ตอนที่ 6 คนบิดเบี้ยว
ช่วงเวลายามค่ำคืนของผมกับเบอร์ยี่สิบห้าที่ระเบียงยังคงดำเนินต่อไป
บางครั้งหลังเลิกงานผมก็เดินออกมารับลมเพื่อให้สงบลง ผมก็เจอเธอสูบบุหรี่ด้วยสีหน้าดูอิดโรยอยู่บ้าง
“สายัณห์สวัสดิ์ เพิ่งเลิกงานเหรอ?”
“ครับ สายัณห์สวัสดิ์”
ตอนอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อเราเป็นแค่ลูกค้ากับพนักงาน ไม่ได้พูดคุยอะไรนอกเหนือจากตอนขายสินค้า
แต่ที่ระเบียงห้องติดกันนี้ เราพูดคุยกันได้ตามปกติเหมือนเพื่อนบ้านทั่วไป
เรายืนคุยกันสักพัก เป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่นึกออก ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เพิ่งอ่านจบ ร้านที่แวะไปซื้อของ หรือแม้ว่าคุยกันว่าจะทำอย่างไรถ้ามีซอมบี้ระบาดในเมืองนี้
บทสนทนาสั้น ๆ ที่เราแลกเปลี่ยนกันก็จะจางหายไปเหมือนควันในวันรุ่งขึ้น
แต่กระนั้น บางครั้งเราก็คุยกันเรื่องโรงเรียน
“แล้วได้ลองหาเพื่อนบ้างหรือยัง คุณพนักงาน?”
“ไม่เลยครับ ถ้าไม่เริ่มหาเพื่อนตั้งแต่ตอนเดือนเมษายน มันก็จบแค่นั้นเลย พอช่วงโกลเด้นวีกทุกคนก็แยกย้ายไปตามกลุ่มของตัวเอง นั่นไม่ต่างอะไรกับเกมโอเวอร์แล้วเลยครับ”
“เธอไม่รู้อะไร จริง ๆ แล้วมันอาจจะมีทางคัมแบ็กก็ได้นะ”
“ก็คงมี แต่ผมไม่ได้สนใจจะเข้าไปยุ่งด้วยตั้งแต่แรกไงครับ ผมชินกับการอยู่ตัวคนเดียวแล้ว”
“งั้นเธอก็ยังเป็นคุณโดดเดี่ยวอยู่สินะ?”
“คงงั้นครับ”
“เห… เข้าใจละ”
เธอถามผมอยู่บ้าง เหมือนเธอจะนึกขึ้นมาได้ว่าผมหาเพื่อนที่โรงเรียนได้บ้างหรือยัง และคำตอบผมก็คือ “ไม่” ทุกครั้ง
เธอยิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนพอใจที่ได้ยินคำตอบนั้น เหมือนเธอจะอยากให้ผมโดดเดี่ยวไปตลอดกาล บางทีเธอคงจะเป็นคนประเภทยินดีในเรื่องร้ายของคนอื่น แต่ผมไม่คิดว่าผมเป็นคนโชคร้ายเป็นพิเศษขนาดนั้นนะ
“ถึงงั้นก็เหอะ น่าชื่นชมมากเลยนะที่เธอยังไปโรงเรียนอยู่ทุกวันเนี่ย”
“ผมรู้สึกว่าถ้าขาดไปแม้แต่ครั้งเดียว ผมคงตามไม่ทันน่ะ ก็ผมไม่มีใครให้ยืมสมุดโน้ตนี่”
ถ้าขาดเรียนแม้แต่วันเดียว ผมคงรั้งท้ายไปตลอดแน่ ผมขาดเรียนไม่ได้เลย ถึงขั้นที่ต้องคลานไปโรงเรียนด้วยซ้ำถ้าจำเป็น
“จะว่าไป ตอนมัธยมคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ฉันมีปัญหากับการตื่นนอนตอนเช้ามากเลย ไปโรงเรียนสายตลอด ครั้งไหนที่ฉันไปทันเวลานะ ครูทุกคนแทบช็อกไปเลยละ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“ถ้าสายหรือขาดครบแปดครั้ง ก็จะไม่ได้รับการแนะนำกับมหาวิทยาลัยน่ะสิ ฉันพลาดไปตั้งแต่กลางเดือนเมษายนตอนปีแรกของม.ปลายด้วยซ้ำ”
“กลางเดือนเมษายนของปีแรกเหรอ? เร็วมากเลยนะครับเนี่ย”
“ตอนนั้นเป็นสถิติใหม่ของโรงเรียนเลยนะ แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่น่าภูมิใจหรอก”
“ถ้าคุณอยู่ชมรมที่ต้องมาฝึกตอนเช้าคงมีปัญหาหนักกว่าเดิมอีกนะครับเนี่ย”
“เห คงโดนไล่ออกทันทีเลยละ”
“แล้วเคยอยู่ชมรมไหนหรือเปล่าครับ?”
