“เหล้านี่มันทำให้เป็นแบบนี้เลยเหรอ…?”
“ไม่สิ ต้องพูดตรงๆ เลยว่า นี่มันไม่ปกติแล้ว ฉันว่านี่แหละที่เรียกว่าคนเมาแล้วคุมตัวเองไม่ได้น่ะ”
มาฟุยุจังพึมพำเสียงเบาอย่างหวาดๆ พลางมองฮิโยรินที่เหมือนกลายเป็นคนละคน
ด้วยความที่เธออายุแค่ 18 ปี จะให้มีอคติกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่เนิ่นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดี ฉันเลยตัดสินใจพูดแบบตรงไปตรงมาในฐานะรุ่นพี่ในชีวิต… ถึงจะพูดยังไง มันก็คืออาการเมาแหละ
“ฉะ… ฉะ… ฉานเป็นคนเมาเละหรอ~? เดี๋ยวเถอะ โซมะอ่ะ กล้า… กล้าพูดงี้กับฉานเหรอ~!”
ฮิโยรินซบหน้าลงกับโต๊ะ พูดจาไม่รู้เรื่องด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ เสียงดังลั่นเหมือนฟังก์ชันควบคุมเสียงพังไปแล้ว แถมเธอยังเป็นไอดอลนักพากย์ที่ทั้งร้องทั้งเต้นมาก่อน เลยมีพลังเสียงสุดๆ ซึ่งตอนนี้มันกลายเป็นภัยซะเอง…
“นี่โซมะคุง จะเอายังไงกับยัยเมาแอ๋นี่ดีล่ะ?”
“จะเอายังไงก็เถอะ… ก็คงต้องส่งเธอกลับบ้านยังไงล่ะ”
“ฉานไม่กลับหรอกน้า~!”
ฮิโยรินแผ่ร่างทาบเต็มโต๊ะเหมือนจิ้งจกเกาะผนัง กางแขนออกสุดตัวเหมือนไม่ยอมไปไหน
ตอนนี้ไม่มีเค้าโครงของยาสุมิ ฮิโยริผู้เปล่งประกายบนเวที หรือฮาเซคุระ ฮิโยริผู้แสนเรียบร้อยเหลืออยู่เลย มีแต่ภาพของชายวัยกลางคนเมาแล้วบ่นไม่หยุดในร้านเหล้า… ที่ดูดีแค่หน้าตากับเสียง
“เอาไงดีล่ะเนี่ย…”
มองมือถือก็เห็นว่าตอนนี้เลยสามทุ่มแล้ว ชิซุกะบอกว่าจะไลฟ์ตอนสี่ทุ่ม ส่วนมาฟุยุจังก็ปล่อยให้กลับคนเดียวไม่ได้ด้วย
“ชิซุกะ เธอกลับไปเถอะ ไหนบอกว่ามีไลฟ์?”
“หา!? แล้วนายจะทำอะไรถ้าฉันกลับ? ไม่ใช่ว่านายเคยพูดว่าจะไม่ล้ำเส้นแฟนคลับเหรอ!?”
“ไม่ล้ำเส้นหรอกน่า… ฉันต้องไปส่งมาฟุยุจังด้วย”
“ถ้าอย่างนั้น ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะค้างที่นี่เอง”
“…หา?”
ฉันหันไปมองมาฟุยุจังด้วยความตกใจ เธอนั่งตัวตรงอย่างสง่างามบนเก้าอี้ หน้านิ่งจนน่ากลัว—เลิกพูดอะไรแปลกๆ ด้วยสีหน้าแบบนั้นทีเถอะ มันทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีกนะ
“ฉันปล่อยให้โอนี่อยู่กับฮิโยริซังสองคนแบบนี้ไม่ได้ค่ะ ถึงฉันจะเชื่อว่าโอนี่ไม่ใช่คนเลว แต่คนเมาน่ะทำอะไรไม่ได้นะคะ”
“ก็จริงนะ ว่าตอนนี้ฮิโยรินทำอะไรไม่รู้เรื่องเลย… แต่ค้างไม่ได้หรอก หมอนก็ไม่มีนะ”
“ฉันไม่ถือค่ะ นอนเตียงเดียวกันก็ยังได้”
“ฉันน่ะถือเฟ้ย!”
