บทที่ 1: การพบพาน
จิ๊บๆ จิ๊บๆ
จิ๊บๆ จิ๊บๆ จิ๊บๆ จิ๊บๆ จิ๊บๆ จิ๊บๆ จิ๊บๆ จิ๊บๆ จิ๊บๆ
“…หนวกหูน่า…”
เช้าวันใหม่ของฉันเริ่มต้นด้วยเสียงจิ๊บๆ ของนกกระจอกที่หนวกหู ถึงจะเป็นวันหยุดก็ไม่วายโดนปลุกแต่เช้าเลย
พอเหลือบดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลา 6 โมงตรง… ฉันกลายเป็นตาลุงไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
“ลุกก็ลุก…”
ฉันสะบัดผ้าห่มที่พันอยู่รอบตัวเหมือนผ้าพันออก แล้วลุกขึ้นจากเตียงแบบไม่เต็มใจนัก จากนั้นก็เดินไปที่ห้องครัว เปิดตู้เย็นดูของกินในนั้น
“อ้าว ยังมีไข่อยู่เหรอ นึกว่าหมดไปเมื่อวานแล้วซะอีก”
อาหารเช้าเป็นเรื่องสำคัญ
เคยเห็นผลสำรวจที่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่กินอาหารเช้า แต่สำหรับฉัน มันเป็นไปไม่ได้เลย
ไม่กินข้าวเช้าจะไม่มีสมาธิตอนเช้า แถมถ้าตอนกินกลางวันน้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูงปรี๊ด เสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองด้วย ถึงจะไดเอตแบบออโตฟาจี ก็ยังควรกินอาหารเช้าอยู่ดี
(TN: Autophagy — การกินอาหารแบบไขมันสูง โปรตีนและคาร์บต่ำ หรือการกินแบบ IF)
พูดถึงออโตฟาจี วีทูปเบอร์ที่ฉันชอบก็เคยถูกล้อว่า ‘กินออโตฟาจีแบบฉบับตัวเอง www’ เพราะเธอใช้ชีวิตมั่วซั่วสุดๆ จนบางวันลืมกินอะไรไปทั้งวันก็มี คนอื่นอาจจะขำ แต่ฉันเป็นห่วงจริงๆ กลัวว่าวันนึงเธอจะป่วยเอา
ท่านเอ็ตดูอ่อนแออยู่ด้วยสิ
ฉันหยิบไข่กับเบคอนออกมา ตั้งกระทะ รอจนร้อนแล้วใส่น้ำมัน ก่อนจะทอดเบคอน แล้วตอกไข่ตามลงไป
ตอนเพิ่งเริ่มอยู่คนเดียวใหม่ๆ ฉันทำอะไรพวกนี้ไม่เป็นเลยสักนิด แต่ตอนนี้คล่องมือจนแทบไม่ต้องคิด แล้วอาหารเช้าก็เสร็จเรียบร้อยในพริบตา
ตอนก่อนจะเริ่มอยู่คนเดียว ฉันคิดว่าทำกับข้าวน่าจะน่าเบื่อ แต่พอได้ลองจริงๆ มันก็สนุกมากเลยล่ะ ถ้าไม่ได้ยุ่งจริงๆ ฉันก็จะทำอาหารกินเองตลอด เพื่อนที่มหาลัยยังตกใจเลย บอกว่าทำกับข้าวกินเองเนี่ยนะ ฉันว่าแบบนี้ประหยัดกว่าเยอะเลยนะ
ฉันวางเบคอนกับไข่ดาวลงจานสีขาวสะอาด แล้วย้ายไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวสำหรับสี่คนที่ดูยังไงก็ไม่เหมาะกับคนอยู่คนเดียวอย่างฉัน
จากนั้นก็เดินกลับไปตักข้าวจากหม้อ แล้วก็กลับมานั่งประจำที่อีกครั้ง การต้องเดินไปเดินมาก็ชวนให้ขี้เกียจไม่เบาเลยแฮะ
