ตอนที่ 2 คิดว่าฝันไป
ผมเคยได้ยินคนพูดว่า “ฉันไม่มีปัญหากับการทำงานพาร์ตไทม์แม้แต่นิดเดียว” อยู่บ้าง
ทุกคนที่ทำงานดูสนุกสนานเฮฮา ทุกครั้งที่ได้ยิน ผมได้แต่คิดว่าคนพวกนี้ช่างต่างกับผมจริง ๆ
ทำพาร์ตไทม์มีแต่ทรมาน ไม่ใช่เพราะว่างานที่ทำไม่เหมาะกับผมหรอก ผมแค่คิดว่าต้องทำงานก็ทรมานแล้ว ถ้าทำได้ก็ไม่ได้อยากทำงานหรอก ผมแค่อยากนอนไปวัน ๆ โดยไม่ต้องสุงสิงกับใคร
แต่ผมก็ได้แค่คิดนั่นแหละ ผมต้องทำพาร์ตไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อสามวันต่อสัปดาห์ตั้งแต่สี่โมงเย็นจนถึงสี่ทุ่ม เพราะจำเป็นต้องหาเลี้ยงชีพเนื่องจากผมอาศัยอยู่ตัวคนเดียว
พูดก็พูดเถอะ เด็กมัธยมปลายที่อาศัยอยู่คนเดียวเนี่ยเป็นอะไรที่หายากมาก อย่างน้อยผมก็ไม่เคยเจอใครที่เป็นเหมือนผมเลย
เหตุผลที่ผมต้องอาศัยอยู่คนเดียวก็เพราะสถานการณ์ของครอบครัว พ่อแม่อยากให้ผมย้ายออกไปจากบ้าน ผมเองก็อยากออกมาเหมือนกัน ในเมื่อพวกเราคิดเหมือนกันแล้ว พวกเราก็เลยตกลงให้ผมออกจากบ้านมา
เรื่องมันก็เป็นอย่างนั้นแหละ
ผมดูเวลาที่หน้าจอ ตอนนี้เป็นเวลา 21.55 น.
อีกแค่ห้านาทีก็จะได้เลิกงานสักที นี่คงเป็นเพียงช่วงเวลาเดียวที่พอจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นบ้าง
เมื่อถึงเวลาเลิกงานตอนสี่ทุ่ม ผมก็รีบตอกบัตรออกงาน ถอดเสื้อที่เป็นยูนิฟอร์มของร้านที่สวมทับเสื้อนักเรียนอยู่ใสกระเป๋า และออกทางหลังร้านโดยไม่พูดจากับใครเป็นพิเศษ
แค่พูดตามมารยาทพื้นฐานโดยไม่ทำให้ตัวเองดูเป็นคนไร้มารยาทก็พอ ผมกล่าวกับผู้จัดการร้านและเพื่อนร่วมงานสั้น ๆ ว่า “วันนี้ทำได้ดีมากครับ”
ผมไม่ได้อยากถูกชวนคุยนัก แต่ก็ไม่ได้อยากถูกโกรธเกลียดเหมือนกัน
เมื่อผมออกจากร้านก็เห็นพระจันทร์ท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิดยามค่ำคืน ช่างดูชัดแจ้งและเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง
ผมเดินกลับอะพาร์ตเมนต์ที่ต้องเดินเท้าประมาณสิบนาทีถึง ด้วยความรู้สึกเพลิดเพลินกับความอิสระหลังเลิกงาน
มันเป็นตึกที่อยู่มาเกินห้าสิบปีแล้ว ตั้งอยู่ในละแวกที่มืด ๆ ค่าเช่าสองหมื่นแปดพันเยนต่อเดือน ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นมาจริง ๆ ตึกนี้คงถล่มแน่นอน
ผมคิดว่าค่าเช่าของอะพาร์ตเมนต์ที่จะอยู่ไม่ควรต่ำกว่าสามหมื่นเยน ต่ำกว่านั้นก็คงจะได้ที่โทรม ๆ และไม่สะดวกแน่ ๆ
