ตอนที่ 4 สองพี่น้องแห่งราชอาณาจักร (4)
โลกนี้มันช่างน่าประหลาดเหลือเกิน แม้แต่ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังก็ต้องรักษาหน้ากันเอาไว้และทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดยุคแห่งฟาร์นอสและราชอาณาจักรโฮลฟาร์ส
—ราชวงศ์ของทั้งสองประเทศที่มีเชื้อสายร่วมกัน หากมองย้อนกลับไปก็จะพบว่าพวกเขาคือญาติพี่น้องกัน
ฟาร์นอสเกิดขึ้นจากการแยกตัวออกมาจากราชอาณาจักรโฮลฟาร์ส แต่ก่อนที่จะถึงขั้นนั้นก็เกิดเรื่องราวมากมายระหว่างทั้งสองประเทศ
สงคราม การรุกราน การปล้นสะดม… ถึงจะเลิกรากันไปแล้ว แต่หลังจากนั้นทั้งสองประเทศก็เป็นศัตรูที่ไม่สามารถลงรอยกันได้
ถึงกระนั้นทุก ๆ ปี ก็ยังมีการประชุมระหว่างตัวแทนจากทั้งสองประเทศอยู่บ้าง
สถานที่จัดงานคือเกาะลอยที่ปกป้องชายแดนของราชอาณาจักรโฮลฟาร์ส ที่นั่นแม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่แสงไฟสว่างเจิดจ้ากันเกินไปหน่อย พร้อมการจัดงานเลี้ยง
ห้องโถงขนาดใหญ่ของปราสาทถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้ และตัวแทนจากทั้งสองประเทศยืนถือแก้วไวน์พร้อมยิ้มหลอกกันไปมา
ชื่อของฉันคือ “ลีออน ฮิม เซนเด็น”
ตอนนี้อายุ 13 ปีแล้ว และไม่รู้ทำไมกลับถูกบังคับให้มาเข้าร่วมงานแทนตาแก่ที่น่ารังเกียจอย่าง “แบนเดล ฮิม เซนเด็น”
เหตุผลที่ฉันต้องมาแทนก็เพราะว่าฉันเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งที่ตาแก่ไม่ยอมมาก็เพราะ…
「 「 การพบปะกับพวกคนในราชอาณาจักรนั่นมันน่ารังเกียจ ! 」 」
และยังปฏิเสธไปตั้งหลายครั้ง
ฟาร์นอสคิดว่า ถ้าหาก “แบนเดล” อัศวินผู้กล้าของพวกเขามาเข้าร่วม มันจะสร้างความน่าเกรงขามให้กับราชอาณาจักรโฮลฟาร์สอยู่บ้าง
แต่ในเมื่อตาแก่ยังดื้อดึงอยู่แบบนั้น แถมยังปฏิเสธไปหลายครั้ง เขาก็เลยเสนอให้ฉันมาแทน ฟาร์นอสต้องการแสดงให้เห็นว่าผู้สืบทอดของแบนเดลยังอยู่
ซึ่งก็คือฉัน…
พวกเขาไม่ได้สนใจตัวของฉันเท่าไหร่ แต่สนใจตำแหน่งของฉันมากกว่า และในความเป็นจริง ขุนนางจากราชอาณาจักรโฮลฟาร์สก็ให้ความสนใจกับฉันมากเหมือนกัน
「 เหนื่อยชะมัด… 」
「 พวกเขาทุกคนพยายามเทียบฉันกับตาแก่น่ารังเกียจนั้นเหรอไงนะ 」
ฉันหนีออกมาที่ระเบียงแล้วพิงตัวกับราวบันได พร้อมถอนหายใจยาว ในสายตาของพวกคนจากอาณาจักร ฉันคือ ผู้สืบทอดที่ได้รับการเลือกจาก <อัศวินดำ>
เหตุผลก็เพราะคู่หูของฉันที่เป็นลอสต์ไอเท็มซึ่งมีชื่อว่า “โครว์”
โครว์มีรูปร่างเหมือนลูกบอลสีดำและมีตาดวงเดียวที่แสนจะน่ากลัว แต่ว่าถ้าคุยกับมันก็จะรู้ว่า มันมีความน่ารักและอ่อนโยน
ส่วนใหญ่คนที่เจอมันครั้งแรกก็มักจะตกใจกลัว แต่จริง ๆ มันออกจะน่ารักมากด้วยซ้ำ
「 ฉันก็แค่ตัวเสริมสินะ ? 」
『 นายนี่มันขี้เหวี่ยงจริง ๆ นะ 』
『 ฉันบอกแล้วว่า “พลังของฉันคือพลังของนาย” ถ้านายมั่นใจในตัวเองให้มากกว่านี้มันก็คงจะดี 』
「 ถึงนายจะอยู่ก็ยังเอาชนะตาแก่ไม่ได้อยู่ดีนะ ? 」
ความน่าทึ่งของเจ้านี่ก็คือ เมื่อมนุษย์สวมใส่มัน มันจะเปลี่ยนร่างเป็นชุดเกราะในรูปแบบของหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ประมาณกว่า 5 เมตรได้ในทันที
ชุดเกราะคืออาวุธที่ใช้ในสนามรบของโลกนี้
มนุษย์จะเข้าไปขับอยู่ในหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์แล้วใช้มันในการต่อสู้แบบเดียวกับเครื่องบินรบ แต่ด้วยความที่รูปร่างเหมือนมนุษย์จึงมีความหลากหลายในการใช้งานมากกว่า
ส่วนโครว์คือสิ่งที่เรียกว่า “ลอสต์ไอเท็ม”
—อาวุธสุดยอดที่ตกทอดมาจากอารยธรรมที่ล่มสลายและมีสมรรถภาพที่เหนือกว่าชุดเกราะในยุคปัจจุบันมาก
แต่ถึงอย่างนั้น…
ฉันและโครว์ก็ยังแพ้ให้ตาแก่นั้นตั้งหลายครั้ง
ถ้าจะหาข้อแก้ตัว ก็เป็นเพราะฉันไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่ในการต่อสู้กับตาแก่ได้ ดังนั้นฉันจึงจำเป็นต้องจำกัดพลังของโครว์
ถึงอย่างนั้นในเรื่องของสมรรถภาพชุดเกราะ พวกเราก็ยังเหนือชั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน
โครว์ยังยื่นมือเล็ก ๆ ของมันออกจากตัวและทำท่าทางเหมือนจะกุมหัวตัวเองเอาไว้
