ตอนที่ 5 ช่วงเวลาตอนมื้อเที่ยง
ผมก็ยังตัวคนเดียวที่โรงเรียนเหมือนเช่นเคย
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมเองก็ไม่ได้มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรอยู่แล้ว แถมพวกเรื่องปาฏิหารย์แปลก ๆ อย่างเช่นอยู่ดี ๆ ก็มีผู้หญิงตกลงมาจากท้องฟ้าหรืออะไรทำนองนั้นมันก็ไม่มีทางเป็นจริงอยู่แล้ว
แถมผมก็ไม่ได้ต้องการที่จะเปลี่ยนอยู่แล้ว
ระหว่างพักเที่ยง ขณะที่ทุกคนเริ่มจับกลุ่มนั่งทานข้าวด้วยกัน ผมก็ย่องออกมาจากห้องเรียนเงียบ ๆ
ผมน่ะอยู่คนเดียวได้สบาย แต่ถ้าจะให้นั่งทานข้าวคนเดียวในห้องเรียนเนี่ยก็คงจะเกินไปหน่อย
เหมือนที่เราอยู่คนเดียวในห้องได้สบาย แต่พอถูกแยกออกมาจากกลุ่มที่ทุกคนมารวมตัวกันเนี่ย มันทำให้รู้สึกเหงาและหดหู่กว่าเยอะเลย
บางที ถ้าผมนั่งทานข้าวคนเดียวก็อาจจะมีเพื่อนร่วมชั้นที่จิตใจดีเห็นแล้วสงสาร เลยชวนผมมานั่งทานข้าวด้วยกันกับพวกเขาก็ได้นะ
ในมุมของพวกเขามันอาจจะเป็นการกระทำที่มีน้ำใจ แต่ผมสัมผัสถึงความเวทนาได้น่ะสิ ความรู้สึกเหมือนตอนทำการกุศลหรือทำทานอะไรทำนองนั้น และนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกน่าสมเพชจนแทบทนไม่ไหวเลยละ
ถึงแม้ว่าผมเชื่อว่าการอยู่คนเดียวมันไม่ใช่เรื่องแย่อะไร แต่ต้องยอมรับเลยว่าช่วงเวลาที่ต้องนั่งทานข้าวคนเดียวในห้องเรียนเนี่ย มันทำให้รู้สึกแย่จริง ๆ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมต้องไปหาที่นั่งทานข้าวคนเดียวนอกห้องเรียน
ที่มุมหนึ่งของโรงเรียน หลังตึกที่เอาไว้ทำกิจกรรม มันมีพื้นที่ร้างที่ไม่ได้ใช้ทำอะไรอยู่ มีหญ้าขึ้นรกเต็มไปหมด แถมเงาจากตึกเรียนก็ทอดยาวทำให้พื้นที่ดูมืดทึบ
มันเป็นที่เล็ก ๆ แคบ ๆ ที่ไม่มีใครคิดจะมา
นักเรียนแทบทุกคนที่ทานข้าวนอกห้องเรียนจะเลือกทานที่ลานกว้างของโรงเรียนที่มีที่นั่งพร้อมแถมบรรยากาศดี
ผมนั่งลงบนพื้นยางมะตอย แกะห่อขนมปังไส้ยากิโซบะที่ซื้อจากร้านค้ามาแล้วเริ่มกิน ผมบอกไม่ได้ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย รสชาติมันก็ทั่ว ๆ ไป
“อ๊ะ อยู่นี่เอง เอโนกิคุง”
จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกผม ขณะที่กำลังกินขนมปังได้ครึ่งชิ้นโดยไม่ได้สนใจเรื่องรสชาติแม้แต่น้อย
อยู่ดี ๆ ครูประจำชั้นห้องผมก็โผล่มาจากหญ้าที่ขึ้นรก
ครูคนนี้ชื่อ โคฮารุ อากาซากะ ผมสั้น เอวบางร่างเล็ก สวมเสื้อแจ็กเก็ตและกางเกงสแล็กส์สีน้ำตาลอ่อน
เธอหน้าเด็ก แถมอายุน้อยอีกต่างหาก ถ้าจำไม่ผิดคุณครูเพิ่งสอนปีนี้เป็นปีที่สองเองมั้ง ทุกคนในห้องเรียกเธอว่า “โคฮารุจัง” แถมเข้ากับเธอได้ดีอีกต่างหาก
“ขอนั่งด้วยได้ไหม?”