“ทานแล้วนะครับ”
อพาร์ตเมนต์ที่พ่อแม่เช่าไว้ให้นี่กว้างเกินความจำเป็นสุดๆ แถมยังอยู่ไม่สะดวกอีกต่างหาก
เพราะพ่อแม่ห่วงว่า ‘อยู่คนเดียวมันอันตราย’ เลยจัดอพาร์ตเมนต์นี้ให้ เป็น 2LDK มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ค่าเช่าก็เลยแพงกว่าที่อื่นพอสมควร คนอยู่เลยมีน้อย ชั้นที่ฉันอยู่มี 4 ห้อง แต่ก็มีคนอยู่แค่ฉันห้องเดียว
ไอ้การจะมีสาวสวยมาอยู่ข้างห้องแบบในการ์ตูนน่ะไม่มีหรอก ชีวิตจริงมันไม่แฟนตาซีนะ
“ขอบคุณสำหรับอาหาร”
ฉันรีบกินข้าวให้เสร็จ แล้วล้างจานทันที
…ว่ากันตามตรง คนที่ขี้เกียจล้างจานส่วนมากก็เพราะปล่อยให้มันพอกพูนนั่นแหละ พอเคยชินกับการล้างทันทีที่กินเสร็จ มันก็ไม่ได้ยากอะไรนัก แต่ไม่รู้ทำไมถึงมีคนเปลี่ยนซิงก์น้ำให้เป็นแดนสนธยาได้อยู่เรื่อย
“โอเคล่ะ…”
ล้างจานเสร็จก็ไม่มีอะไรทำแล้ว
หันไปดูนาฬิกาอีกทีก็แค่หกโมงยี่สิบ เช้าเกินกว่าจะออกไปข้างนอกเพราะร้านส่วนมากยังไม่เปิด รายงานมหาลัยก็ทำเสร็จหมดแล้ว…
“งั้นดูคลิปตัดต่อของท่านเอ็ตแก้เบื่อแล้วกัน”
‘เดรเคียว’ จะเริ่มฉายตอนเก้าโมง ขอแค่ฆ่าเวลาไปถึงตอนนั้นได้ก็พอ
ฉันชงกาแฟร้อนแบบเร็วๆ แล้วถือโน้ตบุ๊คมาวางที่โต๊ะกินข้าวที่เพิ่งนั่งกินเมื่อกี้ เปิด มีทูป
เลือกช่อง ‘ช่องคลิปตัดต่อท่านเอ็ต [รับรองโดยออฟฟิเชียล]’ จากรายการโปรดแล้วกดเปิดวิดีโอสุ่มๆ เสียงเรียบๆ ที่คุ้นเคยก็เริ่มดังออกมาจากลำโพง
ชื่อคลิปคือ “ท่านเอ็ตเอาชนะยากิโซบะเผ็ดไฟลุกทั้งๆ ที่โดนลวกมือ” เป็นคลิปตัดต่อจากสตรีมเมื่อสองวันก่อนที่ฉันพลาดไปพอดี ยังไม่ได้ดูย้อนหลังเลย
“(วันนี้จะลองกิน “เปยัง (Peyoung)” รสเผ็ดสุดๆ ดูค่ะ! เห็นว่าช่วงนี้กำลังฮิตกันอยู่ใช่ไหมล่ะคะ? คราวก่อนเห็นเซเรียจังร้องไห้ไปกินไปอยู่ ฉันดูแล้วขำมากเลย เลยคิดว่าจะลองดูบ้าง ก็เลยแวะซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อน่ะค่า)”
ช่วงนี้มันก็ฮิตจริงนั่นแหละ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสเผ็ดจัด เห็นคลิปตัดจากสตรีมเมอร์คนอื่นอยู่หลายคนเหมือนกัน เขาว่ากันว่ามันเผ็ดแบบไม่ล้อเล่นเลยนะ…แต่ท่านเอ็ตดูท่าจะกระเพาะอ่อนแอนะ จะไหวเร้อ?
คอมเมนต์: “น่าสนใจ”
คอมเมนต์: “เผ็ดจัดเหรอ?”
คอมเมนต์: “ไม่ใช่รส “เผ็ดนรก” เหรอ?”
“(เผ็ดนรกเหรอ? ของที่ฉันซื้อมามันเขียนว่า “เผ็ดจัด” นะ…หรือมันไม่ใช่แบบเดียวกันเหรอ?)”
