“……………………จริงดิ”
ฉันเปิดประตูที่เชื่อมไปยังห้องนั่งเล่น──แล้วก็ต้องพูดไม่ออกกับภาพตรงหน้า
พื้นห้องแทบไม่เหลือที่ให้เหยียบเพราะถูกขยะกลบจนมิด
ขยะ ขยะ ขยะ ขยะ ขยะ ขยะ แล้วก็เสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้เต็มไปหมด
เสื้อวอร์มเรียบๆ ของยูนิโคล่ ถ้วยบะหมี่ที่เหลือน้ำซุป กาแฟลาเต้จากร้านสะดวกซื้อที่ดื่มไม่หมด กล่องพัสดุจากเว็บช็อปปิ้ง ชุดชั้นในที่เห็นตอนเธอย้ายบ้าน ถุงขนม ถังขวดน้ำพลาสติกที่ว่างเปล่า กองกระป๋องเครื่องดื่มชูกำลังที่ดูยังไงก็ไม่ดีต่อสุขภาพ จากถุงของร้านเบอร์เกอร์ที่คุ้นตาซึ่งวางล้มอยู่ มีห่อกระดาษสีขาวที่เริ่มเหลืองแล้วโผล่ออกมาด้วย
ถึงอพาร์ตเมนต์ที่เราอยู่จะเป็นระดับไฮเอนด์ ห้องนั่งเล่นก็กว้างจนอยู่คนเดียวแทบเหงา แต่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้แม้แต่ลวดลายของพื้นห้องยังแทบมองไม่เห็นแล้ว
“นี่เธอ……”
ฉันหันไปเรียกชิซุกะที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างเลื่อนลอย เอาจริงฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน ชิซุกะหลบสายตา ทำหน้าละอาย กัดริมฝีปากไว้แล้วเงยหน้าขึ้นนิดๆ
“ก็…บอกแล้วไงว่าอย่าตกใจ……”
เธอพูดเหมือนโกรธทั้งที่ยังไม่ยอมสบตาผม
“ไม่ให้ตกใจก็บ้าแล้ว……นี่มันเกินไปแล้วนะ”
ฉันก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่อดูให้ชัดๆ แล้วเท้าเผลอเตะอะไรบางอย่างเข้าเบาๆ
――เป็นกล่องโซบะเผ็ดระเบิดของเปยัง ที่น่าจะวางอยู่มา หนึ่งสัปดาห์แล้ว
“เฮ้ย……อันนี้มันตั้งแต่……แหวะ!?”
ทันทีที่คิดขึ้นมาได้ กลิ่นเหม็นรุนแรงก็พุ่งใส่จมูก ห้องนั่งเล่นที่เคยสะอาดเมื่อสัปดาห์ก่อน กลายเป็น แดนสนธยาแห่งความเน่าเปื่อย
“ไม่ไหวแล้ว นี่มันเกินเยียวยา”
ฉันรีบถอยกลับไปปิดประตูห้องนั่งเล่นแล้วหลบเข้าพื้นที่หน้าประตู
‘กินเสร็จต้องเก็บให้เรียบร้อย’ ‘ผ้าใส่ตะกร้า’ ‘ห้ามวางขยะบนพื้น’
คำเตือนพื้นฐานพวกนั้นลอยมาถึงคอหอย แต่พอเห็นสาวสวยที่หน้าตาโตเป็นผู้ใหญ่แต่ทักษะชีวิตยังระดับเด็กทารก ฉันก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่จ้องเธอเงียบๆ
“…………”
……ชิซุกะกับท่านเอ็ตไม่ใช่คนเดียวกัน
แต่ถึงอย่างนั้น ความชื่นชม ความเคารพที่ฉันมีให้ท่านเอ็ตก็ค่อยๆ ถล่มทลายลงด้วยเสียง โครมคราม
ถึงจะยังช็อกอยู่ แต่สิ่งที่ต้องทำก็ไม่เปลี่ยน ฉันรีบลากตัวชิซุกะเข้ามาในห้องตัวเองก่อน
ฉันเอากระเป๋าของเธอที่หิ้วไว้ทั้งสองมือวางบนโต๊ะ แล้วจัดให้เธอนั่งเก้าอี้ตัวที่สองซึ่งแทบไม่เคยใช้
“……สะอาดจังนะ”
ชิซุกะก้มหน้าพูดเสียงเบา คงรู้สึกอายที่โดนจับได้ว่าบ้านรกขนาดนั้น
“ไม่ใช่สะอาดหรอก นี่มันปกติ บ้านเธอต่างหากที่ผิดปกติ”
“อึก……”
“นี่ ชิซุกะ บ้านเกิดเธอก็…เป็นแบบนั้นด้วยเหรอ?”
