“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อมินาเสะ มาฟุยุ น้องสาวของโซมะคุงค่ะ”
“เอ๋…………?”
ที่โต๊ะสี่ที่นั่งซึ่งแทบไม่มีใครใช้ในบ้านของเรา วันนี้กลับมีคนนั่งครบสามคนเป็นครั้งแรก
มาฟุยุจังนั่งอยู่ข้างฉัน ส่วนชิซุกะนั่งตรงข้าม
หลังจากมาฟุยุจังแนะนำตัว ชิซุกะก็มีเครื่องหมายคำถามลอยอยู่บนหัว พลางสลับมองหน้าฉันกับมาฟุยุจังไปมา
“เอ๋? เป็นพี่น้องกันเหรอ……? แต่สกุลไม่เหมือนกันเลยนี่……อ๊ะ หรือว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่ควรถาม……แถมหน้าก็ไม่เหมือนกันสักนิดเลยนะ”
แม้จะงุนงง แต่ชิซุกะก็ยังพยายามยิ้มเจื่อนๆ ออกมา
“ก็แน่นอนล่ะ เพราะเราไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ”
“หา?”
ชิซุกะทำหน้าตาปัญญาอ่อน เหมือนไม่เข้าใจอะไรเลย
“เราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันค่ะ ก็เลยใช้นามสกุลต่างกัน”
“เดี๋ยวสิ มาฟุยุจัง อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งไปสิ”
ฉันรีบหยุดมาฟุยุจังที่พูดเรื่องพิลึกแบบหน้าตาเฉย
……มาฟุยุจังที่มหา’ลัยดูเป็นสาวคูลสวยสงบแท้ๆ แต่มาดูท่าทางเมื่อกี้ในซูเปอร์ฯ กับตอนนี้แล้ว……เธออาจจะเป็นคนพิลึกกว่าที่คิดก็ได้นะ……
“มาฟุยุจังเป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉันน่ะ เพิ่งกลับมาเจอกันที่มหา’ลัยหลังจากไม่ได้เจอกันเกือบสิบปี ก็เลยกลับมาคุยกันอีกครั้งแบบนี้แหละ”
“ฉันเคยเคารพเขาเหมือนพี่ชายแท้ๆ เลยค่ะ”
มาฟุยุจังเสริมขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ด้วยท่าทางจริงจังและรูปลักษณ์แบบสาวสุขุม ทำให้คำพูดแบบนั้นยิ่งฟังดูแปลกเข้าไปใหญ่ ชิซุกะเลยเริ่มถอยกรูดนิดๆ
“อะ-อะเหรอ……ถ้าแบบนั้น ฉันก็ต้องเป็นพี่สาว…ของเธอสินะ?”
“…หา?”
คิ้วของมาฟุยุจังที่เย็นชาดั่งทุ่งหิมะบริสุทธิ์พลันกระตุกขึ้นเล็กน้อย
“ขะ-ขอโทษจ้า! ล้อเล่นแค่นั้นแหละ! เอ่อ ฉันชื่อรินโจ ชิซุกะ อายุยี่สิบ ยินดีที่ได้รู้จักนะ?”
ชิซุกะยื่นมือให้มาฟุยุจังอย่างกล้าๆ กลัวๆ
มาฟุยุจังจ้องมือนั้นเขม็งด้วยสีหน้าเรียบนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ จับมือตอบกลับไป
“…………”
……อะไรเนี่ย บรรยากาศแบบนี้?
สองคนนี้จะไปกันได้จริงเหรอ?
ตอนแรกฉันคิดว่ามาฟุยุจังเป็นคนที่ไว้ใจได้ก็เลยพามา แต่หรือว่าฉันจะตัดสินพลาดไป?
◆
“โอเค! ได้เวลาเริ่มทอดแล้ว ชิซุกะ ฮิโยรินว่าไงมั่ง?”
“อ้อ พอดีเพิ่งตอบมาว่ากำลังจะถึงเลยล่ะ”
“รับทราบ”
ฉันดึงสายผ้ากันเปื้อนให้กระชับ กำลังจะสองทุ่มพอดี เป็นเวลาที่เหมาะเจาะที่สุด
“………? มีอะไรเหรอ?”
ทันทีที่ดึงผ้ากันเปื้อนเสร็จ มาฟุยุจังกับชิซุกะก็จ้องมาที่ฉัน
“ปะ-เปล่า ไม่มีอะไรหรอก เชิญทอดต่อไปตามสบายเลย”
“ตั้งตารออยู่นะคะ”
“อะ อืม……เหรอ…”
ฉันเอียงคอนิดๆ ก่อนเดินเข้าครัว
หรือว่า……ผ้ากันเปื้อนนี่ไม่เข้ากับฉัน? ตอนซื้อไม่ได้คิดมากเลยเลือกแบบลายดอกมา คิดว่าไม่ต้องให้ใครเห็นอยู่แล้ว แย่ละมั้งนี่…
“โซมะคุงใส่ผ้ากันเปื้อน……โมเอะมาก……”
“หยุดเพ้อถึงโอนี่จังของฉันเองตามใจชอบจะได้มั้ยคะ?”
