“อา… อ่าอา……”
เสียงแหบพร่าคล้ายมอนในเกมดังสะท้อนแผ่วเบาในห้องที่เต็มไปด้วยขยะ
พอลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างกายก็ไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป
แม้จะพยายามลุกขึ้นนั่งตามปกติ แต่ร่างกายก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย
พยายามแค่ขยับหัวขึ้นมาสักนิดก็——
“โอ๊ย…!”
——ความเจ็บปวดจู่โจมทันทีจนต้องร่วงกลับลงหมอน
เสียง “ปุฟ” แห้งๆ ดังอยู่ลำพังในห้อง
นี่มัน…
“…เป็นหวัดซะแล้ว…”
จะ…จะทำยังไงดี ฉันจะตายแล้วใช่มั้ย…?
◆
“เห็นมั้ยล่ะ บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวก็เป็นหวัด”
“…ขอโทษนะ…”
พอตื่นเช้ามา ฉันก็เจอไรม์จากชิซุกะที่มีแค่คำว่า “ช่วยด้วย…”
ตอนแรกฉันนึกว่าเธอแค่เล่นอะไรบ้าๆ อีกตามเคย
แต่พอไขกุญแจเข้าไปในห้อง…
เธอก็อยู่ในสภาพน่าสังเวช นอนครึ่งตัวหล่นจากเตียง
หน้าจมอยู่ในกองซองขนมที่เกลื่อนเต็มพื้น
พอถามว่า “ทำอะไรของเธอ”
ชิซุกะก็ตอบด้วยเสียงไร้สติว่า
“กำลังเลียเศษเกลือข้างในถุงขนมเพื่อประทังชีวิต…”
ราวกับกลายเป็นโยไคไปแล้วจริงๆ
สรุปสุดท้ายก็ไม่ได้กลายเป็นปีศาจอะไร
แค่เพ้อเพราะไข้ขึ้นสูง
ฉันเลยรีบพาเธอกลับขึ้นเตียง
แล้ววางผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นไว้บนหน้าผาก
“อุเฮะ… เย็นสบายจัง…”
เธอยิ้มเคลิ้มๆ แต่หน้ากลับแดงจัด
เหงื่อก็ไหลรินไปตามแก้ม
“……”
ฉันแอบดูนาฬิกาบนมือถือ
…ใกล้ถึงเวลาที่ต้องไปมหา’ลัยแล้ว
จะทิ้งเธอไว้แบบนี้ก็ยังลังเลอยู่เหมือนกัน
“ชิซุกะ กินอะไรได้มั้ย? อย่างแอปเปิ้ลพอไหวมั้ย?”
“…กิน…”
“โอเค งั้นรอแป๊บนึงนะ”
ฉันรีบกลับไปที่บ้าน หั่นแอปเปิ้ลเป็นชิ้นพอดีคำ
ใส่จานพอเหมาะแล้วกลับมา
แต่พอกลับมา ผ้าขนหนูที่ควรอยู่ตรงหน้าผาก
กลับเลื่อนมาปิดทั้งจมูกทั้งปาก
ชิซุกะครางเบาๆ อย่างทรมาน
พอฉันขยับผ้ากลับขึ้นหน้าผากให้
เธอก็ “ฮ่า!” สูดลมหายใจเข้าอย่างแรง
“นึกว่าจะตายซะแล้ว…”
“แล้วจะขยับผ้าทำไมเนี่ย คงดิ้นใช่มั้ยล่ะ?”
“มันคันอะ…”
“นี่ไง เลยเป็นแบบนี้… เอ้า กินแอปเปิ้ลมั้ย?”
ฉันถือแอปเปิ้ลที่เสียบไม้ไปจ่อปากให้
ชิซุกะค่อยๆ เหลือบตามองแล้วอ้าปากงับอย่างช้าๆ
เหมือนตอนที่ฉันเคยเลี้ยงเต่าน้ำตอนเด็กเลย…
ขำไม่ออกแต่ก็ตลกดีแฮะ
“…กินลำบากจัง…”
“อ้อ เพราะนอนอยู่สินะ ลุกขึ้นหน่อยมั้ย?”