“เปล่า…แม่ฉันจัดการให้หมดทุกอย่าง…ทั้งทำความสะอาดห้องด้วย…”
“……งี้นี่เอง”
ก็ว่าอยู่…เพราะมีคุณแม่ดูแลดีเกินไป เด็กแบบนี้เลยโตมาเป็น มอนสเตอร์ผู้ใหญ่ไร้ทักษะ ได้
ถึงแม่เธอจะเคยเตือนเธอบ่อยแค่ไหน คงไม่คิดว่าลูกสาวตัวเองจะเป็นถึงขั้นนี้หรอก
“ผิดหวังแล้วใช่มั้ย…เห็นสภาพนั้นเข้าไป”
“…………”
ชิซุกะมองผมด้วยสายตาคล้ายเด็กน้อย ผมเลยทำใจแข็งใส่เธอไม่ลง
ถึงจะใช่ ผมก็ผิดหวังจริงๆ ความรู้สึกที่มีต่อท่านเอ็ตแทบสลายหายไปหมด แต่ในใจผมก็ยังมีประกายเล็กๆ ว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ” อยู่บ้าง
“……ก็ผิดหวังแหละ แต่ก็เพราะฉันเป็นฝ่ายมโนเอาเองว่าเธอต้องดูแลตัวเองดีอะไรแบบนั้น ทั้งที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชิซุกะเลยแท้ๆ”
“……?”
เธอเอียงหัว งงกับสิ่งที่ผมพูด
“แค่เพราะเธอน่ารัก ก็เลยคิดว่าเธอต้องเป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเองเก่งแน่ๆ อะไรแบบนั้น มันก็เป็นแค่ความเข้าใจผิดของฉันเอง”
“น่ะ…น่ารัก…!?”
สีหน้าชิซุกะเปลี่ยนไปทันที เธอยิ้มเขินราวกับลืมไปแล้วว่าบ้านตัวเองเพิ่งสร้างความช็อกให้คนตรงหน้า
“เอาเถอะ ยังไงนี่ก็กลายเป็นเรื่องที่ฉันถลำลึกไปแล้ว ฉันจะทำให้เธออยู่คนเดียวได้”
“โซมะคุง……!”
“แต่ก่อนอื่น──ต้องทำให้บ้านเธอสะอาดก่อน ค่อยว่ากันหลังจากนั้น”
ที่ชิซุกะย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ ฉันคงเป็นเรื่องโชคดี อย่างน้อยต้องมีใครสักคนช่วยเธอก่อนจะกลายเป็น เครื่องผลิตบ้านรก อย่างสมบูรณ์
เรื่องแบบนี้ ยิ่งจัดการเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
“เดี๋ยว! นั่นมันชุดชั้นในนะ! โซมะคุงลามก!”
“เงียบเลย นี่มันแค่กางเกงในติดเชื้อ ไว้พูดเรื่องนี้ตอนเธอซักผ้าเองได้เถอะ”
ฉันกวาดเสื้อผ้าที่เกลื่อนพื้นไปใส่ตะกร้าข้างเครื่องซักผ้า ต้องทำถึงสามรอบกว่าจะเก็บของทั้งสัปดาห์ได้หมด
สีน้ำเงิน น้ำเงิน ชมพู ชมพู ม่วง ส้ม…นี่ยังไม่รวมที่จะไม่พูดเพิ่มไปกว่านี้นะ
“ชิซุกะ เธอมีชุดชั้นในกี่ตัวเนี่ย”
“มะ…ไม่บอก ทำไมต้องบอกโซมะคุงด้วย!”
“ก็อยากรู้ว่าถ้าหมดจะทำยังไง คิดจะใส่ของเก่าหรือไง”
“ไม่มีทางหรอก! คิดว่าฉันเป็นใครกัน!?”
