยู่ในการครอบครอง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง น้ำทั้งหมด ตั้งแต่น้ำดื่มไปจนถึงน้ำสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ล้วนถูกสร้างขึ้นโดยใช้เครื่องมือเวทสร้างน้ำ และไม่ได้ใช้กำแพงล้อมเมืองเพื่อป้องกันจากปีศาจหรือศัตรูภายนอก แต่ป้องกันเมืองด้วยการสร้างเขตแดนเวทขนาดใหญ่โดยใช้อุปกรณ์สร้างเขตแดนป้องกันแทน
แน่นอนว่าทั้งสองสิ่งนี้ต้องใช้พลังเวทย์มนตร์จำนวนมหาศาล
ไม่มีทางจะจ่ายพลังเวทแบบนั้นอย่างต่อเนื่องโดยใช้หินเวท ซึ่งเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นเมืองสุดาวาร์ดจึงเลือกใช้วิธีการเดียวกับเมืองอื่นๆ ที่คล้ายกัน
สรุปก็คือ
ผมรู้สึกหนาวเล็กน้อยเมื่อพลังเวทย์มนตร์ถูกดูดออกไปจากตัว
เมอร์เซจาและม้าที่ลากรถม้าก็ดูเหมือนว่าจะรู้สึกหนาวเย็นจนตัวสั่นเช่นกัน
คนเดียวที่ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ เลยก็คือเอริก้า โซลน์ซารี
หลังจากทำเรื่องเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว พอเข้าสู่ภายในเขตแดน ก็รู้สึกว่าพลังเวทถูกดูดไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มันดูดพลังเวททีละเล็กทีละน้อยจากชาวเมือง เพื่อผลิตน้ำและสร้างเขตแดน
นั่นคือวิธีการที่เมืองต่างๆ อย่างเมืองสุดาวาร์ดใช้กัน
สำหรับผมที่สามารถเห็นพลังเวทได้ด้วยตาเปล่า มองเห็นสายพลังเวทไหลขึ้นสู่ท้องฟ้าจากทั่วทุกมุมเมือง
กระแสพลังเวทจำนวนมาก จนบางคนอาจจะเรียกมันว่าสวยงามก็เป็นได้
แต่ผมกลับอดไม่ได้ที่จะมองกระแสพลังเวทเพียงเส้นเดียวด้วยสายตาตัวเอง
เวทมนตร์สีทองของเอริก้า โซลน์ซารี
MANGA DISCUSSION