“อื้อ…”
ชิซุกะพยักหน้าเบาๆ
ฉันค่อยๆ สอดแขนใต้หลังพยุงเธอให้เอนพิงเตียง
เธอพิงหัวกับผนัง มองเหม่อลอย
แล้วค่อยๆ หันหน้ามาทางฉัน
พอเห็นเราสบตากัน เธอก็ยิ้มแหย ๆ อย่างเก้อเขิน
“…โซมะคุง…อรุณสวัสดิ์…”
“อรุณสวัสดิ์ รู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย?”
“…อืม…ไม่ค่อยเท่าไหร่…”
“งั้นกินแอปเปิ้ลต่อเถอะ”
“อื้อ…”
หลังจากนั้นฉันก็ทำหน้าที่ป้อนแอปเปิ้ลให้เธอเงียบๆ
ชิซุกะกินอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากขยับงับๆ อย่างน่าเอ็นดู
…ไม่สิ เหมือนเต่าจริงๆ นั่นแหละ ขอโทษนะ แต่ตลกชะมัด
ดูเหมือนเธอจะยังมีแรงอยู่บ้าง
ไม่ทันไร แอปเปิ้ลบนจานก็หมดเรียบ
“ขอบใจนะ…”
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนี้ฉันก็มีส่วนผิดเหมือนกัน… เอ้า ยานี่ กินกับน้ำละกัน”
ฉันส่งยาลดไข้กับน้ำเปล่าขวดเล็กให้
แต่ชิซุกะเหม่อลอย ไม่ยอมรับ
เลยวางยาไว้บนมือเธอ
ดูเหมือนพอรู้ตัวแล้ว เธอกลืนยาทันที——
…แต่จะใช้แค่น้ำลายกลืนยาเนี่ยนะ!?
ฉันรีบยื่นน้ำให้ทันที
นี่มันเหมือนดูแลเด็กซนเลยจริงๆ
“…โอเค งั้นนอนได้แล้ว”
ฉันพยุงเธอกลับนอน แล้วจัดผ้าเย็นให้ที่หน้าผากอีกครั้ง
พอดูมือถือก็พบว่า… ถึงเวลาต้องไปแล้ว
มาฟุยุจังส่งข้อความมาว่า “พี่อยู่ไหน?”
คงเป็นเพราะฉันยังไม่ออกจากบ้าน เลยบุกมาที่นี่แน่
กุญแจสำรองก็อยู่กับเธอด้วย
“…ชิซุกะ เธออยู่คนเดียวไหวมั้ย?”
ถ้าไม่ไหว ฉันจะไม่ไปเรียนก็ได้
เรื่องมหา’ลัยน่ะ เทียบกับชิซุกะแล้ว…ไม่ต้องคิดให้มากเลย
“…ไหว…จะนอนแล้ว…”
ใบหน้าของเธอที่เคยซีดเซียว ดูสงบลงกว่าเดิม
ถึงตัวยายังไม่ออกฤทธิ์ แต่น้ำกับแอปเปิ้ลคงช่วยไว้
ไข้ที่วัดไว้ก็แค่ต่ำๆ เท่านั้น ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว
“งั้นเดี๋ยวเที่ยงฉันจะแวะมาดูอีกทีนะ อยากได้อะไรก็ไรม์มา”
“…เข้าใจแล้ว…”
พอเห็นว่าเธอเริ่มหลับ ฉันก็ลุกออกจากห้อง
“อย่าไปนะ…”
เหมือนจะได้ยินเสียงแผ่วเบาจากข้างหลัง
แต่ประตูก็ปิดลงไปแล้ว
จากอาการเมื่อครู่ เธอไม่น่าจะเปล่งเสียงได้
คงเป็นแค่ความรู้สึกของฉันเอง ที่ยังเป็นห่วงเธออยู่
“……เฮือก”
ทันทีที่ออกมาถึงหน้าห้อง ฉันก็สบตากับ——
มาฟุยุจัง
ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องฉันพอดี
“……งั้นเหรอ”
แววตาของเธอทอประกาย…ไม่สิ ทอความมืดมิดอันลึกล้ำ
……ฉันได้ยินเสียงระฆังเปิดศึกยกที่สอง
และเสียงนี้…ไม่ใช่ภาพลวงตาแน่นอน
MANGA DISCUSSION