คอมเมนต์: “มันมีแบบเผ็ดกว่านั้นอยู่อีก”
คอมเมนต์: “ของที่เซเรียกินนั่นมัน “เผ็ดนรก””
คอมเมนต์: “ของที่เธอถือว่ายังไม่เผ็ดเท่าไหร่นะ”
“(โอ๊ะ งั้นเหรอ…แต่ฉันก็ไม่ได้ทนเผ็ดเก่งขนาดนั้นด้วยสิ เอาเป็นว่าเริ่มจากระดับนี้ก่อนแล้วกัน ถ้ามันไม่เผ็ดเลยจริงๆ ค่อยลองแบบเผ็ดนรกทีหลังก็ได้ งั้นเดี๋ยวขอไปเตรียมก่อนน้า)”
คอมเมนต์: “รับทราบ”
คอมเมนต์: “ฉันก็อยากกินเปยังบ้างแล้วสิ”
คอมเมนต์: “แค่เผ็ดจัดท่านเอ็ตก็คงไม่รอดแล้วล่ะ…”
ท่านเอ็ต หรือชื่อเต็ม เฮ็นริเอ็ตต้า เป็นวีทูปเบอร์ในสังกัดบริษัท Virtual Real
มียอดผู้ติดตามประมาณหกแสนราย จัดว่าอยู่ในระดับกลางๆ ในค่าย
เอกลักษณ์คือเสียงเรียบนุ่มฟังสบาย กับสไตล์การพูดเรื่อยๆ ช้าๆ รายการพูดคุยก่อนนอนของเธอถึงขั้นมีคนลือว่าช่วยแก้อาการนอนไม่หลับได้จริง แน่นอนว่าไม่จริงหรอก แต่ความสงบที่ได้ยินจากเสียงเธอก็ทำให้เชื่อได้นิดๆ นั่นแหละ
และท่านเอ็ตก็เป็น ‘โอชิ’ ของฉัน
ไม่มีเหตุผลพิเศษอะไรหรอก แค่คลิปของเธอโผล่มาในแนะนำ แล้วฉันก็ดูไปดูมา จนตอนนี้กลายเป็นยานอนหลับไปแล้ว
“(กลับมาแล้วค่า~ ทำไมไม่รู้วันนี้เทน้ำออกไม่ดีเลย เผลอลวกนิ้วโป้งไปนิดหน่อย คงต้องกินไปแช่นิ้วไปแล้วล่ะ แล้วก็ เสียงกินอาจเข้าไมค์นะ ถ้าใครไม่ชอบก็แนะนำให้ปิดเสียงเลยจ้า~)”
คอมเมนต์: “นิ้วไม่เป็นไรมากใช่ไหม!?”
คอมเมนต์: “ช่างเปยังเถอะ ไปทำให้นิ้วเย็นก่อน!”
คอมเมนต์: “ขอกินข้าวแกล้มเสียงเคี้ยวหน่อยคับ”
“(ฉันเอานิ้วจุ่มน้ำเย็นในแก้วไว้แล้วจ้า ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ~ งั้นก็…ทานแล้วนะค้า~)”
ซู้ด—
ซู้ดดดดดดด—
เสียงซู้ดเบาๆ ดังผ่านลำโพงออกมา
คอมเมนต์: “เสียงซู้ดช่วยชีวิต”
คอมเมนต์: “กำลังขาดเสียงเคี้ยวอยู่พอดี”
คอมเมนต์: “ดูจะไม่ค่อยเผ็ดนะ?”
“(อื้มม~ ตอนแรกไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่ แต่—อุ๊บ! เผ็ดแฮะ! ตอนลงคอมันแบบว่า *อุก*! คอ…แบบว่า เจ็บ! มากเลยอ่า~)”
คอมเมนต์: “ดูทรมานอยู่นะ”
คอมเมนต์: “อย่าฝืนเลยน้า”
คอมเมนต์: “ท่านเอ็ตตอนทรมาน…ฮ่า~”
แม้จะมีพวกโรคจิตปะปนในคอมเมนต์อยู่บ้าง แต่ท่านเอ็ตก็สามารถกินจนหมดได้โดยสวัสดิภาพ
“(อิ่มละค่า~ เผ็ดจัง…แต่ก็ยังไม่เผ็ดมากขนาดนั้นมั้ง~ ไว้คราวหน้าจะลองแบบเผ็ดพิเศษดูละกัน แต่สองวันนี้คงไม่ได้ไลฟ์นะ ต้องย้ายของไว้ก่อน อาจจะได้จัดไลฟ์ฉลองย้ายบ้านพร้อมรีวิวเผ็ดพิเศษเลยก็ได้~ ไว้เจอกันนะ~)”
วิดีโอตัดนั้นจบลงตรงนั้น
“…อึ้ก”
ฉันจิบกาแฟร้อนไปพลาง รอคลิปต่อไปเริ่มเล่น
◆
รู้จัก “ยาสุมิ ฮิโยริ” มั้ย?
