“……งั้นเดี๋ยวหนูไปคอนบินิให้เองล่ะ ซื้ออะไรให้ดี?”
หลังจากชำเลืองมองชิซุกะที่นอนหายใจสม่ำเสมอบนเตียงอยู่พักหนึ่ง มาฟุยุจังก็เอ่ยปาก
ดูเหมือนชิซุกะจะเผลอหลับไปแล้ว ไม่รู้ว่าจังหวะดีหรือร้ายกันแน่…
ฉันที่ยังมึนงงกับการปรากฏตัวแบบสายฟ้าแลบของเธอ บอกไปว่าอยากได้พวกสปอร์ตดริงก์ เจลลี่ พุดดิ้ง
แล้วมาฟุยุจังก็กลับมาในเวลาไม่ถึงห้านาที
“หนูใส่ตู้เย็นไว้นะ”
“อ-อืม…ขอบคุณมาก ช่วยได้เยอะเลย”
ก่อนหน้านี้ฉันยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันราวกับมีดปลายแหลมจากมาฟุยุจังอยู่เลย
แต่ดูเหมือนจะเป็นแค่ความคิดไปเอง ฉันถอนหายใจโล่งอกอย่างเงียบๆ
“……นี่มันอะไรเนี่ย ใช้ชีวิตยังไงถึงได้แบบนี้?”
ได้ยินเสียงบ่นดังมาจากห้องนั่งเล่น
ก่อนหน้าก็ได้ยินเสียงเปิดตู้เย็น คงเป็นเพราะเธอเห็นสภาพในนั้นแล้วละมั้ง
ว่าไป ฉันเองก็ไม่เคยเปิดตู้เย็นของชิซุกะเลย
มีอะไรอยู่ในนั้นกันนะ? ของหมดอายุเต็มตู้หรือเปล่า…
เอาเถอะ คิดแบบนี้ก็เสียมารยาทไปหน่อย
เสียงเก็บของเข้าตู้เย็นดังอยู่พักหนึ่ง แล้วฝีเท้าของมาฟุยุจังก็ใกล้เข้ามา
และหยุดลงอยู่ด้านหลังฉัน
ตอนเธอโผล่มาแบบกะทันหัน ฉันตกใจจริงๆ
แต่ก็รู้สึกดีใจที่เธอมา
ฉันแจ้งไว้แล้วว่าชิซุกะไม่สบาย คงเป็นห่วงเลยมาดูอาการ
แม้จะดูเหมือนสองคนนี้ทะเลาะกันบ่อย
แต่จริงๆ คงไม่ได้เกลียดกันหรอก
แบบที่ว่า “ยิ่งทะเลาะกันก็ยิ่งสนิทกัน” นั่นแหละ
ฉันรู้สึกอบอุ่นในใจยังไงไม่รู้
“ว่าแต่──เมื่อกี้ที่พูดกัน…นั่นมันอะไรเหรอ?”
“ฮึก……!?”
เสียงเย็นเฉียบราวกับลดอุณหภูมิห้องให้ติดลบ
ทำให้ฉันเผลอสะดุ้ง
──เหมือนมีนักฆ่ายืนอยู่ด้านหลัง
ความรู้สึกนั้นผุดขึ้นในหัวฉันทันที
“แน่นอนว่าหนูคิดว่ามันเป็นแค่คำเพ้อเพราะพิษไข้นั่นแหละ── แต่ที่บอกว่าเห็นน่ะ…หมายความว่ายังไงเหรอ? …โอนี่จัง?”
◆
ฉันนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่นที่เพิ่งทำความสะอาดเสร็จไปเมื่อครู่
กำหมัดแน่นวางไว้บนต้นขาอย่างเรียบร้อย
ฮะฮะฮะ…ดีจังที่เมื่อกี้กวาดห้องไว้
ไม่งั้นคุกเข่าบนขยะคงทรมานน่าดู ฮะฮะ…
“…มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ นะครับ…”
แม้ไม่ได้เช็คโทรศัพท์
แต่ฉันมั่นใจว่าเวลาพักกลางวันของมหาวิทยาลัยน่าจะจบไปนานแล้ว
เพราะฉันอยู่ในท่านี้ต่อหน้ามาฟุยุจังมาพักใหญ่แล้ว
ขาเริ่มชา และน้ำตาก็เริ่มเอ่อ
“โอนี่จัง พูดแต่คำว่า ‘บังเอิญ’ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วใช่มั้ย? แต่รู้ไหม…ว่าจะบังเอิญหรือเปล่าน่ะ…มันไม่เกี่ยวเลยนะ?”
น่ากลัว
เสียงหวานๆ ของมาฟุยุจังที่ปกติฟังแล้วน่ารัก
ตอนนี้กลับฟังดูน่าขนลุกอย่างรุนแรง
แถมยังยิ้มอยู่ทั้งที่น่าจะโกรธ…นั่นยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ หน้าดุปกติยังจะดีกว่านี้เลย
“…ผมเสียใจจริงๆ ครับ…”
แต่น่าเศร้าที่เรื่องนี้ฉันผิดจริง
ยังไงก็เห็นร่างเปลือยของผู้หญิงเข้าแล้ว
จะตั้งใจหรือไม่ก็ไม่เกี่ยว
แถมยังเปิดเข้าไปโดยไม่เคาะประตูอีก
ยิ่งคิดก็ยิ่งพยายามลบภาพนั้นออกจากหัว
เพราะแน่นอนว่านั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เห็นแบบนั้น
…ไม่นับตอนเด็กๆ ที่อาจเคยอาบน้ำกับมาฟุยุจัง
แต่ตอนนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องเพศเลย
ตอนนั้นเพราะชิซุกะป่วยเลยไม่ทันได้คิดอะไร
แต่พอตั้งสติได้ ภาพนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวชัดเจนเกินไป
แรงกระแทกมันรุนแรงเกินไปสำหรับชายวัย 20
ไม่ไหวแล้ว อย่านึกถึง อย่านึกถึงมัน!
