“~~~~~ อร่อยสุดๆ ไปเลย! เอ๋ นี่นายทำเองจริงๆ เหรอ!?”
“ก็ใช่น่ะสิ”
หลังจากสอนให้ชิซุกะซักผ้าได้สำเร็จ เราก็ช่วยกันจัดห้องนั่งเล่นของโลกปีศาจ แล้วต่อด้วยห้องส่วนตัวของชิซุกะที่จมอยู่ใต้หุบเหวแห่งความสกปรก จนเสร็จเรียบร้อยพอดีกับเวลาอาหารเย็น
จะเรียกว่าเป็นผลกรรมของตัวเองหรือเป็นงานที่ตัวเองก่อไว้ก็ไม่รู้… เอาเป็นว่า การที่ชิซุกะต้องจัดห้องก็เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้วล่ะ แต่พอเห็นเธอค่อยๆ เก็บขวดน้ำเปล่า ลอกฉลาก ล้างข้างใน แล้วคว่ำให้แห้งอย่างขยันขันแข็ง มันก็ทำให้ฉันซาบซึ้งใจจนเผลอชวนเธอมาบ้านเลย
“ไม่เคยคิดเลยว่าต้มปลาจะทำเองที่บ้านได้ง่ายๆ แบบนี้…”
“ไม่ยากหรอก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษอะไรด้วย คราวนี้ฉันไม่ได้แล่ปลาเองด้วยซ้ำ แค่เอาชิ้นที่เขาแล่มาแล้วมาต้มเฉยๆ”
“แล่ปลาเองด้วยเหรอ?”
“บางทีก็ทำนะ”
“ว้าว… เก่งจังเลยแฮะ”
ชิซุกะกินปลาคาเระ(ปลาลิ้นหมา)ต้มซีอิ๊วกับข้าวสวยอย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเธอนั้นสดใสจนทำให้คนที่ดูพลอยรู้สึกดีตามไปด้วย แค่เห็นรอยยิ้มนั่น ข้าวก็แทบจะอร่อยขึ้นมาเลย… เอ๊ะ ฟังดูโรคจิตไปหน่อยแฮะ
“เอ่อ… แต่ยังไงก็ตาม ฉันว่าฉันไม่เหมาะกับการทำอาหารเลยล่ะ แค่คิดก็รู้ตัวแล้ว”
“ก็จริงแหละ ถ้าอย่างนั้นเอาไว้เป็นอย่างสุดท้ายที่เธอค่อยเรียนก็ได้ เพราะถ้าพลาดขึ้นมาอาจตายจริงๆ ก็ได้นะ พอเห็นสภาพห้องนั่นแล้ว ฉันไม่กล้าให้เธอจับมีดเลยล่ะ”
ฉันใช้ตะเกียบแหวกเนื้อปลาคาเระสีน้ำตาลอ่อนออก เนื้อในสีขาวน้ำตาลเผยออกมา พอคีบเข้าปากพร้อมข้าวสวย… อืม ทำออกมาได้ดีอีกแล้วแฮะ คราวนี้ไม่พลาด โชคดีจริงๆ
ขณะลอบมองชิซุกะที่กำลังกินข้าวอย่างอร่อย ฉันก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา
…ตั้งแต่บ่ายก็ไปซื้อของกับชิซุกะ จัดห้อง ติดตั้งไมโครเวฟ แล้วก็กินข้าวเย็นด้วยกัน นี่ฉันอยู่กับเธอทั้งวันเลยสินะ
ไม่นึกเลยว่าฉันจะได้ใช้วันหยุดแบบที่ดูเหมือนคนมีชีวิตดีๆ (ทั้งที่เนื้อแท้ไม่ใช่แบบนั้นเลย) แบบนี้
ทั้งเรื่องที่ฮิโยรินย้ายมาอยู่ใกล้ๆ ทั้งการได้เจอกับมาฟุยุจังอีกครั้ง… บางอย่างกำลังเปลี่ยนไปก็เป็นได้
…ว่าแล้วก็กินของตัวเองต่อดีกว่า ถ้าปล่อยไว้มันจะเย็นแล้วเนื้อจะแข็งเอา
“…โซมะคุง พอจะขออะไรได้มั้ย…”
“หือ?”
พอได้ยินเสียงที่ค่อนข้างลังเล ฉันก็เงยหน้าขึ้นไปดู เห็นชิซุกะกำลังถือชามข้าวไว้ในมืออย่างนิ่งเงียบ ใบหน้าหม่นหมอง ทั้งที่ห้องรกแท้ๆ แต่เธอกลับจับตะเกียบได้สวยมากแฮะ จุดนี้ถือว่าดีเลย
“มีอะไรเหรอ?”