“ที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวของผมสักหน่อยนี่ครับ ผมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธหรอกครับ”
“เธอแค่พูดว่า ‘เชิญครับ’ เหมือนคนปกติทั่วไปได้ไหม พูดอย่างนั้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเธอไม่เต็มใจเลยนะ”
จริง ๆ ผมก็รู้สึกไม่ค่อยเต็มใจนั่นแหละ ผมไม่ได้อยากให้เธอมานั่งกับผมเลย
ครูโคฮารุที่ดูเหมือนจะเขินอายอยู่หน่อย ๆ ค่อย ๆ หย่อนตัวลงข้าง ๆ ผม ไม่เชิงนั่งลงกับพื้น แต่เอาตัวพิงผนังกำแพงเอาไว้ เหมือนนั่งยองมากกว่า
“อื้อออ คาบเรียนเมื่อเช้าเหนื่อยสุด ๆ ไปเลยเนอะ แถมเรายังมีอีกสามคาบช่วงบ่ายอีก นี่ยังไม่นับกิจกรรมชมรมหลังเลิกเรียนด้วยนะ”
หลังบ่นพึมพำเบา ๆ เธอก็แกะถุงขนมปังไส้หวานออกมา
“แถมยังต้องทำงานที่ปรึกษาชมรมต่าง ๆ อีก แทบจะไม่มีวันหยุดอยู่แล้วนะ นี่ฉันทำทั้งหมดนี่เพื่อเงินสามพันเยนต่อวันงั้นเหรอ? ฉันลาออกไปทำงานพาร์ตไทม์ยังจะดีกว่าเลย”
เธอบ่นไปเรื่อยเหมือนนักมายากลที่ดึงธงออกมาจากกระเป๋าเสื้อเรื่อย ๆ เหมือนธงนั่นไม่มีวันหมด เธอคงอดทนมานานแล้วสินะ
ปกติแล้วครูโคฮารุไม่ได้เป็นคนอารมณ์เสียแบบนี้เลยนี่ ในห้องเรียนเธอก็ยิ้มแย้มและมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ คนอื่น ๆ ก็คงมองว่าเธอเป็นคนสดใสร่าเริง
แต่ช่วงพักเที่ยง เธอคงจะมาที่นี่แล้วระบายความหงุดหงิดออกมาละมั้ง เธอโชว์ให้เห็นด้านที่ไม่เคยมีใครเจอมาก่อน
ตอนแรกผมก็คิดว่าเธอจะสงสารผมเฉย ๆ คิดว่าเธอคงเป็นห่วงและพยายามจะพาผมเข้ากลุ่มเพื่อน ๆ เธอเผยด้านเปราะบางของเธอให้ผมเห็นเพื่อให้ผมเปิดใจและเชื่อใจเธอ
เพื่อที่วันหนึ่งผมจะกล้าพูดกับเธอตรง ๆ
“เอ่อ ถ้าครูมาคุยกับผมเพราะสงสารผม ครูไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้นะครับ”
“หือ?”
“ถ้าครูเป็นห่วงเพราะผมตัวคนเดียว ก็ไม่ต้องห่วงเลยครับ ผมอยู่ได้สบายโดยที่ไม่ต้องมีเพื่อน”
ผมไม่ชอบที่ถูกคนอื่นสงสารมากกว่าตัวคนเดียว ผมไม่ได้ทุกข์ใจขนาดนั้น
เธอคงเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร เพราะเธอตอบกลับมาว่า
“เอ่อ…ไม่ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นนะ ถ้าเธออยากอยู่คนเดียวก็ไม่เห็นเป็นอะไร ถ้าเธอมีปัญหาฉันก็จะช่วย แต่ถ้าเธอโอเคดีอยู่แล้ว ฉันก็จะไม่ไปยุ่ง”
“ฉันก็อยากนั่งทานข้าวคนเดียวเหมือนกัน แต่ไม่มีที่ไหนที่เงียบสงบแบบที่นี่เลย ดังนั้น… ถ้าเธอโอเค ฉันขอมาทานข้าวที่นี่ด้วยได้ไหม”
สถานที่ตรงนี้เป็นที่ที่สำคัญกับผมมาก เป็นเหมือนที่หลบภัยที่เงียบสงบ ผมไม่อยากแบ่งให้ใครเลย แต่ผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไล่เธอออกไปได้หรอก
ดังนั้นพวกเราก็เลยได้ใช้เวลาพักกลางวันด้วยกัน
