“มาฟุยุจัง วันนี้มื้อเย็นอยากกินอะไรมั้ย?”
“อยากได้อะไรเหรอ? อืมมม……”
หลังเลิกเรียน ฉันกับมาฟุยุจังก็เดินด้วยกันตามทางเลียบมหา’ลัย แถวนี้ยังมีนักศึกษาพลุกพล่าน มาฟุยุจังเลยยังอยู่ในโหมด “เด็กมหา’ลัย” ตามที่ผมสังเกตได้จากประสบการณ์ส่วนตัว เพราะเธอมักจะเปลี่ยนไปเป็นโหมด “อพาร์ทเมนท์” ตอนลงจากรถไฟที่สถานีใกล้บ้าน
“…………”
เธอแตะปลายคางอย่างครุ่นคิด
ถึงเราทั้งสามจะมีลูกกุญแจห้อง แต่คนที่ฉันใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดก็ยังคงเป็นมาฟุยุจัง เพราะเรียนที่เดียวกัน ทั้งตอนเช้าและตอนเย็นเราก็มาด้วยกันเสมอ ซึ่งก็หมายความว่าต้องไปซื้อของด้วยกันบ่อยขึ้น จนเดี๋ยวนี้คุณป้าที่แคชเชียร์แซวเราว่าเป็นแฟนกันอยู่บ่อยๆ — และเพราะมาฟุยุจังไม่เคยปฏิเสธ เลยทำให้คุณป้าเข้าใจผิดหนักเข้าไปอีกว่าเรากำลังอยู่กินด้วยกันแล้ว
“…………อยากทำอะไรที่ทำด้วยกันได้จัง เมนูที่ทำกับโซมะคุงได้น่ะ”
“เมนูที่ทำด้วยกันเหรอ…”
เอาจริงๆ ก็แทบทุกเมนูนั่นแหละที่ทำด้วยกันได้ แต่จู่ๆ มาฟุยุจังเสนอแบบนี้ก็แปลกใจหน่อย ปกติเธอจะบุกเข้าห้องตอนฉันกำลังทำอาหาร แล้วก็แกล้งบ้าง ไปนอนบนเตียงบ้าง ทำตัวตามสบายสุดๆ
“ถ้าจะทำด้วยกันก็ทำอะไรก็ได้แหละ แต่จู่ๆ ทำไมถึงสนใจล่ะ?”
“ฉันก็อยากหัดทำอาหารบ้างน่ะ”
“อ๋อ อย่างงั้นนี่เอง”
พูดถึงก็นึกขึ้นได้ว่า มาฟุยุจังเคยบอกต่างจากชิซุกะเลย เธออยากหัดทำอาหารจริงๆ — และการทำไปพร้อมกันก็เป็นวิธีที่เรียนรู้ได้เร็วสุด
…ถ้าเธอทำอาหารได้ขึ้นมาจริง ฉันก็คงไม่ต้องรับหน้าที่เชฟของโซมะไคตลอดไปแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องดีจริงๆ
“งั้นเอาเป็นแกงกะหรี่ดีไหม? วันนี้อากาศอบอ้าวแบบนี้ กินแกงร้อนๆ น่าจะดี”
“แกงกะหรี่? งั้นฉันขอซื้อนัตโตะด้วยได้มั้ย?”
“หืม มาฟุยุจังชอบใส่นัตโตะในแกงกะหรี่เหรอ?”
“อื้ม แม่ฉันชอบทำแบบนั้นน่ะ พอกินบ่อยๆ ก็ชอบไปเองเลย”
“เข้าใจเลย รสโชยุจากนัตโตะมันเข้ากับแกงดีสุดๆ เลยเนอะ งั้นวันนี้ฉันกินแบบนั้นด้วยดีกว่า”
“ฟุฟุ~ เหมือนกันเลยนะ”
มาฟุยุจังหันมายิ้มบางๆ ข้างๆ ฉัน ถึงจะขึ้นชื่อว่าเย็นชาเหมือนตุ๊กตาเวลาอยู่มหา’ลัย แต่จริงๆ แล้วเธอเป็นคนแสดงอารมณ์ชัดเจนมาก ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นเลย…ถึงจะชอบทำหน้าตายเล่นบ่อยก็เถอะ
พอถึงสถานี รถไฟก็จอดพอดี เราก็ขึ้นไป
พอขึ้นรถแล้ว ฉันก็รู้สึกได้ทันทีว่าสายตาผู้โดยสารหลายคู่กำลังจับจ้องมาฟุยุจังอยู่ ถึงจะเห็นจนชินแล้ว แต่ก็ทำให้รู้สึกแปลกใจทุกครั้ง มาฟุยุจังจัดว่าหน้าตาดีมากจริงๆ ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องหันมามอง
“…………”
ฉันเลยขยับตัวบังเธอไว้เล็กน้อย เป็นท่าทีที่ทำประจำ ถึงมาฟุยุจังจะไม่เคยบ่นว่าไม่ชอบสายตาเหล่านั้น แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันไม่น่าพอใจแน่ๆ ถ้าคิดแบบนั้นแล้ว ร่างกายมันก็ขยับเองโดยอัตโนมัติ
“…………ขอบคุณนะ โอนี่จัง”
ดูเหมือนเธอจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เสียงรถไฟกลบไปหมด ถ้าถามซ้ำเธอก็คงไม่ตอบอยู่ดี ฉันเลยหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างแทน