“คิดว่าชมรมไหนที่ฉันไม่เคยอยู่ล่ะ?”
“ไม่ใช่เคยอยู่แต่เป็นไม่เคยอยู่เหรอครับ?”
“คิดสะว่าตัวเองเป็นเรือกวาดทุ่นระเบิดแล้วกัน ถ้าเธอทายชมรมถูกก็จะระเบิด งั้นเลือกชมรมที่เซฟที่สุดแล้วกัน”
“…บาสเกตบอล? หรือไม่ก็ซอฟต์บอล?”
“เธอเห็นฉันเป็นคนอย่างนั้นเหรอเนี่ย?”
“ก็คุณดูไม่ใช่คนชอบออกกำลังกายนี่ครับ ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่สูบบุหรี่หรอก”
“แค่เพราะคนคนหนึ่งอินกับกีฬา ไม่ได้แปลว่าคนคนนั้นจะไม่สูบสะหน่อย จริง ๆ แล้วนักกีฬาหลายคนก็สูบบุหรี่ตั้งแต่ตอนเป็นวัยรุ่นนะ”
“พอมาคิดดูแล้ว ก็เหมือนเคยได้ยินนักกีฬาเบสบอลไม่ก็ฟุตบอลสูบบุหรี่อยู่บ้าง แล้วคำตอบล่ะครับ?”
“เธอต้องทายไปเรื่อย ๆ นะ ฉันถึงจะบอก”
“แต่ถ้าอยู่ท่ามกลางทุ่นระเบิดแบบนี้ ยิ่งทายก็ยิ่งเสี่ยงไม่ใช่เหรอครับ? แล้วถ้าระเบิดขึ้นมาจะเป็นยังไงครับ?”
“หืมม… ฉันคงพ่นควันบุหรี่ใส่เธอละมั้ง”
“นั่น… ไม่น่าพอใจเท่าไหร่เลยนะครับ”
เธอยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เอาบุหรี่ไปดับที่ที่เขี่ยบุหรี่
“แต่ฉันก็แอบคิดนะว่าเด็กผู้ชายจริงจังแบบเธออาจจะได้รับอิทธิพลแย่ ๆ ไปจากคนนิสัยไม่ดีแบบฉันน่ะ”
“คุณคิดว่าผมเป็นคนจริงจัง แต่เปล่าเลยครับ ผมก็โดดเรียนตอนม.ต้นอยู่บ้างนะ”
“ก่อนที่จะมาอยู่คนเดียวอีกเหรอ? พ่อแม่ไม่ดุเอาหรือไง?”
“ก็แค่อย่าให้พวกท่านรู้ก็พอนี่ครับ แค่แกล้งไปโรงเรียนตอนเช้าแล้วกลับมาตอนเวลาเลิกเรียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็จบ”
“ทางโรงเรียนจะไม่โทรไปแจ้งผู้ปกครองเอาเหรอ?”
“ก็ชักปลั๊กโทรศัพท์บ้านไว้ก่อนครับ แล้วถ้าวันนั้นต้องเรียนวิชาพละ ผมจะเอาชุดพละไปคลุกดินก่อนกลับบ้านน่ะ”
“เห เธอนี่นักวางแผนมือฉมังเลยนะ”
เธอหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ชั่วขณะนั้นเอง ออร่าของเธอที่ดูเป็นผู้ใหญ่อยู่ตลอดเวลากลับกลายเป็นภาพของช่วงวัยใสไร้เดียงสาอยู่แวบหนึ่ง
รู้สึกดีเหมือนกันนะที่มีใครบางคนหัวเราะชอบใจกับเรื่องราวในชีวิตของผม นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำไมทุกคนถึงพยายามหาเพื่อนสินะ
เราคุยกันเรื่อยเปื่อนจนหัวข้อสนทนาเปลี่ยนเป็นสถานที่ทานมื้อกลางวัน
ผมเล่าเรื่องสถานที่ที่มีหญ้ารกตั้งอยู่หลังตึกกิจกรรมที่ผมไปประจำให้เธอฟัง
“โอ๊ะ ตรงนั้นฉันก็ไปบ่อยนะ”
“จริงเหรอครับ?”
