วันนี้ลงเลยเวลาไป ขออภัยครับ
_________
“ไม่นึกเลยว่าจะย้ายตามมาด้วย…”
“ก็เพราะฉันต้องมาคอยจับตาดูไม่ให้แมลงร้ายอย่างเธอเกาะติดโอนี่จังยังไงล่ะ”
“แมลงหรา!? เด็กแบบเธอไม่รู้จักวิธีพูดกับคนแก่กว่ารึไง…”
“ฉันปฏิบัติกับคนที่ควรได้รับความเคารพอย่างเหมาะสมต่างหากล่ะ…ซึ่งชิซุกะ เธอไม่ใช่คนนั้นไง”
“งึ๊กกก…พูดได้หน้าตาเฉยเลยนะ…”
“อุฟุฟ สองคนนี้สนิทกันจริงๆ เลยเนอะ”
เสียงพูดคุยของสามสาวที่ช่างจ้อดังมาจากห้องนั่งเล่นอย่างครื้นเครง
เรื่องที่มาฟุยุจังจะเข้าร่วม ‘โซมะไค’ ฮิโยรินยอมรับด้วยความเต็มใจ ส่วนชิซุกะแม้จะคราง “อุ๊กกก…” อยู่บ้าง แต่จากสีหน้าและท่าทางที่พูดคุยอย่างสนุกสนานก็ดูออกว่าเธอก็ดีใจที่มีเพื่อนผู้หญิงวัยใกล้เคียงกันเพิ่มขึ้น
“…พักหลังเริ่มชินกับโต๊ะอาหารที่คึกคักแล้วแฮะ”
ได้ยินว่าคนที่รู้สึกเหงาเวลาได้กินข้าวคนเดียวมีไม่น้อย ชิซุกะก็เป็นหนึ่งในนั้น ส่วนฉันที่อยู่คนเดียวมา 2 ปี กลับไม่เคยรู้สึกเหงาสักครั้ง
ตรงกันข้าม ตอนช่วงแรกที่เริ่มมีโซมะไค ฉันยังรู้สึกเหนื่อยใจกับอาหารเย็นที่เต็มไปด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวเสียอีก
แต่พักหลังกลับรู้สึกว่า ถ้าไม่มีเสียงโวยวายของชิซุกะ เสียงหัวเราะอ้อยอิ่งของฮิโยริน หรืออาการเมาบ้างของพวกเธอ ฉันจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป
จะเรียกว่าเป็นพัฒนาการหรือเสื่อมถอยก็ไม่รู้ แต่ฉันดีใจที่วันนี้โต๊ะอาหารจะครึกครื้นขึ้นอีกนิด นั่นแหละ ความรู้สึกของฉัน
“ชิซุกะ เธอเอาอาหารที่โอนี่จังทำไปแอบอ้างว่าเป็นของตัวเองแล้วอัปลงสึบุยัคกี้ใช่มั้ย?”
“กะ ก็ขออนุญาตแล้วนะ!”
“ฉันเปิดโปงให้หมดเลยดีมั้ยนะ”
“ฮี๊…อ๊ะ แต่ถ้าเธอทำงั้น พี่โซมะจะเสียใจนะ? เพราะว่าเขาเป็นแฟนคลับของฉันนา?”
“ชิ…รอดตัวไปนะ…”
“วัยรุ่นนี่ดีจริงๆ เลยเนอะ”
“ขอโทษที่ให้รอ—วันนี้มีอาหารจีนล่ะนะ—!”
วันนี้ถือเป็นวันฉลองที่มาฟุยุจังเข้าร่วมโซมะไคอย่างเป็นทางการ เลยเตรียมกับข้าวเยอะกว่าปกติหน่อย
พอเอาจานใหญ่ไปเรียงบนโต๊ะ ใบหน้าของทั้งสามคนก็สว่างสดใสราวกับดอกไม้บาน
“ว้าวว น่ากินสุดๆ ไปเลย!”
“จะได้กินอาหารที่โอนี่จังทำอีกแล้ว…”
“วันนี้ดื่มเบียร์ดีมั้ยนะ”
โต๊ะกินข้าวสำหรับสี่คนที่เคยรู้สึกว่าเกะกะ…ไม่คิดเลยว่าจะมีคนมานั่งครบทุกที่แบบนี้
ประโยคนี้อาจจะดูเชยก็จริง แต่…ชีวิตคนเรานี่ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะเจออะไรบ้าง
◆
“…หา?”
พอลืมตาตื่นขึ้นมา มาฟุยุจังก็นอนอยู่ข้างๆ
บนเตียงเดี่ยว ใบหน้าของมาฟุยุจังที่ดูราวกับตุ๊กตาชั้นสูงจากต่างประเทศอยู่ใกล้จนริมฝีปากแทบจะแตะกัน ใช้หมอนใบเดียวกันราวกับคู่รัก
เธอหลับอย่างสบาย ส่งเสียงหายใจเบาๆ อย่างผ่อนคลาย
ฉันพยายามมองไปรอบๆ เพื่อเข้าใจสถานการณ์ แต่เพดานก็เป็นแบบเดิม…ใช่ ห้องฉันแน่ๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย
……
นี่มันฝันแน่ๆ
คิดแบบนั้นแล้วฉันก็ลองหยิกแก้มมาฟุยุจังดู แน่นอนว่าไม่รู้สึกเจ็บ
งั้นเหรอ…ก็ว่าอยู่ ฝันนี่เอง
มาฟุยุจังจะมานอนข้างฉันได้ยังไง แถมประตูหน้าต่างก็ล็อกดีแล้วด้วย
…พักนี้ชักฝันถึงคนรอบตัวบ่อยเกินละ วันก่อนก็ฝันเห็นฮิโยรินในชุดชั้นในอีก เฮ้อ…น่ากลุ้มชะมัด
“อือ…อรุณสวัสดิ์ค่ะ โอนี่จัง”
ดูเหมือนเพราะโดนหยิกแก้ม มาฟุยุจังจะตื่นขึ้นมา พอเห็นว่าฉันตื่นแล้ว เธอก็หรี่ตามองอย่างมีความสุข
“อรุณสวัสดิ์ มาฟุยุจัง”
ฝันนี่ช่างสมจริง ราวกับเป็นเรื่องจริงเลยแฮะ
ฉันลองหยิกแก้มของมาฟุยุจังที่หันหน้ามาทางฉันดู ตรงนั้นมีแก้มที่นุ่มนิ่มเหมือนโมจิ ความรู้สึกสมจริงมาก ฝันวันนี้เหมือนจริงเกินไปแล้วแฮะ
“มีอะไรเหรอ โอนี่จัง?”