『 ตาแก่คนนั้นมันขั้โกงนะ ! ถ้าฉันใช้พลังเต็มที่ก็ไม่มีทางแพ้หรอก 』
「 ถ้านายใช้พลังเต็มที่ ตาแก่คงได้ตายไปแล้วล่ะ 」
『 …นายดูเหมือนจะใจอ่อนกับตาแก่มากนะ 』
「 รำคาญจริง ๆ 」
เมื่อหันไปมองจากโครว์ ฉันก็สังเกตเห็นคนที่เดินมาที่ระเบียง เธอคงจะเหมือนฉัน ที่หนีออกจากงานเพราะเหนื่อยจากงานพบปะ ด้วยท่าทางของเธอดูอ่อนล้าเล็กน้อย
ผมสีทองที่ถักเป็นเปียและดวงตาสีแดงที่ส่องประกาย อายุของเธอน่าจะพอ ๆ กับฉัน แม้รูปร่างหน้าตาของเธอจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจ แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกได้คือความเป็นตัวตนของเธอ
ในชั่วขณะหนึ่ง
ความรู้สึกเหมือนถูกสะกดด้วยสายตาของเธอ จนทำให้ฉันรีบหันหน้าไปทางอื่นและส่ายหัวไปมา
โครว์มองหน้าฉันด้วยความสงสัย
『 ถ้านายมองสาวคนอื่นแบบนี้ ระวังเจ้าหญิงจะอิจฉาเอานะ 』
「 ไม่ได้มองแบบนั้นซะหน่อย… 」
เมื่อพยายามจะอธิบาย ก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ ๆ ซึ่งเมื่อเธอเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ฉัน เธอเป็นสาวที่มีท่าทางดุดันและดวงตาสีแดง
เมื่อเธอซ่อนความเหนื่อยเอาไว้ใต้ท่าทางที่มั่นคง เธอพูดออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ
「 นายคือ <อัศวินดำ> คนต่อไปใช่มั้ย ? 」
สาวน้อยที่มีสายตาคมกริบคนนี้ไม่ได้ซ่อนความเป็นศัตรูกับฉันเลย
ปกติแล้วฉันคงจะหลีกเลี่ยงไป แต่หลังจากที่ได้เห็นพวกผู้ใหญ่ในงานพยายามหลอกกันไปหลอกกันมา ฉันกลับรู้สึกว่า ความตรงไปตรงมาของเธอมันน่าสบายใจดี
จึงรู้สึกอยากจะลองเล่นกับเธอดูสักหน่อย
「 ถ้าเธอจ้องมาแบบนั้น ฉันคงต้องกลัวจนตัวสั่นแล้วล่ะครับ 」
「 ฉันคือ “ลีออน ฮิม เซนเด็น” นะครับ แล้วชื่อของเธอล่ะ ? 」
เมื่อฉันแสดงท่าทางเกินจริงไปบ้างพร้อม ๆ กับการทักทาย สาวคนนั้นดูเหมือนจะรู้ว่าตัวเองกำลังโดนแหย่ จึงทำหน้ามุ่ย
ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนที่ขี้โมโหพอสมควร
สาวที่ขี้โมโหคนนี้ก็เลยแนะนำตัวอย่างตรงไปตรงมา
「 ฉันคือ “แองเจลิก้า ราฟา เรดเกรฟ” 」
「 ——ศัตรูของนาย ! 」
เมื่อได้ยินชื่อของเธอ ฉันก็หยุดจากการแหย่เธอในทันที ฉันที่ตั้งใจจะล้อเล่นขำ ๆ แต่กลับตกใจซะแทน
ฉันมองไปที่เธอด้วยตาที่เบิกกว้าง
แองเจลิก้าดูเหมือนจะดีใจที่เห็นท่าทางของฉัน เพราะเธอยืนตรงขึ้น แล้วยืดอกอย่างภูมิใจ
แล้วพูดขึ้นต่อ
「 กลัวหรือ ? 」
「 ฉันเป็นลูกสาวของตระกูลดยุคเรดเกรฟ และเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาทแห่งอาณาจักร ฉันจะไม่ทำตัวให้เกียรติ์กับนายหรอกนะ 」
「 ถึงจะเป็นผู้สืบทอดของ <อัศวินดำ> ก็ตามที 」
เมื่อได้ยินคำพูดของแองเจลิก้า ฉันเลยยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่าความคิดของฉันถูกต้อง
เธอคือศัตรูจากเกมแนวจีบหนุ่ม——
——นางร้ายที่มักจะรังแกนางเอกของเกม
ดูเหมือนว่าผู้ใหญ่ในงานจะคิดว่าฉันกำลังพยายามเอาใจพวกเขาอยู่ แม้จะมีบางคนที่ชมเชยการกระทำของตาแก่ แต่ส่วนใหญ่พวกเขาก็แค่พยายามจะวัดความสามารถของฉัน
「 …ไม่มีใครพยายามจะเอาใจหรอกครับ 」
「 คุณหนูแองเจลิก้าเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ 」
「 คิดว่าจะกลบเกลื่อนด้วยตำพูดแบบนั้นได้เหรอ ? 」
「 ฮึ… 」
「 ดูเหมือน <อัศวินดำ> คนต่อไปดูจะไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองซะแล้วนะ ฉันจะไม่ให้นายทำอะไรตามอำเภอใจได้หรอก 」
「 เออ… ก็… ครับ 」
ในขณะที่ฉันกำลังคิดว่าตัวเองจะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไงดี ก็มีอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาที่ระเบียง เด็กสาวที่มีท่าทางไม่พอใจและเดินเข้ามาขัดขวางระหว่างฉันกับแองเจลิก้า
ซึ่งเธอคือ “เฮอร์ทรูเด้ เซร่า ฟาร์นอส”
เมื่อเธอเดินเข้ามาก็ส่ายผมยาวสีดำสนิทงดงาม ท่าทางของเธอสง่างามมากจนทำให้แองเจลิก้าต้องหันไปมอง
「 เสียงดังมาถึงนี่เลยนะ จะบอกว่าลีออนไม่มีคุณสมบัติมากพอเหรอ ? 」
