“งั้นชิซุกะ อย่าทำห้องรกอีกนะ ฉันจะเข้าไปตรวจอาทิตย์ละครั้ง เตรียมใจไว้เลย”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า! ก็ฉันมันแค่ยังมือใหม่เรื่องอยู่คนเดียวเองนี่! ฝะ…ฝั่งนายต่างหากล่ะ อย่ามัวแต่จินตนาการถึงชั้นในของฉันแล้วไปทำอะไรลามกๆ ล่ะ!”
“ไม่ทำหรอกน่า พูดอะไรแบบนั้นเอาไว้ตอนซักผ้าเองเป็นก่อนเถอะ”
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ… แต่ดูท่าแล้วคงได้โผล่มาในฝันแน่ๆ ทว่านั่นก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรเอ่ยออกไป
บทสนทนานี้เกิดขึ้นตรงหน้าประตูห้อง แต่ว่าชั้นนี้มีแค่ฉัน ชิซุกะ แล้วก็ฮิโยรินเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน ดังนั้นถึงจะคุยกันเรื่องที่ใครได้ยินอาจเข้าใจผิดก็ยังวางใจได้
“เรื่องมื้อเย็นฉันจะเลื่อนตามตารางสตรีมของเธอละกัน บอกมาทุกวันตอนกลางวันด้วยล่ะว่าจะสะดวกกี่โมง แล้วถ้ามีอะไรอยากกินก็บอกได้เลยนะ”
“ขะ…เข้าใจแล้วล่ะ………… ขอบคุณมากนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ทำให้คนเดียวหรือสองคนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แถมยังได้แรงจูงใจในการทำอาหารเพิ่มอีก”
“คุยอะไรกันเหรอ~?”
“!?“ “…………!?”
ทันใดนั้น เสียงจากบุคคลที่สามดังขึ้น เราหันไปมองก็เห็นฮิโยริน ซึ่งดูเหมือนจะเพิ่งกลับมาจากทำงาน กำลังเดินลงมาจากลิฟต์
“สวัสดีครับ กลับมาจากงานเหรอครับ?”
“จ้า~ วันนี้ต้องไปสตูดิโอที่ไกลหน่อย เลยกลับช้ากว่าปกติน่ะสิ~”
“ฮะฮะ… ลำบากแย่เลยนะครับ”
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันกับฮิโยรินไม่ได้เจอกันบ่อยนัก แต่จะมัวมาทำตัวประหม่า “อะ…เอ่อ…คือว่า” ไปตลอดก็ไม่ได้ (ก็ฉันมันสไตล์ฮาร์ดบอยล์) ตอนนี้เลยเริ่มพูดกับเธอได้ตามปกติแล้ว
ในมือของฮิโยรินถือถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อ ในนั้นมีกระป๋องชูไฮขนาดยาวๆ อยู่หลายกระป๋อง มองทะลุถุงบางๆ เห็นชัดเจนว่าเป็นชูไฮแบบแรง 9% ที่คอเหล้านิยมกัน
แหะ… ฮิโยรินก็ดื่มเหล้าเหมือนกันสินะ
“ว่าแต่ เมื่อกี้ดูเหมือนจะคุยเรื่องอะไรสนุกๆ อยู่ใช่มั้ย? เห็นพูดถึงมื้อเย็นอะไรทำนองนั้น?”