มาฟุยุจังจับมือฉันที่หยิกแก้มเธอไว้ แล้วค่อยๆ ดึงออกจากใบหน้า จากนั้นเธอก็หลับตา แล้วโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ
เดิมทีก็ห่างกันไม่ถึง 10 เซนต์อยู่แล้ว
ริมฝีปากของมาฟุยุจังค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้จน──
“เฮ้ย เดี๋ยวก๊อนนนนน!!”
ฉันสะดุ้งลุกจากเตียงทันที
เกือบจะปล่อยตามน้ำไปแล้ว ถ้าฉันปล่อยให้มาฟุยุจังทำตามใจ วันนี้คงได้ไปจดทะเบียนสมรสกันแน่ๆ
“อีกนิดเดียวแท้ๆ…”
“มาฟุยุจัง! ทำไมเธอถึงมานอนอยู่บนเตียงฉันเล่า!?”
ฉันดุเธอที่ทำหน้าบูดบึ้งอย่างไม่พอใจ ถึงตัวละครในเรื่องนี้จะอายุเกิน 18 หมดแล้วก็เถอะ แต่เรื่องบางเรื่องมันก็มีเส้นคั่นอยู่นะเฮ้ย!
“ง่วงๆ เลยเผลอเข้าห้องผิดน่ะค่ะ”
“ขี้ฮก! เธอใช้กุญแจสำรองไขเข้ามาใช่มั้ยล่ะ!”
มาฟุยุจังดูไม่มีท่าทีสำนึกผิดเลย อาจเป็นเพราะฉันดูขาดความน่าเกรงขามก็ได้…หรือฉันเลี้ยงเด็กผิดวิธีกันนะ
“…ที่จริงโอนี่จังนั่นแหละผิด หนูอุตส่าห์ให้กุญแจไว้แท้ๆ แต่โอนี่จังกลับไม่ยอมมาหาหนูตอนกลางคืนเลยนี่นา ทั้งที่หนูรออยู่แท้ๆ…”
“…หา?”
จู่ๆ ก็พูดถึงธรรมเนียมจากต่างโลกออกมา ทำเอาฉันพูดไม่ออก
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การ “ย่องเข้าหากลางคืน” กลายเป็นมารยาทพื้นฐานในโลกนี้กันนะ?
นี่มันฝันใช่มั้ยเนี่ย?
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว
“มาฟุยุจัง เธอต้องกลับไปเข้าอนุบาลใหม่ เรียนจริยธรรมพื้นฐานใหม่หมดเลยนะ”
“อยากเล่นเป็นเด็กทารกเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นก็บอกหนูมาตรงๆ เลยสิ”
“ไม่ใช่!! เฮ้อ…ฉันนึกว่าอย่างน้อยเธอจะยังมีสติอยู่บ้างซะอีก…”
“อุฟุ…จากนี้ไปฝากตัวด้วยนะคะ โอนี่จัง”
มาฟุยุจังยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง
เพราะฉันสะบัดออกเมื่อกี้ ผ้าห่มจึงคลุมแค่ช่วงล่าง และเผยให้เห็นเรียวขางดงามราวประติมากรรม──
…เรียวขา!?
“เดี๋ยว! มาฟุยุจังทำไมไม่ใส่กางเกงล่ะ!?”
ฉันรีบหันหน้าหนี
มาฟุยุจังใส่แค่เสื้อยืดตัวเดียว ส่วนล่างมีเพียงกางเกงในขาวสะอาด ขาเรียวขาวดุจหิมะถูกเปิดเผยแบบไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย
เห้ย…ฉันไม่โดนทำอะไรตอนหลับใช่มั้ย!?
ฉันรีบตรวจสอบร่างกายตัวเองด้วยความไม่แน่ใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้หนูยังไม่ได้ทำอะไรน่ะ”
มาฟุยุจังพูดราวกับปลอบใจ
…วันนี้เหรอ? หมายความว่าไง!?
“ห้ามใช้กำลังนะ…เข้าใจมั้ย…”
ฉันเหนื่อยจนพูดได้แค่นั้นเอง พอถอนหายใจแรงๆ สมาร์ตโฟนก็ส่งเสียงปลุกขึ้นมา เป็นเวลาปกติที่ฉันต้องตื่นแล้ว
“สุดท้ายก็เป็นแค่ฝัน…ว่าแต่ มาฟุยุจัง กินข้าวเช้าด้วยกันมั้ย?”
“อื้อ! ขอบคุณนะ โอนี่จัง!”
ฉันคงต้องหาอนุบาลดีๆ แถวนี้ให้มาฟุยุจังแล้วล่ะ…คิดแบบนั้นพลางเดินไปครัว แล้วตอกไข่สองฟองลงกระทะ
วันใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้ว (TN: อีน้องนี่มันรุกโหดจังวะ…)
MANGA DISCUSSION