“ตอนนี้ก็ดูเหมือนเป็นเจ้าของโกดังขยะนะ”
“อึก……”
ฉันยัดเสื้อผ้าที่ขยายเป็นสองเท่าของตะกร้าเข้าเครื่องซักผ้า ขอบคุณพระเจ้าที่เธอมีเครื่องแบบดรัม ลากเข้าลากออกสะดวกมาก
“ฉันก็คิดจะซื้อใหม่แหละ…แค่…บางทีก็อยากลองซักดู…แต่ไม่รู้วิธี”
“จะซื้อใหม่เลยเหรอ…จริงดิ เอ้า มาดู นี่มันง่ายจะตาย”
“อ-อืม”
เสียงฝีเท้าดังแผ่วก่อนเธอมายืนข้างๆ ฉัน
“ใส่น้ำยาตรงนี้นะ ดูเส้นนี้ไว้เป็นแนว แล้วก็หมุนตรงนี้มาตรงนี้──”
ฉันอธิบายไป จู่ๆ ก็เกิดคำถามหนึ่งขึ้นในหัวเกี่ยวกับชุดชั้นในสีชมพูที่โผล่จากกองผ้า
“โซมะคุง?”
“ขอโทษ ขอเช็กหน่อย”
ฉันหยิบชุดนั้นขึ้นมาเช็กแท็กด้านใน
“จะ-จะดูอะไรน่ะ!? ลามก! หื่นกาม!”
“โอ๊ย เจ็บๆ ไม่ได้ดูแบบนั้น! ดูแท็กเฉยๆ!”
โชคดีที่ชุดนี้ซักเครื่องได้ ถึงจะมีลายเก๋ๆ แต่ไม่ต้องซักมือ
“พอแล้ว ปล่อยเลย!”
ฉันเบี่ยงตัวหลบหมัดของชิซุกะไปเรื่อยๆ แล้วก็ใส่ชุดนั้นกลับเข้าไปในเครื่อง
“แฮก…แฮก…ในที่สุดก็ปล่อย…”
เธอหอบ หน้าแดง แต่ถ้าไม่อยากให้ใครเห็นก็อย่าโยนทิ้งไว้แบบนั้นสิ
“ชิซุกะ มีถุงตาข่ายมั้ย?”
“……ตาข่าย?”
เธอขมวดคิ้วใส่
“ไว้ใส่ชุดชั้นในตอนซักไง ไม่มีเดี๋ยวฉันไปเอามาให้”
*ม-ไม่รู้สิ ตาข่ายนี่อะไรเหรอ”
“โอเค เดี๋ยวไปเอามาเอง ระหว่างนี้ก็ช่วยแยกชุดชั้นในไว้นะ ทั้งบรากับกางเกงใน”
“ร-รับทราบ”
ตอนฉันกลับมาพร้อมถุงตาข่าย ชิซุกะก็กอดชุดชั้นในไว้เต็มสองมือ
แม้จะมีของน่าตื่นเต้นขนาดนั้นอยู่ตรงหน้า แต่ฉันกลับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
เราร่วมมือกันใส่ผ้าลงในถุงตาข่าย โดยมีชิซุกะคอยปกป้องไม่ให้ฉันแตะต้องได้แม้แต่นิด แล้วก็ปิดฝาเครื่องซักผ้า
“แค่กดปุ่มนี้ก็พอ เดี๋ยวมันจะอบให้ด้วย ลองดูสิ”
“โอเค…แค่นี้จริงๆ เหรอ?”
“ถ้าไม่มีฟังก์ชันอบ ก็ต้องตากเอง แต่เครื่องนี้มีแล้ว ข้อเสียก็แค่ต้องทำความสะอาดฝุ่นบ่อย”
“รู้สึกว่า…มันง่ายจังเลยนะ”
ชิซุกะจ้องเครื่องซักผ้าที่เริ่มหมุนด้วยสายตานิ่งสงบ
ฉันมองหน้าเธอ แล้วก็คิดขึ้นมา…แบบนี้ เธอก็คงเข้าใกล้ “มนุษย์ปกติ” ขึ้นมานิดนึงแล้วล่ะมั้ง
…หวังว่าจะใช่นะ
MANGA DISCUSSION