“เมื่อก่อนเรายังเคยอาบน้ำด้วยกันเลยนี่นา…”
มาฟุยุจังทำท่าจะร้องไห้ด้วยเสียงสะอึกสะอื้น—ขอร้องล่ะ กลับเข้าโหมดเด็กมหาลัยเถอะ ตอนนี้มีปัญหาคนเดียวก็เหนื่อยพอแล้ว
“อาบน้ำ!? ฉันยังไม่เคยอาบด้วยเลยนะ!”
“อะไรคือ ยัง ไม่เคยอ่ะ? แล้วอีกอย่าง บ้านเธอยังไม่ได้เช็คห้องน้ำเลยนี่ ไว้จะดูให้ก่อนจะขึ้นรา”
นึกขึ้นได้ว่าท่านเอ็ตเคยบอกในไลฟ์ว่า “เผลออีกทีก็ไม่ได้อาบน้ำมาสามวันเลย” ก็เข้าใจว่าเป็นหน้าหนาว… จะว่าไปแล้วคนที่เล่นบทสาวใสๆ แต่ไม่ได้อาบน้ำตั้งสามวันเนี่ยนะ? อย่างน้อยตอนนี้ไม่มีกลิ่นอะไรน่าจะหมายความว่าเธออาบแล้วล่ะ—ถึงจะโยนชุดชั้นในทิ้งกระจัดกระจายก็ตาม (เด็กดีควรใส่ในตะกร้านะจ๊ะ)
“เข้าใจแล้ว นายอยากเห็นชุดชั้นในฉันใช่มัา~ พ่อหนุ่มเอโร่ย~”
“ฉันต่อยเธอได้มั้ยเนี่ย?”
ฉันปัดมือชิซุกะที่เอานิ้วจิ้มสีข้างออกไป แล้วถอนหายใจ… ไม่มีใครในห้องนี้ไม่ใช่ตัวปัญหาเลยเหรอฟะเนี่ย? ไม่ใช่แบบที่วางแผนไว้เลยนะ…
“เอาเถอะ สรุปคือวันนี้จะไม่มีใครค้าง ชิซุกะกลับไปก่อน คนรอดูเธออยู่เยอะแล้ว ส่วนฮิโยริน ฉันจะจัดการหลังจากไปส่งมาฟุยุจัง”
ฮิโยรินยังคงฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ มือยังกำกระป๋องชูไฮแน่น
…สนุกตัวเองจนหนำใจแล้วก็หลับเฉยเลยแฮะ
ฉันให้สัญญากับตัวเองอย่างแรงกล้าว่า โตขึ้นฉันจะไม่เป็นแบบนี้เด็ดขาด
อะ ว่าแต่ในวิกิบอกว่าฮิโยรินอายุ 26 ปี… ไม่รู้โปรไฟล์ในเว็บทางการพวกนั้นเขียนตามความจริงรึเปล่า ถ้ามีโอกาสลองถามดูสักครั้งก็น่าสน
“เอ้า แยกย้ายๆ อย่างน้อยก็ให้จบวันแรกแบบเรียบร้อยหน่อยเถอะ”
ถึงมันจะดูห่างไกลจากคำว่าเรียบร้อยมากก็ตาม… แต่ช่างมันเถอะ ฉันปรบมือแล้วไล่ชิซุกะกับมาฟุยุจังออกจากบ้าน ถึงจะทิ้งฮิโยรินไว้ก็เถอะ… แต่ไม่เป็นไรหรอก—เธออายุ 26 แล้วนี่นา
◆
“ขอโทษนะ ที่วันนี้วุ่นวายไปหน่อย”
ฉันเดินกลับพร้อมกับมาฟุยุจัง ท่ามกลางถนนที่มืดสนิท ลมชื้นๆ ของหน้าฝนทำให้รู้สึกเหนอะหนะไม่สบายตัว
“ไม่เป็นไรเลย สนุกออก เพื่อนโอนี่จังก็น่ารักดีออก”
“เหรอ… ฉันไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้นหรอกนะ”
ผมยาวดำขลับของมาฟุยุจังปลิวเบาๆ ทุกครั้งที่เธอก้าวเดิน ทั้งที่อากาศชื้นขนาดนี้—ใช้ทรีตเมนต์อะไรเนี่ย?
“ว่าแต่มาฟุยุจัง ชีวิตในมหาลัยเป็นไงบ้าง?”