ตอนที่ผมออกจากบ้านมา พ่อแม่เสนอที่จะจ่ายค่าเช่าให้ ถ้าผมต้องการก็คงจะอยู่ที่ที่ดีกว่านี้ได้แหละ พ่อแม่… จริง ๆ แล้วคือ แม่กับพ่อใหม่ที่ฐานะดีมีเงินพร้อม แค่ผมพูดว่าอยากอยู่ห้องหรู พวกท่านก็คงยินดีจ่ายให้อยู่ดี
แต่ผมเลือกที่นี่ ห้องเล็ก ๆ ที่มีห้องอาบน้ำและห้องส้วมรวมกันที่เดียวในตึกเก่าทรุดโทรมแบบนี้
ผมแค่อยากแยกตัวออกมาจากสังคมคนปกติทั่วไป อยู่แบบเงียบ ๆ ในที่ที่ไม่มีใครสนใจ
แทนที่จะอยู่ชั้นบนสุดที่ตึกสูงหรูหราให้คนอื่นสนใจ ผมขอเลือกอยู่ในตึกมืด ๆ คร่ำครึที่ไม่มีใครเหลียวแลดีกว่า
ผมเดินขึ้นบันไดอะพาร์ตเมนต์ที่สนิมเกรอะเต็มไปหมด แต่ละก้าวที่เหยียบขั้นบันไดก็จะมีเสียงดังกว่าปกติ ผนังห้องก็บางเสียเหลือเกิน ถ้ามีเพื่อนบ้านที่หูดีเกินจำเป็นก็คงจะโดนร้องเรียนบ้างละ แต่โชคดีที่ไม่เคยมีเรื่องอย่างนั้น จากตึกสองชั้นที่มีรวมกันแปดห้อง ผมอาจจะเป็นคนเดียวที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็ได้ ห้องที่ว่างส่วนใหญ่ก็จะถูกทำเป็นห้องเก็บของ ดังนั้นมันเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นวี่แววของคนที่พักอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ก็เพราะอย่างนั้นแหละ ผมจึงได้อยู่อย่างสงบปราศจากเสียงรบกวน
ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง
แคบเป็นบ้า แต่ก็ยังดีกว่ากว้างจนเกินไปแหละนะ
ผมวางกระเป๋านักเรียน เปิดหน้าต่าง และเดินออกไปที่ระเบียงข้างนอกห้อง
สิ่งที่ปรากฏคือที่ว่างสุดลูกหูลูกตา พื้นที่ว่างเปล่าท่ามกลางความมืดมิด
หลังจากพบปะผู้คนเป็นเวลาหลายชั่วโมง ผมเลยมีนิสัยชอบมาสงบจิตสงบใจที่นี่ ให้สมองได้พักหลังจางที่ทำงานเป็นเวลานาน
ยังไม่ง่วงนอนเลยแฮะ
ผมพิงข้อศอกบนราวของระเบียงห้อง เหม่อมองออกไปในความมืดยามค่ำคืน พลางนึกถึงหญิงสาวที่มาซื้อบุหรี่ที่ร้าน
“สายัณห์สวัสดิ์”
จู่ ๆ ก็มีเสียงมาจากห้องข้าง ๆ ผมสะดุ้งโหยง
เมื่อไม่นานมานี้ ห้องนั้นยังว่างอยู่เลยนี่ แต่ตอนนี้กลับมีผู้หญิงมายืนที่ระเบียงห้องข้าง ๆ เสียแล้ว
ชั่วขณะนั้น ผมคิดว่าฝันไป
สาวผมดำยาว คีบบุหรี่อย่างง่าย ๆ ไว้ระหว่างนิ้ว พิงข้อศอกบนระเบียง
เธอคนนั้นนี่ คนที่มาซื้อบุหรี่เป็นประจำ
“เบอร์ยี่สิบห้า…”
“เบอร์ยี่สิบห้า?”