「 ขอบอกไว้เลยนะว่า… 」
「 ลีออนคือคนที่ “แบนเดล” ยอมรับในความสามารถจนรับมาเป็นลูกบุญธรรม เพราะอย่างนั้นลีออนไม่อ่อนแอหรอกนะ ! 」
ที่เธอเข้ามาขัดบทสนทนาแบบนี้ คงเพราะเธอคงทนไม่ได้ที่ผมโดนดูถูกเหยียดหยาม…
<อัศวินดำ> ในมุมมองของฟาร์นอสก็เป็นเหมือนวีรบุรุษของประเทศ ถ้าคนในประเทศโดนเหยียดหยาม ก็ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะโกรธ
แองเจลิก้าดูเหมือนจะยิ้มอย่างมีความหมายเมื่อเห็นการมาของเฮอร์ทรูเด้ หรือ “รูเด้”
「 ดูเหมือนจะสนิทกันดีเลยนะ… แต่ความเห็นของคนรู้จักน่ะ มักจะไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไรหรอกนะ 」
「 เรื่องการประเมิน <อัศวินดำ> คนต่อไป มันก็ยิ่งดูเหมือนจะเป็นการอวยกันเองของคนในครอบครัวนั้นแหละ 」
คงเพราะเธอเป็นนางร้ายในเกม ก็เลยพูดแบบนี้ออกมาได้โดยไม่สนใจอะไร แม้แต่ตอนที่ยืนตรงหน้าก็ยังพูดอย่างนี้ได้…
มันไม่รู้ว่าเธอแค่ “กล้า” หรือแค่ “ไม่เข้าใจโลก” ถึงมันจะดูน่าสนุกจนอยากดูต่อไปก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่ารูเด้กำลังเริ่มเดือดแล้ว
ถ้าจะให้พูดอะไรออกไปก็…
รูเด้ที่เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา ฉันจึงถอนหายใจแล้ววางมือลงบนไหล่ของเธอแล้วพยายามถอยให้เธอห่างออกไป
「 พอได้แล้วครับ 」
「 ลีออน !? 」
「 นายไม่รู้สึกบ้างเหรอที่โดนดูถูกแบบนั้น ! 」
「 ไม่เลย ! 」
「 อะไรนะ !? 」
รูเด้มองฉันด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ เมื่อเห็นว่าฉันไม่รู้สึกอะไรเลยจากการโดนดูถูก ดวงตาของเธอเริ่มสั่นไหวเมื่อมองมาที่ฉัน
ตอนนี้ฉันเริ่มคิดว่าจะไม่สามารถอธิบายให้เธอฟังได้เลย จึงต้องอธิบายไปตามที่รู้สึก
「 ฉันไม่ได้สนใจวิธีการชนะหรอกนะ แตกต่างจากที่ตาแก่ที่ยึดติดกับชัยชนะอยู่ 」
「 ถ้าคู่ต่อสู้ประเมินฉันต่ำตั้งแต่ก่อนที่มันจะเริ่ม มันก็ทำให้เรื่องมันง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปติดอะไร 」
พอพูดไปแบบนั้น รูเด้ก็พยายามทำความเข้าใจ แต่เธอดูเหมือนจะยังไม่ค่อยอยากยอมรับอยู่ดี
แต่ว่า…
สุดท้ายเรื่องนี้มันก็คงไม่สำคัญ เพราะตอนนี้ฉันจะต้องเอาใจรูเด้ก่อน
พอหันไปมองแองเจลิก้ เธอก็ดูเหมือนจะกำลังจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาดุร้าย แม้ว่าจะจ้องแต่เธอก็ดูเหมือนจะกำลังจะร้องไห้
「 ฉะ… ฉันก็มีเจ้าชายรัชทายาทอยู่นะ… 」
เธอดูเหมือนจะกำลังคิดว่าฉันกับรูเด้เป็นคู่รักกันเหรอ ?
ดูเหมือนว่าเธอจะมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอค่อนข้างกังวล แต่ฉันก็คงไม่ว่างพอจะไปยุ่งหรอกตอนนี้หรอก
「 เอาล่ะ ! เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวพวกผู้ใหญ่จะเป็นห่วงเอานะ 」
ฉันพูดกับทั้งสองคนแล้วเดินกลับเข้าไปยังงานเลี้ยง
เมื่อกลับมาถึงงานปาร์ตี้ แองเจลิก้าก็รีบไปที่ที่มีผู้ใหญ่จากทางฝั่งที่อาณาจักรอยู่ ฉันและรูเด้เดินไปด้วยกันในงาน รูเด้ที่ดูเหมือนจะไม่ชอบท่าทางของแองเจลิก้า ทำให้เธอก้าวเท้ามากกว่าปกติ
「 ท่าทางนั้นมันอะไรกันเนี่ย 」
「 ก็ท่านหญิงจากตระกูลดยุกน่ะสิ 」
「 ตอนที่เจอกันครั้งแรก เธอยังดูสุภาพมากกว่านี้เลย แต่ตอนนี้เหมือนกับเป็นคนละคนเลย 」
ดูเหมือนว่ารูเด้จะเคยเจอกับแองเจลิก้าในงานปาร์ตี้ครั้งนั้น ซึ่งตอนนั้นเธอให้ความรู้สึกเหมือนสาวชาวบ้านมีการศึกษา
แต่ท่าทางที่เห็นบนระเบียงนั้นมันไม่อยากจะเชื่อเลย ถ้าคิดว่าเธอเป็นนางร้ายแล้ว การกระทำนั้นมันก็สมเหตุสมผลอยู่ ทั้งความหยิ่งทะนงที่เหมือนจะถูกทำลายได้ มันก็เหมือนกับนางร้ายจริง ๆ นั้นแหละ
เมื่อกำลังคิดถึงแองเจลิก้า รูเด้ก็หันหน้ามาทางฉัน หลังจากกลับมาถึงงานเธอก็พยายามรักษาท่าทางตามปกติ แต่สายตาของเธอยังมองมาที่ฉัน
「 เอาเถอะนะ… 」
「 ลีออนเองก็มีส่วนผิดด้วยนั้นแหละ การที่ถูกดูหมิ่นแต่ก็ไม่ตอบโต้อะไร แล้วก็ยังมองแองเจลิก้าอย่างหลงใหลอยู่เลยแท้ ๆ 」
「 …ฉันไปมองเธอแบบนั้นตอนไหนกัน ? 」
ฉันลองปฏิเสธด้วยการหลบสายตา แต่คู่หูของฉันกลับขำไปอีก
『 คู่หูก็มองหน้าอกของแองเจลิก้าอยู่ตั้งหลายครั้ง 』