ฮิโยรินเอ่ยพลางเดินเข้ามาใกล้ฉันกับชิซุกะ
ใบหน้าที่เคยเห็นผ่านแผ่นบลูเรย์หรือตามไลฟ์สตรีม บัดนี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม ใบหน้าที่เหมือนอัญมณีจริงๆ… ชิซุกะก็น่ารักนะ แต่พอเป็น “โอชิ” ของเราแล้ว ฮิโยรินก็ยังเปล่งประกายมากกว่าอยู่ดี
ต่อให้เธอจะถือชูไฮอยู่ในมือก็ตามทีเถอะ
“อา─ คือผมกับชิซุกะ ตกลงว่าจะกินข้าวเย็นด้วยกันน่ะครับ ชิซุกะเพิ่งเริ่มอยู่คนเดียว ส่วนผมก็ทำอาหารอยู่แล้ว เลยคิดว่าแบบนี้น่าจะดี”
“หืม…”
ฮิโยรินเหลือบมองไปมาระหว่างฉันกับชิซุกะที่ยังค้างอยู่หน้าห้อง แล้วก็ยกมือที่ไม่ได้ถือถุงขึ้นมาทำสัญลักษณ์ ‘พีซ’ หันมาทางพวกเรา
“…สองคนเป็นแฟนกันเหรอ?”
“คุ────!? อั่ก!”
“ไม่ใช่นะครับ! พวกเราพึ่งรู้จักกันไม่นานเอง”
ดูเหมือนชิซุกะจะตกใจจนหัวโขกกับประตูไปแล้ว กำลังจับหน้าผากตัวเองด้วยเสียงครวญครางอยู่… ทำอะไรของเธอเนี่ย
“เหรอ~ งั้น…ฉันขอร่วมวงด้วยได้มั้ย?”
“หา?”
“หมายถึงมื้อเย็นน่ะ ฉันก็อยากกินด้วยเหมือนกัน วันแบบวันนี้ฉันก็กลับดึกบ้าง บางวันก็มีไลฟ์โชว์ เลยไม่ได้ทุกวันหรอกนะ”
“อา…”
จริงดิ?
จริงเหรอ จริงเหรอ จริงเหรอ!?
ฮิโยรินอยากกินข้าวด้วยเนี่ยนะ!?
แถมเป็นข้าวที่ฉันทำเองอีกต่างหาก!?
แบบนี้มันก็เหมือนกับว่า… เราเป็นคู่สามีภรรยาแล้วไม่ใช่เหรอ!? “เทนโด โซมะ” สามีพ่อบ้านเต็มตัว มาแล้วจ้า!
“ผมโอเคสุดๆ เลยล่ะ แล้วชิซุกะล่ะ?”
แม้จะรู้ว่าถามแบบนี้มันดูเอาเปรียบหน่อยๆ แต่ก็อยากรู้ความเห็นของชิซุกะอยู่ดี เธอยังคงกุมหัวตัวเองอยู่ ดูท่าจะโขกแรงใช้ได้
“โอ๊ยย… หะ? กินข้าวด้วยกันเหรอ? ฉันไม่ติดอะไรหรอก… โอ๊ยยย…”
ชิซุพูดพลางค่อยๆ เงยตัวขึ้นจากท่าขดตัว
“งั้นก็เป็นอันตกลงนะครับ ตั้งแต่พรุ่งนี้ก็ไปกินข้าวเย็นที่ห้องผมกันได้เลย”
“ขอบคุณน้า งั้นฉันขอคอนแทคไว้ดีกว่ามั้ย?”
“คะ…คอนแทคเหรอครับ!?”
“ใช่สิ เวลาที่อาจกลับช้าหรือมีเหตุอะไรจะได้แจ้งไว้ล่วงหน้าไง”
“อ๊ะ! ใช่ๆ… งั้น…ใช้ไรม์ก็ได้นะครับ?”
“ดีเลย เดี๋ยวขึ้นโค้ดให้ สแกนได้เลยนะ”
ฮิโยรินค่อยๆ หยิบมือถือขึ้นมาเปิดโค้ดเพื่อน ฉันต้องใช้มือสั่นๆ ฝืนใจให้มั่นคงเข้าไว้ก่อนจะยกมือถือขึ้นไปสแกน
[จะเพิ่ม “ฮาเซคุระ ฮิโโยริ” เป็นเพื่อนหรือไม่?]