“อ๊ะ เปล่าครับ…คือว่า”
“หืม?”
“คุณชอบมาซื้อบุหรี่เบอร์ยี่สิบห้า ผมเลยจำอย่างนั้นน่ะครับ… ผมเผลอหลุดพูดไป”
“เห อย่างนี้นี่เอง เธอเลยแอบตั้งชื่อเล่นให้ฉันว่าเบอร์ยี่สิบห้าล่ะสิ”
“ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันแค่ตกใจที่ถูกเรียกด้วยเลขแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยน่ะ แว๊บหนึ่งฉันคิดว่าเธอรู้ว่าฉันเคยถูกควบคุมตัวที่สถานพินิจน่ะ”
“หือ?”
“รู้ไหมว่าคนที่ติดคุกหรือถูกควบคุมตัวที่สถานพินิจน่ะ จะถูกเรียกด้วยหมายเลขนะ”
“ฉันเคยถูกเรียกว่าหมายเลขยี่สิบห้าน่ะ ไม่ได้ชอบบุหรี่ยี่ห้อนี้หรอก ฉันแค่ซื้อมันตามหมายเลขเท่านั้นแหละ”
“งะ… งั้นเหรอครับ”
“ล้อเล่นน่ะ”
“เอ๋”
“เธอเชื่อฉันด้วยเหรอ?”
หมายเลขยี่สิบห้าหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นผมทำหน้าตกตะลึง ดูเหมือนเธอแค่จะแหย่ผมเล่น
ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็ตกใจอยู่ดี ผมแค่นึกถึงเธอขึ้นมา และเธอก็ปรากฏตัวอยู่ที่ระเบียงห้องข้าง ๆ จนผมคิดว่าเห็นภาพหลอน
“คุณเพิ่งย้ายเข้ามาเหรอครับ”
“อื้อ ที่นี่ใกล้มหา’ลัยฉันน่ะ”
“แต่ที่นี่มันแย่มากเลยนะครับ พวกผู้ชายคงไม่คิดอะไรหรอก แต่ถ้าผู้หญิงอยู่ที่นี่มันดูอันตรายเกินไปนะครับ”
“เหรอ? แต่ฉันชอบที่นี่นะ ดูมีเสน่ห์แปลก ๆ ดี”
ถ้าถึงขั้นเห็นเสน่ห์ของที่นี่ได้เนี่ย เธอคงผ่านอะไรมาเยอะเลยสินะ
“แล้วเธอล่ะ? เด็กมหา’ลัยหรอ?”
“เปล่าครับ ผมยังเรียนชั้นมัธยมน่ะ”
“ถึงว่าดูเด็กจัง อยู่กับครอบครัวเหรอ?”
“อา… เปล่าครับ ผมอยู่คนเดียว”
“…งั้นเหรอ” เธอพึมพำเบา ๆ
เธออาจจะคิดว่าเหยียบกับระเบิดเข้าให้แล้ว
นักเรียนชั้นมัธยมปลายอาศัยอยู่คนเดียวแทบจะเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นสถานการณ์ในครอบครัวจะซับซ้อนวุ่นวาย
บางทีเธออาจจะขอโทษ แต่ผมไม่ได้ต้องการคำขอโทษหรอก แต่เธอกลับพูดในสิ่งที่ผมไม่ได้คาดคิดเลย
“เจ๋งไปเลยนี่”
“…!”
“ทำไมเหรอ?”
“เปล่า… ผมแค่คิดว่าคุณจะสงสารผม”
“อาศัยอยู่ตัวคนเดียวห่างไกลจากพ่อแม่ตั้งแต่ตอนมัธยมเนี่ยน่าทึ่งจะตาย เมื่อก่อนฉันเองก็อยากทำอย่างนั้นบ้าง”
เธอพูดต่ออีกว่า
“โอ๊ะ แต่ตอนนี้สูบบุหรี่คงไม่ดีแล้วสิ เดี๋ยวฉันดับให้”
“ปะ… เปล่า ไม่เป็นไรครับ”
เธอคงเกรงใจเพราะผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ เธอทำท่าจะดับบุหรี่ แต่ผมก็รีบห้ามเธอไว้
“ลมไม่ได้พัดมาทางนี้ครับ แล้วก็คงเสียดายแย่ที่ต้องดับบุหรี่ทั้งที่ยังเหลืออยู่”
“จริงเหรอ?”