เพราะการทรยศของโครว์ ฉันเลยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก รูเด้ที่ดวงตากลมโตก็กำลังยิ้มออกมาพร้อมกับสายตาทื่มแทง
「 เธอก็มองหน้าอกอยู่นั่นแหละ 」
โดยไม่รู้ตัวเลยว่า สายตาของฉันก็ไปมองไปที่หน้าอกของรูเด้ที่ดูเหมือนจะราบเรียบ ในหัวของฉันก็เปรียบเทียบกับหน้าอกของแองเจลิก้า แม้ว่าอายุจะเท่ากัน แต่การเจริญเติบโตมันต่างกันยิ่งนัก…
「 บะ… บ้าแล้ว ไม่มีทางหรอก 」
ฉันพยายามตอบโต้เพียงเล็กน้อย แต่โครว์ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดในที่นั้นก็เปิดเผยเรื่องราวทุกอย่าง
『 มองไปเยอะเลยนะ 』
「 โครว์ นายสนุกกับการทรยศฉันหรือไง ? 」
『 แต่มันเป็นความจริงนะ 』
『 คู่หูก็เคยประกาศว่าชอบหน้าอกไปแล้วไง 』
「 นั่นมันพูดที่บ้านนะ ใครมันจะประกาศความชอบของตัวเองกันบ้างล่ะ 」
『 …ถ้าดูจากที่คู่หูทำเป็นประจำ ก็เหมือนกับการประกาศเลยนะ 』
กำลังพยายามจะพูดคุยเรื่องกับโครว์เพื่อให้เงียบเรื่องนี้ รูเด้ก็เรียกฉัน
「 ขอโทษค่ะ ขอเวลาสักครู่ได้มั๊ยคะ ? 」
เสียงที่คล้ายกับกระดิ่งทำให้ฉันสะดุ้งและหยุดเดิน
เมื่อหันไปมอง ก็เห็นผู้หญิงที่ดูมีอายุมากกว่าที่กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ แองเจลิก้า จากชุดและเครื่องประดับ ทำให้ฉันสามารถเดาได้ทันทีว่าเธอเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสูง
เมื่อฉันรู้เช่นนั้น จึงทำท่าทางให้สุภาพเรียบร้อยยิ่งขึ้น ผมยาวตรงสลวย สีบลอนด์แพลตินัม ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ดูงดงามและเปล่งประกาย
ชุดเดรสสีขาวที่เธอสวมใส่อยู่ก็เหมาะสมกับเธอยิ่งนัก แต่สิ่งที่ทำให้โดดเด่นที่สุดก็คือ ความงดงามของเธอที่ไม่ได้มาจากชุดหรือเครื่องประดับ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มสะท้อนถึงความสง่างามและความน่าดึงดูดใจ
แบบที่ทำให้ฉัน…
「 ท่านงดงามมากจริง ๆ เลยครับ… 」
「 ขอเป็นแฟนได้ไหมครับ… 」
ฉันพูดออกไปตรง ๆ โดยไม่รู้ตัว พอพูดจบประโยค รูเด้ก็รีบมาประชิดตัวของฉันโดยการหยิกที่เอวของฉันจนเกิดเสียงแปลก ๆ ทำให้ฉันรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
ในขณะนั้น รูเด้ที่ยังคงหยิกที่เอวฉันและพูดเพื่อช่วยแก้ไขสถานการณ์
「 ดูเหมือนว่าลีออนของเราจะกำลังสับสนอยู่นะค่ะ 」
「 ต้องขออภัยด้วยนะคะ ท่านราชินีมิลเลน 」
รูเด้ที่เรียกชื่อของสาวงามด้วยชื่อเต็มและเพิ่มคำเรียกเกียรติยศ เพื่อเตือนให้ฉันถึงสถานะของเธอ สายตาของรูเด้ที่มองมาที่ฉันเหมือนกับกำลังบอกให้ฉันหยุดทำตัวไม่เหมาะสมได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม…
ฉันก็ยังคงหลงใหลในชื่อของเธอ…
「 ท่านมิลเลน… เป็นชื่อน่าทึ่งมาก ๆ ครับ ! 」
「 ฮึก ! 」
ครั้งนี้รูเด้เอาศอกกระแทกที่เอวของฉันอีกครั้ง รูเด้ที่ยิ้มแสร้งทำเพื่อแก้ไขสถานการณ์
「 อ้า… ลีออน ดูเหมือนจะยังไม่ตื่นจากการละเมออีกเหรอ ? 」
「 มันยังเร็วเกินไปที่จะเข้านอนตอนนี้นะ 」
ต่อหน้าสาวที่งดงาม และมีความสง่างามเช่นนี้ ฉันรู้สึกเหมือนกับความรู้สึกในช่วงชีวิตก่อนกลับชาติมาเกิด ได้ตื่นขึ้นมา
ซึ่งถึงแม้จะผ่านไปตั้ง 13 ปีแล้ว ที่ฉันได้กลับชาติมาเกิด
แต่ภายในจิตใจฉันก็ยังเหมือนกับชายหนุ่มอายุ 30 ปี อาจจะเป็นเพราะจิตใจของฉันดึงดูดผู้หญิงที่อายุใกล้เคียงกัน
แต่ท่านเป็นราชินี…
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางสำเร็จในการทำให้เธอหันมาสนใจ นั่นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
「 ขออภัยเป็นอย่างสูงครับ 」
「 ท่านราชินีมิลเลน… ความงดงามของท่านทำให้คำพูดหลุดคำพูดออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ 」
รูเด้มองฉันด้วยสายตาเหมือนจะบอกว่า
[ [ ยังจะพูดอีกเหรอ ! ] ]
และคู่หูของฉัน โครว์ก็กำลังส่ายหัวไปมา
มิลเลนที่ดูเหมือนจะกำลังงุนงง แต่แองเจลิก้ากลับไม่ได้ทำท่าทางที่เป็นมิตร เธอมองฉันด้วยสายตาที่เหมือนกับจะกำลังกล่าวหา
「 ท่านมิลเลน ท่านยอมให้เจ้าคนนี้ล่วงเกินแบบนี้เหรอคะ ? 」
