พื้นห้องที่เพิ่งจะถูกทำความสะอาดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน กลับกลายเป็นที่ที่ฉันถูกผลักล้มลงไปนอนแผ่
สิ่งที่อยู่ในสายตาคือเพดานห้องที่สะอาดเหมือนกับบ้านฉันไม่มีผิด
ทั้งที่สถานการณ์คับขันขนาดนี้ เพราะโดนผู้หญิงผลักลงมา แต่ในหัวฉันกลับล่องลอยอยู่กับเรื่องไร้สาระว่า
“ขนาดชิซุกะก็ยังทำเพดานเปื้อนไม่ได้เนอะ”
…คงเป็นกลไกป้องกันตัวเองจากความเป็นจริงบางอย่างก็เป็นได้
“มะ…มาฟุยุจัง…?”
มาฟุยุจังนอนทับฉันอยู่โดยไม่ขยับไปไหน
ใบหน้าเธอซุกอยู่ที่หน้าอกฉันพอดี ทำให้ฉันเห็นกระหม่อมของเธออย่างชัดเจน
ไม่รู้ทำไม อยู่ๆ ก็รู้สึกอยากกดมันดู
เลยใช้นิ้วชี้กดเบาๆ ไปหนึ่งที
“ฮิย๊าา!?”
“อ๊ะ ตกใจเหรอ? ขอโทษนะ”
มาฟุยุจังสะดุ้งพร้อมร้องเสียงหลง
ปฏิกิริยาของเธอดูจะเกินไปด้วยซ้ำ
หรือว่ากระหม่อมจะเป็นจุดอ่อนของเธอกันนะ?
“นะ…นี่มันอะไรเหรอ…?”
“ไม่สิ ฉันต่างหากที่อยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่…”
เอาเถอะ ยังไงก็เถอะ รีบลุกออกจากตัวฉันทีเถอะ
ถึงชิซุกะจะนอนอยู่ ไม่น่าตื่นง่ายๆ แต่ถ้าเห็นเข้า…เรื่องคงจะวุ่นแน่นอน
“มาฟุยุจัง เอ้า…ลงจากตัวฉันก่อนเถอะนะ?”
ฉันตบหลังเธอเบาๆ เป็นสัญญาณให้ขยับ
แต่เธอก็ไม่ขยับไปไหน ราวกับมุ่งมั่นจะอยู่ตรงนี้
ท่าทางนั้นชวนให้นึกถึงเต่าญี่ปุ่นที่ฉันเคยเลี้ยงไว้
วันนี้นึกถึงมันบ่อยชะมัด…
“──โอนี่จัง”
“หืม?”
มาฟุยุจังพูดขึ้นขณะยังซุกหน้ากับอกฉันอยู่
“หนู──จะไม่ยอมแพ้หรอก ถึงตอนนี้จะเป็นน้องสาวก็เถอะ แต่วันหนึ่งหนูจะเป็นแฟนให้ได้ เพราะงั้น──เตรียมใจไว้ล่ะ”
พูดจบ มาฟุยุจังก็ยันตัวลุกขึ้น
จัดเสื้อผ้าที่รุงรัง แล้วเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป
สักพักก็มีเสียงปิดประตูหน้าดังขึ้น
“ไม่สิ…จริงๆ ก็ไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ นี่นา…”
ฉันทำได้แค่พึมพำพลางมองประตูที่เธอเพิ่งออกไปเท่านั้น
◆
“ฟื้นแล้ววววว!”
เวลา 3 ทุ่ม
ชิซุกะลุกขึ้นจากเตียง ยกมือขึ้นสูงแล้วประกาศอย่างร่าเริง
เมื่อดูจากอาการตอนกลางวัน ถือว่าฟื้นตัวเร็วมาก
บางทีการใช้ชีวิตอยู่ในกองขยะอาจทำให้ภูมิคุ้มกันของชิซุกะแข็งแรงเป็นพิเศษ
ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็จัดการเชื้อโรคได้หมดแล้ว
“ดีแล้วล่ะ ชิซุกะ”
“อื้อ! ขอบคุณนะ โซมะคุง! อยู่กับฉันตลอดเลยเหรอ?”