“ครับ ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ”
“ฮี่ ๆ งั้นฉันไม่เกรงใจละนะ”
หมายเลขยี่สิบห้าเอาบุหรี่กลับไปประกบที่ปาก สูบเข้าและพ่นควันออกไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยท่าทางที่ดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย
เหตุผลที่ผมบอกเธอไปน่ะโกหกทั้งเพ ความจริงผมแค่อยากเห็นตอนที่เธอกำลังสูบบุหรี่ ผมเคยจินตนาการภาพที่เธอสูบบุหรี่อยู่บ้าง แต่พอได้เห็นจริง ๆ มันต่างจากที่คิดเยอะไปเยอะเลยละ
ผมยืนดูเธอสูบอยู่พักหนึ่ง บุหรี่ที่ติดไฟค่อย ๆ ไหม้เหมือนกับตอนจุดพลุเลย
“อ้าว หมดเสียแล้วสิ”
บุหรี่ไหม้หมดแล้ว นั่นหมายความว่าบทสนาทนาของพวกเราคงจบแค่นี้สินะ ผมไม่อยากให้มันจบทั้งอย่างนี้เลยรวบรวมความกล้าถามเธอไปว่า
“คุณมาซื้อบุหรี่หนึ่งซองเป็นประจำเลย ทำไมแค่ซองเดียวล่ะครับ?”
“สงสัยเหรอ?”
“ก็… สังสัยครับ”
“ฮี่ ๆ นั่นสิน้า…”
เธอยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ถ้าฉันบอกว่า… เพราะฉันอยากเจอเธอล่ะ?”
“…เอ๊ะ”
“ฮิ ๆ คุยกับเธอแล้วสนุกดีจัง ตอนนี้เราเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว หวังว่าเราเข้ากันได้ดีนะ”
เธอหยิบซองบุหรี่เปล่าและที่เขี่ยบุหรี่ด้วยปลายนิ้ว
“ถ้างั้น ไว้เจอกันนะ ราตรีสวัสดิ์”
เธอเดินกลับเข้าไปในห้องหลังจากทิ้งคำพูดไว้แค่นั้น ความเงียบกลับเข้าปกคลุมที่ระเบียงกับผมที่ถูกทิ้งไว้คนเดียว
ไว้เจอกันนะ หลังจากได้ยินคำนั้น ผมได้แต่ยืนงุนงงอยู่ที่ระเบียงห้อง ทั้งร่างกายและจิตใจผมยังร้อนรุ่มเกินกว่าจะกลับเข้าไปในห้องได้
Chapters
Comments
- ตอนที่ 10 รสชาติของการเจาะลิ้น 1 ชั่วโมง ago
- ตอนที่ 8 บังเอิญเจอกันที่ซูเปอร์มาร์เกต 1 วัน ago
- ตอนที่ 7 ผู้มาเยี่ยม 1 วัน ago
- ตอนที่ 6 คนบิดเบี้ยว 2 วัน ago
- ตอนที่ 5 ช่วงเวลาตอนมื้อเที่ยง 2 วัน ago
- ตอนที่ 4 เจาะลิ้น 2 วัน ago
- ตอนที่ 3 ทำไมสาว ๆ ถึงสูบบุหรี่กันนะ? 2 วัน ago
- ตอนที่ 2 คิดว่าฝันไป กรกฎาคม 4, 2025
- ตอนที่ 1 บุหรี่และพี่สาวคนสวย กรกฎาคม 4, 2025
MANGA DISCUSSION