「 การพูดจาแบบนี้กับราชินีต่อหน้าผู้คนแบบนี้มันช่างไร้มารยาทมากเลยนะ 」
พอได้ยินคำพูดของแองเจลิก้า ฉันก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นได้ว่าทุกคนในงานกำลังจ้องมองมาที่ฉัน
หากฉันไม่พูดอะไร ตอนนี้คงมีแค่ข้อเท็จจริงที่ว่าฉันได้กระทำผิดลงไป ฉันจึงตัดสินใจพูดออกไปเพื่อให้มันกลายเป็นเรื่องที่ไม่ชัดเจน
「 จะให้ฉันพูดกล่าวชมก็ไม่ได้งั้นเหรอ ! 」
「 หากไม่พูดจะถือว่าเป็นไร้มารยาทมากกว่าเสียอีก ! 」
ทุกคนรอบข้างเริ่มพูดกันอย่างขำขัน
[ [ เด็กน้อยคนนั้นพูดแบบนี้ก็จริงนะ ] ]
หรือไม่ก็…
[ [ ที่พูดออกไปมันก็มีเหตุผลอยู่นะ ] ]
และ…
[ [ การที่กล้าพูดกับราชินีมันก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกันนะ ] ]
ดี ! คิดว่าเรื่องนี้มันคงจะจบลงไปได้อย่างง่ายดาย แต่แล้วมิลเลนกลับยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า
「 ฉันได้ยินมาว่าแองเจลิก้าใช้ถ้อยคำที่ไร้มารยาทเลยมาขอโทษ แต่ว่าไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ 」
「 แองเจลิก้าเหรอ ? 」
เมื่อฉันหันไปมองแองเจลิก้า เธอก็หันหน้าหนีไป มิลเลนยกมือขึ้นแตะที่แก้มและขอโทษแทนแองเจลิก้า
「 เธอพูดจาไร้มารยาทที่ตรงระเบียงแล้วก็คุยเรื่องนี้ไปด้วยความภูมิใจ แต่จากมุมมองของเธอ มันก็คงเพราะมีความรู้สึกที่มากจนเกินไปต่อวีรบุรุษจากประเทศศัตรู 」
ดังนั้นเลย ท่าทางที่แข็งกร้าวที่เธอแสดงออกไปเพราะคิดว่าฉันเป็น <อัศวินดำ> มันก็คงเป็นการแสดงออกที่ตั้งใจเหรอ ?
แสดงว่าเธอกำลังพยายามทำอะไรที่เหนือความสามารถเพื่อให้ตัวเองดูดี ในเมื่อรู้เรื่องนี้ ฉันเองก็ยิ้มขึ้นมาและมองแองเจลิก้าไปที่กำลังทำหน้าขวยเขิน
「 ท่านมิลเลน ไม่จำเป็นต้องพูดขนาดนั้นหรอกค่ะ… 」
「 ไม่ ! เธอควรจะขอโทษอย่างเหมาะสม ถ้าเพื่อที่จะรักษามารยาท อย่างน้อยก็ต้องทำอย่างนั้น 」
แองเจลิก้าทำท่าทางเหมือนจะยอมแพ้แล้วและขอโทษฉันด้วยการก้มศีรษะและยกกระโปรงขึ้น
「 ขอโทษสำหรับความไม่สุภาพที่ผ่านมา… โปรดอภัยให้ด้วยค่ะ 」
ทันใดนั้น มิลเลนยิ้มและตบมือเบา ๆ ด้วยท่าทางที่สดใส
「 ตอนนี้เรื่องก็จบไปแล้วล่ะ ขอให้เราลืม ๆ เรื่องการสารภาพรักไปนะ 」
รูเด้ที่ดูเหมือนจะอยากใช้โอกาสนี้เปิดทางให้แองเจลิก้า กลับต้องถอยออกมา จากท่าทางของรูเด้ ดูเหมือนเธอจะพยายามหาประโยชน์จากความผิดพลาดของแองเจลิก้า
แต่สุดท้ายมิลเลนก็กลับทำให้เรื่องนี้จบลงได้เป็นอย่างดี แต่เรื่องมันก็ยังไม่จบไปง่าย ๆ มีเด็กชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฉัน
「 เรื่องนี้มันยังไม่จบลงง่าย ๆ หรอกนะ ! 」
เด็กชายคนนี้มีท่าทางที่คุ้นตา ฉันเองก็มีความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะดีด้วย
เขาก็ออกมาประกาศชื่อของเขาก้อง
「 การที่มีใครบางคนมาพูดกับราชินีของเราต่อหน้าฉันแบบนี้ ฉันไม่สามารถยอมรับมันได้ ! 」
「 ฉัน “แบรด โฟล ฟิลด์” จะเป็นคู่ต่อสู้ให้นายเอง ! 」
เขามาชี้ที่หน้าของฉันอย่างมั่นใจ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นตัวละครที่จีบได้จากเกมที่เคยเห็น จากสิ่งที่เกิดขึ้น นี้มันทำให้ฉันตอบออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
「 คู่ต่อสู้อะไรของนาย ? 」
จากนั้น แบรดก็เสยผมยาว ๆ สีม่วงของเขาขึ้นและพูดด้วยความมั่นใจ
「 แน่นอน ! ฉันจะตัดสินกับนายด้วยดาบ ! 」
เมื่อผู้เข้าร่วมงานในสถานที่จัดปาร์ตี้ล้อมรอบ ตรงกลางของวงนั้นมีเด็กชายสองคนที่กำลังจะเข้าสู่วัยหนุ่ม ยืนถือดาบไม้พร้อมเผชิญหน้ากันอยู่
เด็กชายคนหนึ่งเป็นบุตรชายคนโตของท่านมาร์ควิสแห่งฟิลด์ ส่วนอีกคนเป็นเด็กที่ถูกอาณาจักรฟาร์นอสเลี้ยงดูให้เป็นอัศวินดำคนต่อไป
มิลเลนยืนชมการแข่งขันอยู่แถวหน้า ข้าง ๆ เธอคือแองเจลิกา และมาร์ควิสแห่งฟิลด์ชายคนนั้น
เขามีผมยาวสีม่วงเช่นเดียวกับแบลด และเคราของเขาก็ได้รับการตกแต่งอย่างเรียบร้อยให้ดูสะอาดตา
「 ขออภัยด้วยนะ ที่ลูกชายข้าพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ออกมานะครับ 」
แม้มาร์ควิสจะแสดงท่าทีขอโทษ แต่สายตาของเขากลับจับจ้องอยู่ที่ลีออนเพียงคนเดียว