ระยะจากคอนโดฉันถึงสถานีไม่ไกล และมาฟุยุจังก็บอกว่าไปส่งแค่ถึงสถานีพอ ฉันเลยรีบถามเรื่องที่อยากรู้
“สนุกมากเลย มีเพื่อนที่สนิทกันด้วย แค่มีผู้ชายแปลกหน้าเข้ามาทักบ่อยๆ ก็น่ารำคาญนิดหน่อย”
“อ่า… นั่นสิ เห็นพูดบ่อยเลยว่าที่มหาลัยลำบากเรื่องนี้”
ลองนึกในมุมกลับ ถ้าเป็นฉันคงต้องพูดว่า “สาวๆ เข้ามาทักเยอะเกินไปแล้ว~ ฮ่าๆๆ” ประมาณนั้น แต่ความจริงมันต่างกันมาก ผู้หญิงมักจะรู้สึกไม่ปลอดภัยกับอะไรแบบนี้ เพราะผู้ชายมีแรงมากกว่า… ถ้าฉันเป็นผู้หญิง ก็คงกลัวเหมือนกัน
“ถ้าโอนี่จังเป็นแฟนฉันได้ก็คงกันพวกนั้นออกไปได้นะ…?”
เธอพูดพลางส่งสายตามาให้ฉันผ่านหางตา ยังไงก็เป็นหน้าตายเหมือนเดิม—ไม่รู้จะจริงจังหรือแค่ล้อเล่น
“เอ่อ… เอ่อ… นั่นมัน…”
“ล้อเล่นน่า ฉันไม่กล้ารบกวนโอนี่จังขนาดนั้นหรอก จัดการเองได้อยู่แล้ว”
จะว่าเป็นภาระก็ไม่เชิง แต่ก็ดีใจที่เธอบอกว่าแค่ล้อเล่น… มุกของมาฟุยุจังนี่เล่นเอาหัวใจฉันจะวาย
“แต่ถ้ามีคนตื๊อไม่เลิก ก็เอาชื่อฉันไปใช้ได้นะ มีอะไรบอกได้เลย ฉันจะช่วยเท่าที่พี่ชายจะช่วยได้”
“อืม ขอบคุณนะ โอนี่จัง”
จากนั้นเราก็คุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย จนเดินมาถึงหน้าสถานี
“อ้อ ใช่ โอนี่จัง… คอนโดพี่น่ะ มีห้องว่างอยู่ใช่มั้ย?”
“ใช่… หรือว่ากำลังคิดจะย้ายมา? ค่าห้องมันแพงอยู่นะ”
“ก็ใช่แหละ… แต่ที่ที่ฉันอยู่ตอนนี้มันเหมือนจะไม่ค่อยปลอดภัยน่ะ ฉันก็เลยลังเลอยู่ว่าจะเอายังไงดี”
“จริงดิ? ปลอดภัยอยู่ดีมั้ย?”
“ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก แถวนั้นก็มีแสงสว่างดีเพราะใกล้สถานี… แต่พอเห็นที่พี่อยู่แล้วก็คิดว่า แบบนี้ก็น่าอยู่ดีแฮะ”
“ที่นี่ระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนานะ ถ้ามาย้ายอยู่ใกล้ๆ ก็ดีเหมือนกัน”
“…งั้นเหรอ โอนี่จัง ดีใจสินะ”
“ก็ใช่น่ะสิ เพื่อนสนิทจะย้ายมาอยู่ใกล้ๆ ใครจะไม่ดีใจล่ะ จะได้กินข้าวด้วยกันแบบวันนี้อีกไง”
ถึงวันนี้จะวุ่นวายไปหน่อย แต่ “โซมะไค” ก็ยังจัดต่อแน่นอน… แค่เรื่องเครื่องดื่มของฮิโยรินคงต้องปรับบ้าง
“งั้นเหรอ… ขอบคุณมากนะ โอนี่จัง ฉันไปก่อนนะ”
“อืม เดินทางปลอดภัยนะ ฝันดี”
“ฝันดีค่ะ”
มาฟุยุจังหันกลับมามองฉันหลายครั้ง ก่อนจะเดินผ่านประตูตรวจตั๋วเข้าไป
…เอาล่ะ กลับบ้านดีกว่า ยังเหลืองานอีกอย่างต้องจัดการอยู่เลย
MANGA DISCUSSION