ฉันรู้จักเธอเมื่อสองปีก่อน จากเกมโซเชียลแนวปั้นไอดอลเกมหนึ่ง
ฉันคลั่งเกมนั้นมาก ขนาดตามไปดูไลฟ์คอนเสิร์ตทุกงานเลย ตอนแฟนมีตครั้งแรกฉันได้เห็นเธอแสดงบนเวที เธอสวยและงดงามมาก จนฉันกลายเป็นแฟนของเธอไปโดยไม่รู้ตัว
พอไปอ่านในวิกิถึงได้รู้ว่า ก่อนหน้านั้นเธอแทบไม่ได้บทเด่นเลย เกมนี้คือบทนำแสดงครั้งแรกของเธอ
แต่ตอนนี้เธอได้เล่นทั้งเกมอื่นและอนิเมะหลายเรื่อง ล่าสุดถึงขั้นได้รับบทหลักในอนิเมะเช้าวันอาทิตย์ชื่อดังอย่าง เดรเคียว เรียกได้ว่าเป็นไอดอลนักพากย์ที่กำลังพุ่งแรงสุดๆ
“ฮิโยรินในเดรเคียวงั้นเหรอ…รู้สึกตื้นตันจังเลยแฮะ”
บนจอภาพ ตัวละครเอกหญิง “คาซามัตสึริ สึคาสะ” ที่ฮิโยริให้เสียงอยู่ กำลังซัดศัตรูด้วยลูกเตะโรลลิ่งโซบัตจนปลิวไปถึงดวงจันทร์ เดรเคียวมีธรรมเนียมว่าตัวเอกต้องต่อยตีกับศัตรูจริงๆ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในเสน่ห์หลักของเรื่องไปแล้ว
(TN: ล้อพรีเคียวแน่ๆ)
พอดูชื่อ “คาซามัตสึริ สึคาสะ – ยาสุมิ ฮิโยริ” ขึ้นตรงท้ายเครดิต ฉันก็กดปิดทีวี แล้วเดินไปทางประตู
เพราะข้างห้องดูจะเสียงดังผิดปกติ
ทั้งที่ควรจะยังว่างอยู่นี่นา…หรือว่ามีคนย้ายเข้ามา?
ฉันโผล่หน้าออกจากประตูอย่างกับแพรรีด็อกที่อยากรู้อยากเห็น แล้วก็เห็นกลุ่มคนที่ดูเหมือนพนักงานขนของกำลังเข้าไปในลิฟต์ ส่วนหน้าห้องฝั่งตรงข้ามที่เคยว่างอยู่ ก็มีหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวกำลังโค้งขอบคุณอย่างสุภาพ
ดูท่าว่าข้างห้องจะมีคนย้ายเข้าแล้วจริงๆ…แถมยังดูเป็นผู้หญิงวัยรุ่นอีกด้วย
จะเงียบๆ กลับเข้าห้องก็รู้สึกเย็นชาจนเกินไป ฉันเลยตัดสินใจทักทายไปก่อน
“สวัสดีครับ”
“ว้าย!?”