โดยปกติแล้ว มาร์ควิสควรจะเป็นฝ่ายห้ามการประลองเช่นนี้ แต่ในครั้งนี้เขากลับให้ความสนใจอย่างยิ่ง
มิลเลนอ่านความตั้งใจของมาร์ควิสออก
「 ท่านต้องการจะประเมินความสามารถของอัศวินดำรุ่นต่อไปใช่ไหม ? 」
「 สมกับเป็นท่านมิลเลน ข้ามองการณ์ตื้นเขินยิ่งนักสินะ 」
「 แล้วท่านคำนวณถึงความเป็นไปได้ที่ลูกชายของท่านจะแพ้แล้วหรือยัง ? 」
หากแบลดพ่ายแพ้ในที่แห่งนี้ มันจะเป็นการทำให้ตระกูลฟิลด์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถึงอย่างนั้น มาร์ควิสก็ไม่ได้แสดงความกังวลต่อเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของขุนนางผู้พิทักษ์ชายแดน
「 การประเมินว่าฝีมือของอัศวินดำรุ่นต่อไปเป็นของจริงหรือไม่นั้น เป็นข้อมูลสำคัญสำหรับข้าที่ต้องปกป้องชายแดน ต่อให้ลูกชายของข้าพ่ายแพ้และทำให้ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง— 」
「 …แต่มันก็คุ้มค่า 」
มาร์ควิสผู้ซึ่งเคยทุกข์ทรมานจากการรุกรานของแบนเดลมานานหลายปี รู้สึกอยากรู้ถึงฝีมือของลีออนเป็นอย่างมาก
มิลเลนถอนหายใจเบา ๆ
「 เมื่อตอนที่ได้ยินข่าวว่าอัศวินดำแบนเดลรับบุตรบุญธรรม ฉันเองก็ตกใจไม่น้อย แต่ฝีมือของเขาจะขนาดไหนกันนะ… 」
「 อัศวินดำแห่งอาณาจักรฟาร์นอส เปรียบเสมือนฝันร้ายของอาณาจักรโฮลฟาร์ท 」
หากฝันร้ายนี้กำลังจะมีทายาทสืบทอด มิลเลนย่อมไม่อาจนิ่งเฉยได้
( ข้าต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อที่จะได้เห็นอัศวินดำรุ่นต่อไปกับตาตัวเอง การจัดงานเลี้ยงนี้ก็คือหนึ่งในแผนการนั้น )
( หวังว่ามันจะคุ้มค่ากับความพยายามของข้านะ… )
ขณะที่มิลเลนกำลังครุ่นคิด แบลดก็เริ่มขยับตัว
「 ฮ่าห์ ! 」
ท่วงท่าฟันดาบของเขาไม่ดีและไม่แย่จนเกินไป เมื่อพิจารณาถึงอายุของบลัด นี่ถือว่าเป็นระดับมาตรฐานที่คาดหวังได้
แต่สำหรับมิลเลนแล้ว เขายังคงขาดพรสวรรค์ด้านดาบ
( เขามีความพยายาม )
( แต่ไม่รู้ว่าจะสามารถเอาชนะอัศวินดำรุ่นต่อไปได้หรือเปล่า… )
( อะไรนะ !? )
ในขณะที่เธอกำลังจับตามองดูว่าลีออนจะรับมือกับดาบของแบลดอย่างไร ดวงตาของมิลเลนก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
ลีออนเพียงแค่ใช้มือซ้ายดันคมดาบไม้ของแบลดให้เสียหลัก แม้จะดูเหมือนเป็นแค่การกระทำที่เรียบง่าย แต่การจับจังหวะเช่นนี้มันเป็นเรื่องยากที่อย่างยิ่ง
ถึงคู่ต่อสู้จะเป็นแบลด แต่การที่เด็กในวัยเดียวกันจะมีทักษะระดับนี้ถือเป็นเรื่องน่าตกใจ
ลีออนใช้ขัดที่ขาทำให้แบลดเสียหลักล้มลงอย่างสวยงาม ก่อนที่ดาบไม้ของเขาจะสัมผัสเบา ๆ ที่ต้นคอของแบลด
「 จบแล้ว 」
ภายในงานเงียบสงัดไปชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากเห็นการเคลื่อนไหวที่ราบรื่นของลีออน แบลดที่พ่ายแพ้ยังคงตกตะลึง ไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ท่ามกลางความเงียบ ชายคนหนึ่งเริ่มปรบมือ
「 สมกับเป็นทายาทของอัศวินดำ ! 」
「 เป็นชัยชนะอันงดงามจริง ๆ ท่านริออน ฮิม เซนเด็น ! 」
เอิร์ลเจรัลด์เป็นคนเริ่มปรบมือ ก่อนที่เหล่าขุนนางแห่งอาณาจักรฟาร์ออสจะร่วมกันปรบมือยกย่องลีออน
「 อัศวินดำรุ่นต่อไปน่าจะเป็นที่คาดหวังได้แน่นอน 」
「 ท่านแบนเดลฝึกฝนทายาทมาได้อย่างยอดเยี่ยม 」
「 อายุเท่านี้แต่มีฝีมือขนาดนี้ ช่างน่าทึ่งจริง ๆ 」
แบลดที่พ่ายแพ้กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจและก้มหน้าลง ลีออนที่ทำท่าจะยื่นมือไปช่วยเขาแต่ก็ชักมือกลับไปทันที
มิลเลนจับสังเกตความลังเลนั้นได้
( ฝีมือดาบของเขาไร้ที่ติ… )
( แต่จิตใจยังมีช่องโหว่ให้เล่นงานได้อยู่ )
ฉันที่ถูกลากเข้าผัวพันกับการตัดสินกับแบรด ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
「 จะหนีตอนนี้ก็ยังทันอยู่นะ 」
『 คู่หู ! นายควรจะกระตือรือร้นให้มากกว่านี้หน่อยนะ หรือไม่ก็ถ้านายไม่ระวัง หลังจากนี้คงจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากเลยล่ะ 』
เป็นอย่างที่โครว์พูดจริง ๆ นั่นแหละ ในฐานะตัวแทนของ <อัศวินดำ> ฉันไม่สามารถแพ้ง่าย ๆ ได้เหมือนกัน