“คือว่า… เอ่อ…”
ชิซุกะก้มหน้าลง จ้องมองปลาคาเระต้มที่เหลืออยู่อีกนิดอย่างจริงจัง หรือว่าไม่พอ?
“ถ้าไม่พอ ฉันแบ่งให้ก็ได้นะ”
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น… คือ… เอ่อ… ฉันน่ะ อยากจะกินข้าวด้วยกันแบบนี้อีก… ได้ไหม?”
“ด้วยกัน? หมายถึงเหมือนตอนนี้?”
“อือ…”
“อืม…”
ดูจากท่าทีแล้ว ชิซุกะคงไม่ได้พูดเพราะแค่อาหารมันอร่อย หรือไม่ต้องทำเอง อะไรแบบนั้นแน่ ถึงจะเป็นเหตุผลนั้นจริงๆ ฉันก็คงดีใจอยู่ดีนั่นแหละ แต่จะยังไงก็เถอะ ต้องรู้เหตุผลที่แท้จริงก่อนค่อยว่ากัน
“ขอฟังก่อนว่าทำไมถึงอยากกินด้วยกันได้มั้ย? แล้วค่อยตอบว่าจะยังไง”
“โอเค… คือว่า… อาทิตย์ที่ผ่านมาน่ะ ฉันสั่งอูเบอร์อีตส์กินตลอดเลย”
“อืม”
ดูจากสภาพห้องก็พอจะเดาได้ล่ะนะว่าเป็นยังไง ฉันไม่เคยใช้อูเบอร์อีตส์หรอก ไม่รู้ว่าแพงแค่ไหน
“อาหารก็อร่อยดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย…แต่…”
“…แต่?”
ชิซุกะเงยหน้าขึ้นมาสบตาฉันตรงๆ แล้วยิ้มเศร้าๆ
“พอได้กินอาหารทำเองขึ้นมานานๆ ที มันก็ทำให้นึกถึงข้าวฝีมือแม่ขึ้นมา… ฮะๆ… เหมือนเด็กเลยเนอะ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหงาขึ้นมาเฉยเลย”
“…งั้นเหรอ”
เข้าใจแล้วล่ะ
พูดง่ายๆ ก็คืออาการคิดถึงบ้าน ที่เกิดบ่อยในช่วงเริ่มใช้ชีวิตคนเดียวนั่นเอง
อยู่มาอาทิตย์นึง ความรู้สึกตื่นเต้นจากการได้ออกจากบ้านก็ค่อยๆ หายไป ความคิดถึงครอบครัวก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกับผู้หญิง อาจจะรู้สึกแบบนี้แรงกว่าก็ได้
…แบบนี้มันก็ปฏิเสธยากสิ
ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบชิซุกะนะ ออกจะชอบอยู่ด้วยซ้ำ (ในฐานะเพื่อนบ้านนะ)
ถ้าฉันสามารถช่วยให้เธอหายเหงาได้ ก็คงไม่เสียหายอะไรที่จะทำเพื่อเพื่อนบ้านบ้าง
—อีกอย่าง ฉันก็เพิ่งรู้ว่าการที่มีใครสักคนชมว่าอาหารที่ตัวเองทำมัน “อร่อย” มันทำให้รู้สึกดีมากกว่าที่คิดไว้ซะอีก
ตกลงใจแล้วล่ะ
“อะ แน่นอนว่าถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ—”
“—ได้สิ”
“หา?”
ดูเหมือนชิซุกะจะคิดว่าฉันจะปฏิเสธ เธอเลยอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ฉันจะทำข้าวให้เธอกินด้วย มากินด้วยกันเถอะ ถึงจะทำได้แค่ตอนเย็นเพราะตอนเช้ากับกลางวันต้องไปมหาลัยก็เถอะ ถ้าโอเคล่ะก็นะ”
“—จริงเหรอ!? ขอบคุณนะ!”
พอเห็นชิซุกะยิ้มกว้างออกมาแบบนั้น ฉันก็รู้สึกได้ทันทีว่า… ตัดสินใจไม่ผิดเลย
…แต่ใครจะไปคิดล่ะ ว่าสัญญามื้อเย็นแบบนี้ จะเป็นชนวนให้เงามืดของเพื่อนบ้านอีกคนเริ่มเผยออกมา
MANGA DISCUSSION