แน่นอนว่าไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกวัน
บางครั้งผมก็ไปที่ห้องสมุด บางครั้งเธอก็ยุ่งอยู่กับนักเรียนหรือไม่ก็งานอื่น
“แล้วทำไมคุณครูถึงยังเป็นที่ปรึกษาชมรมทั้ง ๆ ที่ไม่อยากทำล่ะครับ” ผมถาม
“พวกเขาเอาแต่ขอร้องฉันน่ะสิ”
“ทำไมไม่ปฏิเสธไปล่ะครับ”
“ถ้าชีวิตมันง่ายอย่างงั้นก็คงไม่มีใครมีปัญหาอะไรแล้วละ ชีวิตเรามันมีแต่ปัญหาที่เราเอาแต่เดินหนีไม่ได้อยู่เต็มไปหมดเลยนะ”
เธอพูดราวกับว่าเธอผ่านช่วงเวลาขมขื่นในชีวิตมามากมาย มันไม่ใช่เรื่องที่ครูประจำชั้นควรพูดกับนักเรียนเลย
“พวกครูเหล่านั้นกำลังมีช่วงเวลาที่ดีในโรงเรียนนะ พวกเขาอยู่ในสังคมของโรงเรียน ไม่เคยพบเจอโลกความเป็นจริงเลย ยังทำตัวเหนือกว่าพนักงานเสิร์ฟในบาร์อยู่เลย เข้าใจได้แหละว่าทำไมถึงไม่เข้าใจว่าบางคนไม่อยากเป็นที่ปรึกษาชมรม”
“ครูก็เป็นคนแบบนั้นเหรอครับ?”
“ไม่เลย ฉันเป็นไร้ตัวตนในห้อง เรียบง่ายแถมน่าเบื่อ”
“ตกใจเลยนะครับ ครูที่ทำตัวเป็นคนร่าเริงต่อหน้าทุกคนเนี่ย ผมนึกว่าครูจะเป็นศูนย์กลางของผู้คนเสียอีก”
“ฉันบังคับตัวเองให้เป็นอย่างนี้เองแหละ ถ้าพวกเขารู้ว่าฉันเป็นคนมืดหม่น พวกเขาคงไม่ตั้งใจฟังฉันหรอก”
“ถ้านักเรียนไม่เคารพก็จบ งั้นเหรอครับ?”
“แหงสิ” เธอตอบ ไม่คิดว่าเลยเธอจะพูดอะไรที่ปกติแล้วโคฮารุจังที่ทุกคนรู้จักจะไม่พูดออกมา
“งั้นทำไมถึงมาเป็นครูเหรอครับ?”
“เหวอ ทำไมถึงถามงั้นล่ะ?”
“ก็… ครูพูดว่าโรงเรียนไม่ใช่ที่ที่เหมาะกับครูนี่ครับ แล้วทำไมถึงยังจมปลักอยู่ที่นี่ล่ะครับ”
“อืมมม… ย้อนกลับไปตอนเรียนในโรงเรียน ฉันเกลียดครูน่ะ ครูพวกนั้นเอาอกเอาใจแต่พวกนักเรียนที่น่ารัก ถามตอบเสียงดังฟังชัด กล้าแสดงออก”
ถูกเผง
“พวกเขาเอาแต่ผสมโรงกับนักเรียนที่โดดเด่นหยอกล้อนักเรียนที่ไม่ค่อยพูด ละเลยปัญหาที่เด็กที่อยู่เงียบ ๆ ต้องเผชิญ มันทำให้ฉันหัวเสียมากเลยละ ฉันก็เลยตัดสินใจที่จะเป็นครูเพื่อจะได้ช่วยดูแลนักเรียนที่ถูกเมินอยู่เงียบ ๆ ”
“ฉันคิดว่าฉันคงอยากช่วยคนอื่นที่เป็นเหมือนฉันนั่นแหละ เพราะเมื่อก่อนฉันก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่พอได้เป็นครูจริง ๆ ฉันก็ได้รู้ตัวว่าฉันเองก็เดินตามต้อย ๆ ท่ามกลางนักเรียนที่เป็นที่นิยม พยายามไม่ให้ใครมาดูถูกฉัน แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดีถ้าทำตัวดี ๆ กับเด็กพวกนั้น พวกเขาคอยคุมบรรยากาศของห้อง ฉันเพิ่งรู้หลังจากที่มาเป็นครูนี่แหละ ว่าถ้าคอยเอาแต่ดูแลนักเรียนที่อยู่เงียบ ๆ มันไม่ได้เป็นผลดีกับตัวเองเลย”
เธอหัวเราะแห้ง
“เฮ้อ… ถ้าตัวฉันในตอนนั้นมาเห็นคงจะผิดหวังน่าดู แบบว่า สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ต่างอะไรกับพวกครูที่เธอเกลียดเลยนี่”
“แต่ผมคิดว่าครูโคฮารุทำได้ดีเลยนะครับ”
“คิดงั้นเหรอ?”