“…………โฮ่…”
ชื่อของฮิโยรินปรากฏอยู่ในรายชื่อเพื่อนของไรม์ฉันแล้ว… ทั้งที่มันคือเรื่องจริงแท้ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนฝันจนแทบไม่อยากเชื่อ
…หากจะบอกว่าไม่เคยฝันถึงเรื่องอย่าง “ได้สนิทกับนักพากย์ที่ชอบ” ล่ะก็… นั่นโกหกแน่ๆ ถึงจะเป็นเพียงแค่ไม่กี่นาทีก่อนนอน ฉันก็เคยนอนหลับไปพร้อมจินตนาการถึงอนาคตแบบนั้น และคนที่อยู่ในฝันนั้นเสมอก็คือ ฮิโยริน
ฝันเหล่านั้น… ตอนนี้กลายเป็นความจริงแล้ว
ถ้าไม่มีใครอยู่แถวนี้ ฉันคงได้แก้ผ้าแล้วเต้นไปแล้วล่ะ แม้กระทั่ง “ฮาร์ดบอยล์” อย่างฉันก็ตามที
“อุฟุฟุ~ เป็นอะไรไปเหรอ โซมะคุง?”
“────หะ!? ขะ…ขอโทษครับ ผมแค่ดีใจมากจนเผลอเหม่อไปหน่อย ผมจะไม่ก้าวล้ำในฐานะแฟนคลับเด็ดขาดเลยครับ! ผมจะไม่ส่งข้อความไปจู้จี้จุกจิกอะไรแน่นอน!”
ฉันรีบตั้งสติ ยืดตัวตรงเพื่อเตือนสติตัวเอง
…เกือบไปแล้ว เกือบเผลอทำอะไรเกินตัวเพราะดีใจที่ได้เบอร์ฮิโยรินแล้ว
ฮิโยรินดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดเท่าไหร่ เอียงคอพลางพูดเสียงยืด
“…อืม~ นะ โซมะคุง ถึงเธอจะเป็นแฟนคลับของฉันก็เถอะ แต่ในเวลาเดียวกันเราก็เป็นเพื่อนบ้านกันด้วยใช่มั้ย? เพราะงั้นไม่ต้องคิดมากเรื่อง ‘ในฐานะแฟนคลับ’ หรอกนะ มาสนิทกันเถอะ นะ~?”
“ฮะ────ฮะฮิฮี้!”
────ณ ตอนนั้น ไม่รู้ว่าหน้าตาของฉันเป็นแบบไหน และฮิโยรินได้เห็นสีหน้ายังไงบ้าง แต่การที่ไม่ต้องรู้… อาจเป็นความสุขสูงสุดในชีวิตแล้วก็ได้ เพราะหน้าฉันคงตลกเกินบรรยายแน่ๆ
“…เดี๋ยวเถอะทั้งสองคน… ฉันก็อยู่นะ…?”
เสียงเย็นยะเยือกดั่งเสียงคำรามจากนรกดังขึ้นเรียกสติฉันกลับมา
เมื่อหันไปมองก็พบชิซุกำลังจ้องมาด้วยสายตาไม่ใช่แค่เย็นเยียบ แต่มันเลยขั้นเย็นเยียบ ไปเป็นทิ่มแทงแล้ว จ้องฉันเขม็งเลย
“อะ…อา ขอโทษนะชิซุกะ งั้นไว้เดี๋ยวเราสามคนตั้งกลุ่มในไรม์ด้วยกันเลยนะ”
“อื้ม ฝากด้วยนะ~”
“…โซมะคุง ไว้เจอกันในห้องสอบสวนนะ”
“เอ๊ะ…ทำไมล่ะ…”
แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันกลับเข้าห้องของตัวเอง
ว่าแต่… ได้กินข้าวกับฮิโยรินเนี่ยนะ…
แม่เจ้า… ตื่นเต้นเป็นบ้าเลยเว้ย!
MANGA DISCUSSION