“อื้อ ไม่มีคน เงียบสงบ สำหรับฉันนั่นเป็นสถานที่รกร้างที่ฉันเอาไว้หลบหนีตอนที่ฉันไม่อยากพูดคุยกับใครทั้งนั้น”
ผมรู้สึกดีเมื่อได้ยินว่าเธอก็เคยไปตรงนั้นเหมือนกัน มันเหมือนว่าเรามีอะไรที่เชื่อมต่อกันได้
“งั้นเหรอครับ แต่สำหรับผมมันไม่ใช่พื้นที่รกร้างเลย”
“หมายความว่าไง?”
“บางทีครูประจำชั้นห้องผมก็แวะมาบ้างน่ะสิครับ เธอรู้จักที่ตรงนั้น เราเคยกินข้าวเที่ยงด้วยกันอยู่บ้างน่ะครับ”
ผมพูดไปพลางนึกถึงครูโคฮารุที่อยู่ดี ๆ เธอก็โผล่ออกมาจากที่ซ่อนแถวนั้นแล้วก็เดินกลับไปเงียบ ๆ
“หืม ครูคนนั้นเป็นผู้หญิงเหรอ?”
“ก็ใช่ครับ”
“ยังสาวอยู่ใช่ไหม?”
“เหมือนเธอเคยพูดว่าเพิ่งสอนเข้าปีที่สองนะครับ”
“…หืมมม”
เบอร์ยี่สิบห้าเธอทำเสียงลากยาว หลังจากที่ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็พ่นควันบุหรี่พร้อมยืนพิงหลังกับราวระเบียง
เธอดูเหมือน… เซ็งแฮะ
“ผมพูดอะไรแปลก ๆ ออกไปรึเปล่าครับ?”
“ไม่เชิงหรอก ฉันก็นึกว่าเธอจะไม่มีใครให้คุยด้วยเลย แต่ดันมีเฉยเลยนี่สิ”
“ก็… ผมได้คุยกับเธอแค่ช่วงมื้อเที่ยงเองนะ ไม่ได้คุยกันเป็นเพื่อนสักหน่อยนี่ครับ เพราะงั้นในทางเทคนิคผมก็ยังตัวคนเดียวอยู่ดีนี่”
“แต่ได้กินมื้อเที่ยงกับครูสาวก็ฟังดูดีจังเนอะ ชักจะอิจฉาขึ้นมาแล้วสิ”
“งั้นให้ผมกลับไปตัวคนเดียวจริง ๆ ดีกว่าเหรอครับ?”
“ดีกว่าสิ ฉันชอบจินตนาการว่าเธอใช้ชีวิตไปวัน ๆ โดยที่ไม่ได้คุยกับใครเลย แต่ดูแล้วคงจะเป็นจริงไม่ได้แล้วมั้ง”
“อะไรล่ะนั่น”
ผมได้แต่หวังว่าเธอคงไม่ได้บิดเบี้ยวจนเกินไปนะ
บางทีคงมีแค่คนอย่างเธอนี่แหละที่จะอยู่ในอะพาร์ตเมนต์โทรม ๆ แบบนี้ได้น่ะ
แต่ดูจากที่เธอเป็นเพื่อนบ้านผมแล้วเนี่ย ผมว่าผมก็คงบิดเบี้ยวระดับหนึ่งเหมือนกันสินะ
Chapters
Comments
- ตอนที่ 14 หนังสือที่อ่านจบแล้ว กรกฎาคม 8, 2025
- ตอนที่ 13 ไปดูหนังด้วยกัน (2) กรกฎาคม 8, 2025
- ตอนที่ 12 ไปดูหนังด้วยกัน (1) กรกฎาคม 8, 2025
- ตอนที่ 11 ไปเที่ยวกันไหม? กรกฎาคม 8, 2025
- ตอนที่ 10 รสชาติของการเจาะลิ้น กรกฎาคม 7, 2025
- ตอนที่ 8 บังเอิญเจอกันที่ซูเปอร์มาร์เกต กรกฎาคม 6, 2025
- ตอนที่ 7 ผู้มาเยี่ยม กรกฎาคม 6, 2025
- ตอนที่ 6 คนบิดเบี้ยว กรกฎาคม 5, 2025
- ตอนที่ 5 ช่วงเวลาตอนมื้อเที่ยง กรกฎาคม 5, 2025
- ตอนที่ 4 เจาะลิ้น กรกฎาคม 5, 2025
- ตอนที่ 3 ทำไมสาว ๆ ถึงสูบบุหรี่กันนะ? กรกฎาคม 5, 2025
- ตอนที่ 2 คิดว่าฝันไป กรกฎาคม 4, 2025
- ตอนที่ 1 บุหรี่และพี่สาวคนสวย กรกฎาคม 4, 2025
MANGA DISCUSSION