“ครับ ครูดูเหมือนจะให้ความสนใจพวกนักเรียนที่โดดเด่น แต่ครูก็ยังแบ่งเวลามาดูแลคนอื่น ๆ นะครับ”
ผมไม่รู้นะว่าเธอมองตัวเองอย่างไร แต่จากที่ผมเห็นเนี่ย เธอปฏิบัติกับทุกคนเท่าเทียมกันมากกว่าครูคนอื่นที่ผมรู้จักเสียอีก แม้ว่าการพูดแบบนั้นอาจดูจองหองไปบ้าง ถ้ามองจากที่ผมยังเป็นนักเรียนอยู่
แต่เธอกลับตอบสนองผิดคาด
“อ่าา… ฉันดีใจนะ โดยเฉพาะจากที่เธอเป็นคนพูด เอโนกิคุง เธอดูไม่ใช่คนที่เอาแต่พูดเอาอกเอาใจเลย”
เธอพึมพำด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจ
“แต่ถ้าเธอเอาที่ฉันบ่นไปบอกครูคนอื่น ฉันคงแย่เลยนะรู้ไหม? ฉันก็พูดแรงไปเยอะด้วยสิ เช่น ที่พวกเขาเอาแต่ทำตัวเหมือนเด็กอมมือหรือทำตัวเป็นกุ๊ยในบาร์”
“ผมไม่บอกใครหรอกครับ” ผมตอบ “อีกอย่างผมก็ไม่มีใครให้บอกด้วยสิ”
“ก็จริงนะ ค่อยโล่งอกหน่อย”
เธอยิ้มเขิน ๆ
“นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันสบายใจที่จะพูดกับเธอสินะ หวังว่าจะไม่ไปรบกวนเธอนะ?”
“ไม่เลยครับ ผมชอบคนตรงไปตรงมามากกว่าคนที่พูดจาถนอมน้ำใจนะครับ”
“แต่ไม่นานมานี้เธอก็เปลี่ยนไปเหมือนกันนะ เอโนกิคุง” อยู่ดี ๆ เธอก็พูดขึ้นมา
“จริงเหรอครับ?”
“อื้อ ดูเหมือนจะมีความสุขกว่าแต่ก่อนนะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ…”
ผมแอบตกใจ ครูโคฮารุช่างสังเกตนักเรียนของตัวเองมากกว่าที่ผมคิดเสียอีก
เสียงระฆังบอกเวลาหมดพักกลางวันดังขึ้น
ได้ยินแล้วครูโคฮารุก็ถอนหายใจยาว
“เฮ้ออ… หมดเวลาพักแล้วเหรอ… เอาล่ะ ต้องไปเตรียมตัวสำหรับช่วงบ่ายแล้ว”
เธอยืนขึ้นด้วยความมุ่งมั่นแล้วกล่าว
“งั้นฉันกลับไปก่อนนะ อย่ามาเรียนสายล่ะเอโนกิคุง แล้วมาฟังฉันบ่นอีกนะ โอเคไหม?”
หลังจากตบแก้มตัวเองเบา ๆ เธอก็สวมหน้ากากยิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริงตามที่เคยเป็น แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องเรียน
Chapters
Comments
- ตอนที่ 6 คนบิดเบี้ยว 20 ชั่วโมง ago
- ตอนที่ 5 ช่วงเวลาตอนมื้อเที่ยง 21 ชั่วโมง ago
- ตอนที่ 4 เจาะลิ้น 21 ชั่วโมง ago
- ตอนที่ 3 ทำไมสาว ๆ ถึงสูบบุหรี่กันนะ? 21 ชั่วโมง ago
- ตอนที่ 2 คิดว่าฝันไป 2 วัน ago
- ตอนที่ 1 บุหรี่และพี่สาวคนสวย 2 วัน ago
MANGA DISCUSSION