เธอสะดุ้งจนร้องเสียงดังลั่น
หญิงสาวหันกลับมา เอามือทาบอก ริมผมสีน้ำตาลที่เป็นลอนพลิ้วไหว เผยให้เห็นใบหน้าสวยแบบสาวงามชัดๆ
“ฮ่า…ตกใจหมดเลย…”
“ขอโทษครับ ไม่คิดว่าจะตกใจขนาดนั้น”
“ม-ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็เหม่ออยู่ด้วย…ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่อรินโจค่ะ พึ่งย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ ค่ะ”
เธอโค้งศีรษะต่ำให้อีกครั้ง
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเทนโด อายุยี่สิบปี เป็นนักศึกษา”
เพื่อคลายบรรยากาศอึดอัดแบบ “เพื่อนบ้านโรคจิต” ฉันเลยแนะนำตัวให้ละเอียดหน่อยว่าเป็นคนปกติ
“อ๊ะ อายุเท่ากันเลย!”
รินโจซังชี้มาที่ฉันอย่างตกใจ
…เท่ากันเหรอ?
จริงดิ บังเอิญสุดๆ
ดูท่าเธอก็เป็นคนเฟรนด์ลี่ด้วย งั้นพูดกันแบบเพื่อนก็แล้วกัน
“จริงดิ เธอก็ยี่สิบเหรอ? เป็นนักศึกษา?”
“เนี๊ย…แบบว่า เหมือนทำงานอยู่บ้านมากกว่าน่ะ เป็นฟรีแลนซ์อะไรแบบนั้น”
“โห~ เจ๋งดีนะ”
“เนี๊ย~ ไม่ขนาดนั้นหรอก”
คำว่า “เนี๊ย” ดูจะเป็นคำติดปากของเธอ เธอโบกมือหน้าตาเลิ่กลั่กไปมา แล้วฉันก็สังเกตเห็นบางอย่าง—ฉันชี้ไปที่มือขวาของเธอ
“…นั่น ไปโดนอะไรมาเหรอ?”
“หือ? …อ๋อ นี่น่ะ โดนลวกนิดหน่อยน่ะ ยังไม่หายซักทีเลย~”
เธอเงยหน้ามองมือขวาตัวเอง
ที่นิ้วโป้งของเธอมีพลาสเตอร์ขนาดใหญ่แปะอยู่ ตอนแรกฉันนึกว่าเป็นแผลจากการย้ายของ แต่ดูท่าไม่ใช่
“อืม…งั้นแกะห่อของคงลำบากแย่เลยสิ?”
“ก็ใช่น่ะสิ~ วันนี้กะจะจัดของให้เสร็จ แต่ดูแล้วน่าจะไม่ไหวล่ะ ฉันกำลังเศร้าอยู่เลยเนี่ย~”
รินโจซังถอนใจแรง พร้อมไหล่ตกจ๋อยๆ
“ให้ฉันช่วยไหม?”
“…หือ?”
ฉันพูดออกไปแบบไม่ทันคิด
“วันนี้ฉันว่างทั้งวันเลย ไม่ต้องให้ช่วยหมดก็ได้ เช่นของหนักๆ อะไรพวกนั้น”
เธอทำท่าคิดหนัก “อืม…” “แต่ว่า…” พลางส่ายหน้าไปมา ดูเหมือนจะลังเลเต็มที่ ภาษาร่างกายชัดมาก
แต่ไม่นานก็ได้คำตอบ
เธอหันกลับมาหาฉันแล้วโค้งศีรษะอย่างแรงอีกครั้ง—เป็นรอบที่สามแล้วที่ฉันเห็นเธอก้มหัวแบบนี้
“งั้นก็…ขอโทษที่รบกวนแล้วกันนะ ขอบคุณมากเลย”
◇
อยากสนิทกับ ‘โอชิ’…หลายคนอาจเคยคิดแบบนั้น
ใฝ่ฝัน ชื่นชม แอบรัก และอยากจะเข้าใกล้ให้ได้
ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้นดี แต่ขอให้รู้ไว้แค่อย่างเดียว
เหมือนดวงดาวที่ส่องแสงบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่แท้จริงก็แค่เศษหินในจักรวาล—เช่นเดียวกัน ‘โอชิ’ ก็เป็นแบบนั้น เมื่อเราเข้าใกล้มากขึ้น…สิ่งที่เราไม่รู้ ก็อาจอาจเผยออกมา
ฉันได้เรียนรู้เรื่องนั้น…จาก “ท่านเอ็ต” และหลังจากนั้นก็ “ยาสุมิ ฮิโยริ”
MANGA DISCUSSION