ปกติแล้วถ้าเป็นฉันคงจะแค่เล่นขำ ๆ แล้วปล่อยผ่านไป และให้การยกย่องให้กันและกันว่าแข่งขันกันอย่างยุติธรรม
แต่ตอนนี้ไม่สามารถทำแบบนั้นได้…
เมื่อหันไปมองที่ฝูงชน ฉันเห็นเคานต์เกรอรัตต์ กำลังลูบเคราของตัวเองด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
เขาคือคนที่ยุ่งยากสุด ๆ
เหมือนกับพวกขุนนางฝ่ายสงครามที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจ เขาเป็นคนที่รับมือยากสุด ๆ
เขามักจะเลือกใช้แต่วิธีสกปรกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และถ้าเขาเห็นฉันทำอะไรที่น่าอับอายต่อหน้าเขา ไม่เพียงแต่ฉันที่ต้องรับผิดชอบ แต่ตาแก่ก็ต้องรับผิดชอบด้วย
「 ถ้าอย่างนั้นคิดว่าชนะอย่างไรถึงจะดีที่สุดล่ะ ? 」
ฉันถามโครว์ไป
โครว์ทำท่าทางครุ่นคิดขณะกอดแขน และในที่สุดก็เหมือนจะยอมแพ้
『 ทำตามที่ฝีมือตัวเองมีนี่แหละ 』
「 มันไม่ใช่คำตอบที่ฉันต้องการหรอกนะ 」
『 แต่ว่า ถ้าแพ้หรือชนะแบบในแบบที่ไม่สมเกียรติ์ กลับไปคงโดยผู้อาวุโสสวดยับแน่ ๆ คงจะโกรธแล้วสั่งให้ฝึกหนักเพิ่มขึ้นอีกครั้งแน่ 』
『 คงไม่อยากให้เป็นแบบนั้นหรอกใช่ไหมล่ะ ? 』
「 …ไม่อยากหรอก 」
『 งั้นก็ต้องชนะให้เหนือชั้นไปเลย 』
ฉันถอนหายใจอีกครั้งแล้วมองแบรดที่จ้องมาที่ฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
( เพราะเองนั่นแหละ ฉันถึงมาเจอกับเรื่องยุ่งยากแบบนี้ ทนเสียหน้ากับความอายให้หน่อยล่ะกันนะ )
งานเลี้ยงจบลงแล้ว มิลเลนเรียกแองเจลิก้ามาที่ห้องของเธอ
ในห้องรับแขกของเคานต์ฟิลด์ เมื่อทั้งสองคนอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง มิลเลนก็ได้เสนอแผนการอย่างหนึ่งให้กับแองเจลิก้า
เมื่อแองเจลิก้าได้ยินแผนการลับของมิลเลน เธอก็ถึงกับต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
「 อะ… อะไรกันคะ ให้ฉันเขียนจดหมายติดต่อกับท่านลีออนเหรอ !? 」
「 แต่เขาคือชายจากประเทศศัตรูนะคะ ท่านมิลเลน !? 」
ข้อเสนอที่มิลเลนเสนอคือการเขียนจดหมายติดต่อกัน
「 จากเหตุการณ์ครั้งนี้ แองเจลิก้าและเขาคงจะได้มีความสัมพันธ์บางอย่างแล้วใช่ไหม ? 」
「 การเขียนจดหมายขอโทษเพื่อแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไรหรอกนะ 」
「 ฉันเป็นคู่หมั้นของรัชทายาทอยู่แล้วนะคะ การเขียนจดหมายกับชายอื่นมันจะไม่ถือเป็นการเสื่อมเสียเกียรติ์เกินไปอย่างนั้นหรอคะ ? 」
แองเจลิก้าที่จริงจังกับเรื่องนี้อย่างมาก มิลเลนถอนหายใจออกมาเบา ๆ
ก่อนที่จะพูดต่อไปด้วยเสียงราบเรียบ
「 ดูเหมือนว่าคุณสมบัติในการเป็นอัศวินของลีออนคนนั้น จะไม่น่ามีปัญหาให้กังวลเลย ซึ่งเขาจะกลายเป็นภัยคุกคามได้หรือไม่นั้น คงต้องรอดูกันต่อไป 」
「 ตอนนี้ก็ยังสามารถทำให้คลายกังวลลงได้บ้าง 」
「 คลายกังวลลงเหรอคะ ? 」
แองเจลิก้าสงสัย มิลเลนจึงกระซิบเบา ๆ
「 ตอนที่บุตรชายของเคานต์ฟิลด์พ่ายแพ้ เขาก็พยายามที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยนะ ถ้าเป็นอัศวินดำอย่างแบนเดลคงไม่สนใจผู้แพ้แบบนั้นหรอก 」
「 เขาน่ะยังเด็กเกินไปในฐานะอัศวิน 」
มิลเลนต้องการให้ลีออนสร้างความสัมพันธ์กับแองเจลิก้า ก่อนที่เขาจะเติบโตขึ้นมาเป็นอัศวินที่สมบูรณ์แบบ มิลเลนพูดต่อ
「 คิดว่าทุกคนคงเกลียดราชอาณาจักรกันทั้งหมดใช่ไหมล่ะ ? 」
「 แต่จริง ๆ แล้วบางคนก็ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น 」
การที่มิลเลนอยากให้แองเจลิก้าเขียนจดหมายถึงลีออนนั้นก็เพราะว่าค้องการแองเจลิก้าที่เป็นคนจากแคว้นที่ไม่ได้มีความเกลียดชังต่อราชอาณาจักรมากนัก
ไม่ว่าจะเป็นการสารภาพรักจากลีออนหรืออะไรก็ตาม ถ้าลีออนก็ยังคงแตกต่างจากคนอื่น ๆ แต่ดูเหมือนว่าแองเจลิก้าจะยังไม่ค่อยยอมรับข้อเสนอนี้เท่าไหร่
「 แต่ถ้าหากรัชทายาททราบเรื่อง… 」
แองเจลิก้าเริ่มรู้สึกวิตกกังวล เพราะกลัวว่าจะถูกมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อยูริอุส มิลเลนจึงได้ดึงแองเจลิก้าเข้ามากอด
「 ยูริอุสฉะนจะอธิบายให้เอง 」