“โอนี่จังจำได้ไหม…เมื่อก่อนตอนไปอาบน้ำด้วยกัน พี่พูดอะไรกับหนูไว้…”
“ฉันพูดอะไรกับมาฟุยุจังเหรอ…?”
งั้นความทรงจำเรื่องอาบน้ำด้วยกันมันเป็นเรื่องจริงสินะ…
แต่แม้แต่เหตุการณ์ยังจำแทบไม่ได้ แล้วจะจำคำพูดได้ยังไง…?
“…ขอโทษนะ อาจจะจำไม่ได้แล้วล่ะ”
“ไม่เป็นไร หนูก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะ ตอนนั้นพี่บอกแบบนี้──ว่า ‘โตขึ้นแล้วจะแต่งงานกับหนู'”
“ห๊าา……?”
ฉันพูด…แบบนั้นเหรอ?
ก็ไม่ได้จำไม่ได้หรอก แต่ก็ไม่รู้สึกว่าเด็กอย่างฉันตอนนั้นจะพูดอะไรแบบนั้นกับมาฟุยุจังได้
ก็คิดว่าเธอเหมือนน้องสาว…เหมือนตอนนี้เลย
แถมประโยคแบบนั้นก็ไม่ใช่แนวฉันสักนิด
แต่พอเห็นมาฟุยุจังหน้าแดง ยุกยิกตัวไปมาแบบนั้น
ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปากว่าฉันไม่เคยพูด
อาจจะเคยพูด…ก็ได้มั้ง
“เพราะงั้นนะ พี่ต้องแต่งงานกับหนู แต่แล้ว…ไปมองผู้หญิงคนอื่นเปลือยแบบนั้น คิดอะไรอยู่กันแน่น่ะ?”
ใบหน้าที่เหมือนจะเคลิ้มก่อนหน้านี้ กลับกลายเป็นสีหน้าเคร่งขรึมทันที
มองฉันด้วยสายตากล่าวโทษ
มาฟุยุจังกับการเปลี่ยนสีหน้าร้อยแบบ
“คือ……พูดแบบนั้นก็ลำบากใจเหมือนกัน…”
ไม่รู้จะเริ่มแก้ความเข้าใจผิดจากตรงไหน
งั้นเริ่มจากจุดสำคัญสุดก่อนเลยละกัน
“ฉันน่ะ…ไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงานกับมาฟุยุจังนะ…”
“ห๊าาาาาาา!?”
มาฟุยุจังทรุดฮวบลงกับพื้น
“ทำไมกัน…”
“คือ เอาจริงๆ ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าตัวเองเคยพูดแบบนั้นรึเปล่า ขอโทษนะ ถ้าเคยพูดไปจริงๆ ก็ถือว่าฉันไม่มีความรับผิดชอบก็ได้”
แต่นะ…จะเอาคำพูดตอนเด็กๆ มาถือเป็นจริงจังมันก็ดูจะไม่ใช่นิดหน่อย
มันก็แค่บทในนิทานเด็กๆ นั่นแหละ
“หนูจำได้นะ…จำได้ว่าพี่พูดจริงๆ ตอนที่หนูบอกว่าจะไม่ยอมขึ้นจากอ่างถ้าไม่สัญญา พี่ถึงได้ยอมพูดออกมาแบบฝืนใจ…”
“……เธอบังคับให้ฉันพูดชัดๆ เลยนี่หว่า…”
ฟังแบบนี้ก็เริ่มเข้าใจล่ะนะ
ถ้าอย่างนั้น…ก็ไม่แปลกที่ฉันจะเคยพูดไปจริงๆ
“สรุปแล้ว…จะล้มเลิกสัญญาในอดีตนั่นได้มั้ย? ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกว่าจะเข้าใจคำว่าแต่งงานได้เลย เธอเองก็เหมือนกันใช่ไหมล่ะ?”
“หนู…ไม่ใช่เลย…”
มาฟุยุจังก้มหน้าต่ำ กระซิบเบาๆ จนแทบไม่ได้ยิน
เธอนั่งคุกเข่า ท่าทางหดหู่น่าสงสารจนฉันอดใจไม่ไหว
เลยเข้าไปลูบหัวเธออย่างแผ่วเบา
ความรู้สึกของเธอ…ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆ
“นี่…มาฟุยุจัง… ที่เธอชอบฉันขนาดนั้น ฉันดีใจมากเลยนะ ฉันเองก็ไม่ได้เกลียดเธอหรอก แค่รู้สึกตกใจน่ะที่อยู่ๆ พูดถึงแต่งงานน่ะ เพราะงั้นอย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นเลยนะ…อ๊า!?”
แล้วจู่ๆ มาฟุยุจังก็โผเข้ากอดฉันแน่น
แรงมากจนฉันล้มลงไปนอนบนพื้นพร้อมเธอ…
MANGA DISCUSSION