“ก็มีออกไปทำกับข้าวตอนเย็นแป๊บหนึ่ง แต่ก็อยู่ด้วยเกือบตลอดแหละ”
สำหรับอาหารเย็นวันนี้ ฉันกินกับมาฟุยุจังกับฮิโยริน
โดยมาฟุยุจังก็กลับมาเป็นปกติแล้ว ไม่มีวี่แววของอารมณ์แปรปรวนแบบเมื่อตอนกลางวัน
“ได้โซมะคุงช่วยไว้จริงๆ นะ”
“ไม่หรอก เรื่องมันเริ่มจากฉันลืมเอาร่มมาด้วยซ้ำ”
ฉันหลบสายตาจากรอยยิ้มสดใสของชิซุกะอย่างเป็นธรรมชาติ
ใช่ ฉันยังลืมเหตุการณ์ตอนกลางวันไม่ได้…
สิ่งที่ต้องลุ้นคือตอนนี้ชิซุกะยังจำเรื่องเมื่อตอนกลางวันได้อยู่หรือเปล่า
ตอนนั้นเธอสติเลอะเลือน อาจจะจำไม่ได้ก็ได้ว่าถูกฉันเห็น…
จะว่าไปก็หวังว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปโดยไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นเลยจะดีที่สุด
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะเป็นหวัดได้ด้วย”
“ก็เขาเคยว่าอยู่ว่า ‘คนบางประเภท’ เขาไม่เป็นหวัดนี่นะ”
“หืม!? นี่แน่ะ! อย่าบอกนะว่าเรียกฉันว่า ‘บ้า’ อยู่ในใจ!?”
“ปะ…เปล่านะ ไม่ใช่เลย”
“ไม่น่าเชื่ออ่ะ เซนส์ประโยคนั้นมันใช่เลยนะ”
ฉันพยายามชวนคุยเรื่อยๆ เพื่อจับทางท่าทีของชิซุกะ
แล้วก็เริ่มมีความหวัง
เพราะถ้าเธอจำได้จริง คงต้องมีอาการอะไรบ้างสิ
เขินก็ได้ โกรธก็ได้ หรือแสดงความรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกฉันเห็น
แต่ตอนนี้ไม่มีเลย…
“──ว่าแต่ โซมะคุง”
“หืม?”
ฉันที่มั่นใจว่าเธอจำไม่ได้แล้ว ก็เผลอคลายความตึงเครียด
ถึงขั้นยิ้มตอบรอยยิ้มของชิซุกะได้อย่างสบายใจ
โล่งใจจริงๆ ที่ไข้เธอลดลงแล้ว
“──โซมะคุง เห็น…ร่างโป๊ของฉันแล้วใช่มั้ย?”
“เอ๊ะ…”
พูดอะไรไม่ออก
ปากอ้าพะงาบๆ เหมือนปลาขาดน้ำ
แต่ไม่มีเสียงใดออกมา
ชิซุกะกอดผ้าห่มแน่น แล้วซุกหน้าลงไปในนั้น
“คือ…คือว่า ฟังหน่อยได้มั้ย…?”
“อะ อื้ม…”
เสียงอู้อี้ลอดออกมาจากกองผ้าห่ม
“โซมะคุงน่ะ…ก็เห็นแล้วนี่…ร่างกายของฉัน…”
“ขอโทษจริงๆ…”
ชิซุกะ…จำได้จริงๆ
จะทำยังไงดี จะรับผิดชอบยังไงดี?
“เพราะแบบนั้น…ฉันก็คิดว่า… โซมะคุงควรจะ ‘รับผิดชอบ’ ด้วยล่ะนะ”
“…ก็จริงนะ”
จะเป็นความรับผิดชอบแบบไหนก็ไม่รู้
แต่แน่ๆ คือฉันทำให้เธอเสียใจแน่นอน
“ขอโทษจริงๆ ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยได้ ฉันจะทำทุกอย่างเลย”
แม้จะไม่รู้ว่าการเห็นร่างเปลือยของผู้หญิงมันต้องชดใช้ยังไง
แต่ฉันตั้งใจจะทำให้เต็มที่
“ทุกอย่าง…จริงๆ นะ?”
“อื้ม ทุกอย่างเลย”
ไม่ว่าจะล้างจาน ซักผ้า หรือทำความสะอาด ก็พร้อมเต็มที่
…เดี๋ยวนะ นั่นฉันทำไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?
งั้นตอนนี้ยังเหลืออะไรให้ฉันทำได้อีก?
“…ถ้าอย่างนั้น ฉันมีคำขอหนึ่งนะ…จะได้มั้ย?”
“อะไรก็ว่ามาเลย”
จะให้ถือของ? นวด? หรืออะไรอีก?
ฉันเตรียมใจรอฟังคำขอของชิซุกะ…
“งั้น──”
MANGA DISCUSSION