ระหว่างที่เดินทาง ฉันก็สอนเทคนิคทำแกงให้อร่อยให้มาฟุยุจังไปด้วย จนถึงสถานีใกล้บ้าน
“โอนี่จัง ไปกันเถอะ”
เธอจับมือฉันแล้วเดินนำไป โดยไม่สนสายตาประหลาดใจของผู้โดยสารที่เห็น เราสองคนเดินจูงมือกันแบบนี้จนชิน มาฟุยุจังโหมดอพาร์ทเมนท์นี่ไม่รู้จักคำว่า “ยั้งมือ” เลยจริงๆ บางทีที่คุณป้าแคชเชียร์คิดว่าเราเป็นแฟนกัน ก็คงเพราะท่านี้ล่ะมั้ง…ถึงจะรู้อย่างนั้นก็เถอะ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะอยากปล่อยมือนี่นา
“โอนี่จัง ผ้ากันเปื้อนของพี่ซื้อมาจากไหนเหรอ? ลายดอกไม้นั่นน่ะ”
“อันนั้นเหรอ? น่าจะซื้อมาจากร้าน 100 เยนในซูเปอร์ฯแถวนี้นั่นแหละ”
“งั้นเหรอ…………หนูก็อยากซื้อบ้าง ถ้าจะทำอาหารก็ต้องมีผ้ากันเปื้อนใช่ไหมล่ะ”
“งั้นไปซื้อจากร้านดีๆ หน่อยไหม? ร้าน 100 เยนน่ะ ลายให้เลือกไม่ค่อยเยอะหรอก”
ฉันคิดว่าในฐานะผู้หญิง น่าจะมีลายให้เลือกเยอะๆ ดีกว่า…แต่เธอกลับส่ายหน้า
“ร้าน 100 เยนก็พอแล้วล่ะ เพราะหนูชอบลายดอกไม้น่ะ”
“หือ? จริงเหรอ”
ฉันจำได้ว่าห้องของมาฟุยุจังออกแนวมินิมอล เรียบๆ ไม่น่าจะชอบลายจัดขนาดนั้นแท้ๆ
พอเข้าไปในซูเปอร์ฯ มาฟุยุจังก็เดินตรงไปยังร้าน 100 เยนทันที พร้อมล็อกมือฉันไว้แน่นแนบข้างตัว
“──เจอแล้ว”
เธอหยิบผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้ออกมาโดยไม่ลังเล ลายนั้นคุ้นๆ เหมือนของฉันเลย แต่ฉันก็ไม่แน่ใจนักว่าลายแบบไหนกันแน่
“อันนี้โอเคแล้วเหรอ?”
“อื้ม อันนี้แหละ”
แล้วเธอก็เดินไปที่แคชเชียร์พร้อมกับยังจับมือฉันไว้ไม่ปล่อยเลยแม้แต่ตอนจ่ายเงิน
เด็กม.ปลายที่ต่อคิวอยู่ข้างหลังหยิบผ้ากันเปื้อนขึ้นมาดู พอเห็นหน้ามาฟุยุจังแล้วชะงักไป จากนั้นหันมามองมือที่เราจูงกันอยู่แล้วทำหน้าประหลาด — ดูท่าคงคิดว่า “คู่นี้ไม่เห็นจะเข้ากันเลย” แน่ๆ
ถ้าพูดออกมา ฉันจะได้แก้ต่างให้บ้าง แต่เด็กคนนั้นทำแค่ส่งสายตาเวทนาให้ฉันเฉยๆ
“ขอบคุณมากค่า~”
เสียงพนักงานที่ฟังดูเบื่อๆ ราว 30% ของพลังชีวิต บอกลากลุ่มลูกค้าหน้าร้าน ก่อนเราจะเดินไปยังโซนซูเปอร์ฯ และเริ่มเลือกวัตถุดิบทำแกง
──แล้วจู่ๆ ก็เกิดเรื่องขึ้น
“ทะ ทะ ทะ ทะ ทะ ทำไมมาฟุยุกับโซมะคุงถึงจับมือกันอยู่ล่ะยะ!?”
“หืม?”
“……ชิ”
เสียงดังลั่นแบบที่ไม่เข้ากับบรรยากาศในซูเปอร์ฯเอาซะเลย ฉันพยายามทำทีว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่เสียงนั้นฉันจำได้ดี — พอหันไปมองก็เห็นชิซุกะยืนหน้าบึ้งอยู่ เธอคงไม่ทันสังเกตว่ากำลังเป็นจุดสนใจของลูกค้าคนอื่นๆ เดินตรงมาหาเราทั้งที่คนมุงกันตรึม
“ช่วยอธิบายมาหน่อยสิ ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!?”
ชิซุกะยืนจังก้าระหว่างชั้นวางนัตโตะกับกะหล่ำปลี คนอื่นก็เลยผ่านไปไม่ได้ ฉันเลยรีบจับมือเธอแล้วพาไปด้านข้าง
“ดูแล้วไม่เข้าใจเหรอ? ขอโทษด้วยนะ แต่เรื่องนี้ซาโต้ซังที่แคชเชียร์อนุมัติแล้วล่ะ”
มาฟุยุจังชูมือที่จับกันขึ้นมาเท่าระดับสายตา ชิซุกะยิ่งหน้าเขียวเป็นยักษ์ฮันเนียเลย
“เดี๋ยว ใครคือซาโต้ซังที่ว่าเนี่ย…”
ขอโทษนะ ฉันนึกหน้าคนที่ว่าไม่ออกเลย และก็ไม่เคยจำได้ว่าไปได้รับการอนุมัติอะไรจากใครที่ชื่อซาโต้ซังด้วย…
MANGA DISCUSSION