“อะไรกันล่ะ~ ก็ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันซะหน่อยนี่”
เสียงพูดคุยหยอกล้อกันของสองสาวดังมาจากห้องนั่งเล่น
ตอนแรกฉันแอบกังวลว่าจะเข้ากันไม่ได้ แต่ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรเลย แถมยังดูสนิทกันอีกต่างหาก ดีแล้วล่ะ
“โอ้ー ทอดล่ะนะ”
ฉันหยิบเนื้อน่องไก่ที่หมักไว้ คลุกแป้งให้ทั่วก่อนจะลงทอดในน้ำมันอุณหภูมิปานกลาง
ทอดรอบแรกเสร็จ ต้องพักไว้ก่อน แล้วค่อยทอดซ้ำในน้ำมันร้อนจัด นี่แหละเคล็ดลับให้ไก่กรอบนอกฉ่ำใน
“โซมะคุง ฮิโยรินมาถึงแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันไปเปิดประตูนะ”
“อืม ฝากด้วย”
ฉันตอบกลับเสียงของชิซุกะที่ดังแทรกเข้ามาในเสียงฉู่ฉ่าของไก่ที่กำลังทอด
ซักพัก เสียงฝีเท้าสองคนก็กลับเข้ามา
“…………”
ไอดอลนักพากย์ตัวจริง……มาอยู่ในบ้านฉันแล้ว
ฉันรู้สึกถึงพลังของฮิโยรินอยู่ด้านหลัง ทำให้ตัวแข็งทื่อไปหมด
……ไม่ได้นะ ต้องโฟกัสกับการทอดไก่สิ
“โซมะคุง~ ขอรบกวนหน่อยนะ~”
“อะ คะ ครับ! เชิญนั่งตรงที่ว่างได้เลยครับ!”
เสียงของฮิโยรินทำเอามือที่คีบไก่เกือบหลุดตก ดีที่รอดไปหวุดหวิด
“…………”
ฉันตั้งสติ คีบไก่ขึ้นวางบนตะแกรงโดยไม่ให้ผิดพลาด เพิ่มความร้อนของน้ำมัน แล้วเริ่มทอดรอบสอง
แม้จะฟังไม่ชัดนัก แต่เสียงของสาวๆ สามคนที่คุยกันก็ดูจะสนุกสนานดี
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อมินาเสะ มาฟุยุ เป็นน้องสาวของโซมะคุงค่ะ”
“เอ๊ะ โซมะคุงมีน้องสาวด้วยเหรอ? แถมยังน่ารักอีกด้วยนะ”
“ไม่เชิงหรอก จริงๆ แล้วเหมือนจะเป็นแค่คนที่เหมือนน้องสาวมากกว่า”
“เดี๋ยวค่ะ อย่าแทรกเข้ามาได้มั้ยคะ”
“หาเรื่องเหรอ เจ้าน้องเล็กปากเก่ง”
“หุหุ ดูเหมือนสองคนนี้จะเข้ากันได้ดีแล้วล่ะนะ”
“…………”
อืม……ฟังไม่ค่อยชัด แต่ดูเหมือนจะคึกคักดีนะ
ชิซุกะกับฮิโยรินเป็นพวกที่ต้องพบปะผู้คนบ่อย (ถึงชิซุกะจะอยู่ในหมวดก้ำกึ่งก็เถอะ) แต่ก็ดูน่าจะมีสกิลสื่อสารกับคนแปลกหน้าอยู่มาก เป็นข้อดีที่ทำให้ฉันโล่งใจขึ้นเยอะ ฝากมาฟุยุจังไว้ได้ละมั้ง
“โอเค ทอดเสร็จแล้ว!”
ฉันคีบไก่ใส่จานไปทีละชิ้นๆ รอบแรกเอาไว้ก่อน 15 ชิ้น แล้วเดี๋ยวค่อยลุยรอบสองต่อ
“ทุกคน รอหน่อยนะ~ ไก่ทอดมาแล้ว~ ยังมีรอบสอง ไม่ต้องห่วงเรื่องปริมาณเลย~”
พอเดินถือจานกลับไปที่ห้องนั่งเล่น ก็สบตากับฮิโยรินพอดี
เธอหันมายิ้มให้ฉัน
“โซมะคุง ใส่ผ้ากันเปื้อนน่ารักจังเลย”
“!?”“!?”
“อะ อะ อ๊ะ ขะ-ขอบคุณครับ……!”
หน้าร้อนผ่าวยิ่งกว่าตอนยืนทอดไก่อีก ฉันรีบเอาจานไปวางที่โต๊ะเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขิน
“น่ากินสุดๆ เลย!!!”
“ตายจริง เก่งมากเลยนะเนี่ย”
“…………อาหาร……ของโอนี่จัง……”
ทั้งสามคนมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไปต่อไก่ทอดร้อนๆ ตรงหน้า
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แค่พวกเธอดูตื่นเต้นกันแบบนี้ ฉันก็รู้สึกอบอุ่นในใจแล้ว
“ถ้วยข้าวกับตะเกียบอยู่ในตู้ ถ้าใครอยากกินซุปมิโสะ เดี๋ยวเอาแบบสำเร็จรูปให้ก็ได้นะ บอกมาเลย”
──และแล้ว มื้อเย็นมื้อแรกที่เราทั้งสี่คนกินร่วมกันก็เริ่มต้นขึ้น
MANGA DISCUSSION