「 แองเจลิก้า ถ้าเธออยากจะเป็นราชินีในอนาคต เธอต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดี แม้แต่พฤติกรรมที่ดูไม่เหมาะสมในวันนี้ก็เช่นกัน 」
「 เธอต้องมองอะไรให้กว้างขึ้น… 」
「 ฝึกฝนจนมีความสามารถพอที่จะอยู่เคียงข้างยูริอุสได้ นี่ถือเป็นก้าวแรกของเธอ 」
「 การลดความแข็งแกร่งของอัศวินดำจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออาณาจักรโฮลฟอร์ส แองเจลิก้าพยักหน้าเบา ๆ 」
「 ค่ะ ! ท่านมิลเลน 」
เมื่อฉันกลับมาที่ราชอาณาจักรฟาร์นอส ฉันก็ถูกเจ้าหญิงและตาแก่ที่น่ารังเกียจตำหนิอย่างไร้เหตุผล
ในห้องหนึ่งของปราสาท ตาแก่ที่กำลังยืนกอดแขน
「 แม้ว่าจะเข้าใจว่าเป็นตัวแทนของข้าก็ตาม แต่ก็ยังทำตัวแย่ไม่เลิก เจ้ากับให้พวกคนของอาณาจักรดูถูกเหยียดหยามความสามารถของตัวเอง ! 」
「 บ้าชะมัด ! 」
ตาแก่ดูเหมือนจะไม่ชอบที่คนอื่นมองข้ามความสามารถของเขา ฉันไม่ชอบนิสัยที่ยึดติดกับการเป็นนักสู้ของตาแก่เลยจริง ๆ
「 แบบนั้นจะเพิ่มโอกาสชนะสิ ! 」
「 เจ้าโง่ ! 」
หลังจากได้รับหมัดจากตาแก่
ต่อมาก็เป็นตาของรูเด้ที่มองฉันด้วยสายตาที่เหมือนกำลังมองขยะ
「 ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า การจะชมสาวงาม จะต้องพูดอะไรบางจะถือว่าเป็นมารยาทเลยนะ… 」
「 นายยังไม่เคยพูดแบบนั้นกับฉันเลยนะ ? 」
「 พูดอะไรของเธอเนี่ย ? 」
「 เธอคิดว่าด้วยสถานะของฉันจะสามารถจีบเจ้าหญิงได้งั้นเหรอ ? 」
ท่าทางของรูเด้ที่กำลังจ้องมาที่ฉัน
「 โง่จริง ๆ 」
แล้วโครว์ที่ยืนข้าง ๆ ก็ส่ายหัวไปมา
『 …แม้แต่คู่หูที่เคยจีบราชินีของประเทศอื่นยังไม่มีความน่าเชื่อถือเลย 』
「 เอาเถอะ เธอคนนั้นมะ… ไม่เหมือนกันหรอกนะ ! มะ… มั่นใจได้เลยว่าเธอไม่มีทางตะ… ตกหลุมรักหรอก 」
『 แต่นั่นมันก็เหมือนกับเจ้าหญิงนั้นแหละ 』
ขณะที่ฉันพูดติด ๆ ขัด ๆ เรื่องมิลเลนที่ทำให้ฉันอึดอัด ตาแก่ก็ยังคงเดือดสุด ๆ อยู่เหมือนกัน
「 ถึงขนาดไปจีบราชินีจากประเทศศัตรู นี่มันไม่ใช่แล้วนะ ! 」
「 ลีออน ! ดูเหมือนเจ้าจะยังฝึกฝนมาไม่พอ ! 」
「 มันเกี่ยวข้องอะไรกับการฝึกฝนเล่า !? 」
เมื่อกำลังตะโกนโวยวายอยู่นั้นก็มีเสียงจากข้าง ๆ ดังขึ้น…
เฮอร์เลาด้านั้นเอง—
—เธอที่เข้าแทรกพร้อมกับรอยยิ้ม
「 ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ! 」
「 ท่านพี่ ลีออนเขาชอบผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่ ๆ อีกเดี๋ยวท่านพี่สาวเองก็จะได้ยินคำสารภาพจากเขาเองล่ะค่ะ 」
「 ใช่มั๊ยคะ ! ลีออน ! 」
「 เลาด้า ! หยุดเลย ! ถ้าพูดตอนนี้— 」
「 —เดี๋ยวนะ !? 」
ฉันพยายามที่จะหยุดการกระทำของเลาด้า แต่ดูเหมือนรูเด้จะจับใจความทั้งหมดได้จากคำพูดนั้นแล้ว ผมของรูเด้ที่เริ่มขยับไปมาเหมือนกับกำลังโกรธจนทำให้ตาแก่หันหน้าหลบ
「 “ก็ด้วย” งั้นเหรอ… ? 」
「 อืม… 」
「 งั้นก็หมายความว่า… ลีออนนายก็เคยสารภาพรักกับเลาด้าแล้วสินะ 」
ฉันจึงนั่งลงขอโทษและอธิบายสถานการณ์ให้รูเด้ฟัง
「 มะ… มันไม่ใช่แบบนั้นนะ ! 」
「 เลาด้าถามว่าฉันชอบเธอไหม ก็เลยบอกไปว่า ชอบถ้าเธอหน้าอกใหญ่ขึ้นนะ ! 」
ทันใดนั้น เลาด้าที่กำลังยกหน้าอกขึ้นก็พองแก้ม
「 ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ ! 」
「 ลีออนบอกว่า “เลาด้ามีหน้าอกใหญ่กว่ารูเด้ และดูมีอนาคตมากกว่าจึงชอบเธอมากกว่า” 」
รูเด้และตาแก่ที่เริ่มมองฉันด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
ซึ่งที่ข้าง ๆ ฉัน โครว์ก็พูดขึ้น
『 เพื่อนเอ๋ย… ยอมซะเถอะ นายไม่สามารถหาข้อแก่ตัวให้ดูดีได้หรอกนะ 』
「 ฉันไม่คิดเลยว่า… การใช้ชีวิตตามความรู้สึกจริง ๆ จะยากเย็นถึงขนาดนี้เลยนะ 」
『 คำพูดดี แต่การกระทำของนายมันแย่สุด ๆ ไปเลย 』
ทำไมโครส์ถึงไม่เข้าข้างฉันบ้างเลยนะ ?
เฮ้อ ! ฉันก็อยากได้เพื่อนที่เข้าใจและสนับสนุนฉันแบบเต็มที่บ้างจริง ๆ
Chapters
Comments
- ตอนที่ 4 สองพี่น้องแห่งราชอาณาจักร (4) พฤษภาคม 31, 2025
- ตอนที่ 3 สองพี่น้องแห่งราชอาณาจักร (3) พฤษภาคม 31, 2025
- ตอนที่ 2 สองพี่น้องแห่งราชอาณาจักร (2) พฤษภาคม 31, 2025
- ตอนที่ 1 สองพี่น้องแห่งราชอาณาจักร (1) พฤษภาคม 31, 2025
MANGA DISCUSSION